ตอนที่ 325 การต่อสู้ของพี่เขย
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและลูบหัวของหลินโรวโร่วเบาๆและพูดว่า “นี่คุณ..อย่าใจร้ายนักสิ”
“แล้วแกเกี่ยวอะไรด้วย..มันเป็นเรื่องของครอบครัวของเรา..มันไม่ใช่เรื่องที่แกจะเข้ามายุ่ง!” หลินยี่ตะโกน
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเย็นยะเยือกในทันที หลินยี่ผู้ชายคนนี้ช่างหยาบคายจริงๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดอย่างเย็นยะเยือกว่า “นี่ไอ้น้อง!..ฉันน่ะเคยเห็นคนแบบนายมาเยอะแล้ว..และคนแบบนี้ก็มักจะอายุไม่ยืน..มีคนมากมายที่ตายไปด้วยน้ำมือของฉัน..แล้วเด็กอย่างนายมันจะไปรู้อะไร..และนายจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหนกัน..นายเองยังไม่รู้อะไรเลยสักอย่างแล้วจะพูดได้ยังไงว่าฉันไม่สมควรเป็นพี่เขยของนาย?”
น่าแปลกที่ทั้งหลินไห่และซูเหม่ยนั้นไม่ได้พูดอะไรใดๆเลยแม้แต่น้อยซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขานั้นรู้ดีถึงความสามารถของเย่เชียน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการให้เย่เชียนสั่งสอนเด็กคนนี้สักหน่อย ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็คงจะไม่สามารถควบคุมอะไรหลินยี่ได้อีกต่อไปแล้ว
“แล้วไง?..และแกล่ะ?..แกมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาเป็นพี่เขยของฉัน?” หลินยี่พูดอย่างไม่แยแส
“พอได้แล้วหลินยี่” หลินโรวโร่วตะโกน “ไม่ว่าเขาจะมีคุณสมบัติอะไรที่จะเป็นพี่เขยของนายถึงยังไงนั่นมันก็ไม่ใช่การตัดสินใจของนายสักหน่อย..เว้นแต่ว่านายจะไม่อยากอยู่ในตระกูลหลินอีกต่อไป”
เย่เชียนก็หันหน้ากลับไปและยิ้มให้หลินโรวโร่วและพูดว่า “ปล่อยเด็กคนนี้ให้ผมจัดการเถอะ..ผมไม่เชื่อหรอกว่าผมจะไม่สามารถสยบความพยศของเขาได้” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็ยืนขึ้นแล้วกระดิกนิ้วท้าทายไปที่หลินยี่และพูดว่า “ไอ้หนู!..ถ้านายเป็นลูกผู้ชายพอก็ออกมาเจอกันหน่อยซิ..ถ้าหากว่านายชนะฉันได้ฉันก็จะไม่เป็นพี่เขยของนายและจะไม่มาเหยียบเมืองหางโจวอีกต่อไป”
“คิดว่าจะกลัวเหรอ?” หลินยี่ก็พูดอย่างเย้ยหยัน
ซูเหม่ยก็ถึงกับผงะไปและเมื่อเธอกำลังจะเปิดปากพูดแต่ในทันใดนั้นหลินไห่ก็ขยิบตาให้เธอจนซูเหม่ยแอบตกตะลึงและรีบปิดปากของเธอไปทันที
ปากของเย่เชียนกระตุกเล็กน้อยและรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นมาที่ริมฝีปากของเขา หลังจากนั้นเย่เชียนก็มองไปที่หลินโรวโร่วเพื่อบอกให้เธอโล่งใจและก็เดินออกไป เมื่อเย่เชียนเดินไปถึงหน้าประตูเขาก็หันกลับไปและเห็นว่าหลินยี่ก็ยังคงยืนอยู่ที่นั่นและเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “มาสิ..อย่าบอกนะว่านายกลัว?..ถ้ากลัวก็ขอโทษฉันซะตอนนี้..และเรียกฉันว่าพี่เขยซะ..แค่นั้นก็จบ”
“เหอะ..ฉันเนี่ยนะกลัวแก?” หลินยี่พูดอย่างมั่นใจและเดินตามเย่เชียนไป
เมื่อเห็นเด็กๆทั้งสองเดินออกไปแล้วแม่ของหลินยี่ก็พูดด้วยความกังวลว่า “พี่ใหญ่คะ..มันจะมีอะไรเกิดขึ้นมั้ยคะ?”
“ไม่ต้องกังวลไปเสี่ยวเย่น่ะสุดยอด..เดี๋ยวเขาจะสอนบทเรียนให้กับหลินยี่เอง..หลินยี่ควรจะเจอของจริงซะบ้างเพราะไม่งั้นฉันเองก็รู้เลยว่าในอนาคต่อๆไปเขาจะไปทำอะไรได้” หลินไห่พูด
ซูเหม่ยเองก็ยังคงกังวลอยู่เล็กน้อยและพูดว่า “ถึงยังไงพวกเราก็ออกไปดูกันเถอะ..มันไม่ควรเกิดเรื่องอะไรขึ้นในวันปีใหม่แบบนี้”
หลังจากที่ซู่เหม่ยพูดจบพวกเขาทั้งสี่คนก็ลุกขึ้นและเดินออกไปที่ระเบียงและมองลงไปยังสถานการณ์ด้านล่าง
หิมะในเมืองหางโจวนั้นไม่ตกหนักเท่าเมืองเซี่ยงไฮ้และหิมะที่สนามหญ้าด้านนอกก็ละลายไปเกือบหมดแล้วแต่ลมหนาวก็ยังคงหนาวเหน็บอยู่เช่นเคย
หลินยี่เดินตามเย่เชียนไปที่ด้านนอกอย่างมั่นใจและพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “ฉันไม่อ่อนข้อให้หรอกนะ..ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่าแกมีดีอะไรที่ต้องให้ฉันเรียกแกว่าพี่เขย”
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยหลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “นายเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว..แต่ถึงยังไงฉันก็จะใช้แค่มือข้างเดียวพอก็แล้วกัน..และเดี๋ยวนายก็จะรู้เองว่าฉันจะทำให้นายเรียกฉันว่าพี่เขยได้ยังไง”
“แม่งเอ๊ย..อย่ามาโทษฉันก็แล้วกันถ้าฉันพลั้งมือฆ่าแกตายน่ะ” เมื่อหลินยี่พูดจบเขาก็ต่อยไปที่เย่เชียน ทว่าเย่เชียนก็หลบได้อย่างง่ายดายและถีบสวนหลินยี่ไปทันทีและหลินยี่ก็กระเด็นล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง
“นี่คุณ..แบบนี้มันจะดีจริงๆหรอ” ซูเหม่ยพูดอย่างกระวนกระวายและเธอกำลังจะหันกลับไปและลงไปที่ชั้นล่าง
“อย่าลงไป!” หลินไห่ตะโกน และถึงแม้ว่าซูเหม่ยจะเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งและมั่นใจอยู่ตลอดเวลาก็ตามแต่เมื่อเห็นว่าหลินไฮ่ไม่สบอารมณ์มากขนาดนี้แล้วแม้แต่ซูเหม่ยเองก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะคัดค้านใดๆเลย เธอจำใจต้องหันกลับไปและพูดอย่างกังวลว่า “แล้วถ้ามันเกิดอะไรขึ้นเราจะทำยังไงกันล่ะ?”
“มันจะไปมีอะไร..เขาไม่ถึงกับฆ่าแกงกันหรอก..อย่างมากหลินยี่ก็แค่นอนในโรงพยาบาลสักสองสามวันก็แค่นั้น” หลินไห่พูด ซึ่งแม้แต่แม่ของหลินยี่เองก็ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรใดๆและเธอก็ทำได้เพียงแค่แอบภาวนาให้เย่เชียนสงบสติอารมณ์เข้าไว้และไม่ทำอะไรที่มันร้ายแรงจนเกินไป
“นายเลือกที่จะออกมาเผชิญหน้ากับฉันเองไม่ใช่เหรอ..เอาสิเข้ามา!” เย่เชียนหัวเราะเยาะ
“ไอ้เวรนี่” หลินยี่ก็ลุกขึ้นและพุ่งเข้าหาเย่เชียนอีกครั้ง “ปัก!” ในขณะที่เขาวิ่งเข้ามาเย่เชียนก็เตะขาของหลินยี่ไปจนหลินยี่ล้มลงกับพื้นอย่างแรงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยังคงยั้งมือเอาไว้และผ่อนแรงลงอย่างมากเพื่อที่หลินยี่จะได้ไม่บาดเจ็บมาก
“โห..คนไร้ประโยชน์ปรากฏตัวแล้ว!” เย่เชียนก็ยังคงเย้ยหยันต่อไป
“ไอ้เวรเอ๊ย!..เจอนี่หน่อยก็แล้วกัน!” หลังจากที่หลินยี่พูดจบเขาก็หยิบก้อนอิฐแต่งสวนหย่อมขึ้นมาและรีบวิ่งเข้าไปหาเย่เชียนด้วยหน้าตาที่ดูสิ้นหวังเล็กน้อย
ใครจะไปรู้ล่ะว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้หลบแต่เขายืนอยู่เฉยๆและโดนอิฐของหลินยี่ฟาดเข้าไปที่หัวอย่างรุนแรง ซึ่งในขณะนี้ไม่เพียงแค่หลินยี่เท่านั้นที่ประหลาดใจเพราะแม้แต่หลินไห่และคนอื่นๆที่อยู่ชั้นต่างบนก็ตกตะลึงกันอย่างมาก
ด้วยเสียง “โพล๊ะ!” ก้อนอิฐกระแทกเข้าไปที่ศีรษะของเย่เชียนอย่างรุนแรงและหลินโรวโร่วก็อดไม่ได้ที่จะลั่นตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ซึ่งอิฐก้อนนั้นก็แตกออกไปครึ่งหนึ่งหลังจากนั้นเย่เชียนก็ปัดผมของเขาเพื่อปัดเศษก้อนอิฐออกอย่างเฉยเมยแล้วพูดว่า “เอ้า..ทำต่ออีกสิ!” หลินยี่ก็ถึงกับตกตะลึงอยู่ตรงนั้นพร้อมกับอิฐอีกครึ่งก้อนของเขา
เย่เชียนก็เดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ “ปัก!” เย่เชียนถีบหลินยี่ออกไปและถามว่า “ตอนนี้จะเรียกฉันว่าพี่เขยได้รึยัง?”
“ไม่!” หลินยี่ตะโกน
“ผัวะ!” เย่เชียนตบหน้าของหลินยี่เบาๆ “ไหนเรียกพี่เขยซิ!”
“ไม่!..ฉันจะไม่เรียก!” หลินยี่พูดเสียงแข็ง
“ปากแข็งจริงๆ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาตบอีกครั้งและพูดว่า “จะเรียกฉันว่าพี่เขยได้รึยัง?”
“ไม่เรียกเว้ย!..ถ้าแกไม่ฆ่าฉันตอนนี้ล่ะก็ฉันจะโทรหาพี่น้องของฉันแล้วให้พวกเขามาฆ่าแก!” หลินยี่พูด
“โว้วๆ..มีพวกด้วยเหรอ..งั้นก็เรียกมาเลย!” เย่เชียนพูดขณะที่เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและโยนมันไปข้างๆหลินยี่ “โทรเลย..เดี๋ยวฉันจะรออยู่ที่นี่”
“เหอะๆ..ถ้างั้นก็อย่าออกจากรั้วบ้านนี้ไปก็แล้วกัน..ถ้าแกออกมาจากรั้วบ้านนี้ล่ะก็อย่าคิดที่จะรอดกลับไปได้เลย” หลินยี่พูด
เย่เชียนเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันเพราะว่าที่นี่เป็นบ้านของหลินไฮ่และพวกเขาเหล่านั้นก็เป็นเพื่อนของหลินยี่เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าพรรคพวกของหลินยี่จะมีความกล้าบ้าบิ่นแค่ไหนก็ตามถึงยังไงพวกเขาก็คงจะไม่กล้าที่จะสร้างความวุ่นวายต่อหน้าของหลินไฮ่อย่างแน่นอน หลังจากนั้นเย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพูดว่า “เอ้า!..รีบโทรไปซะ..เดี๋ยวฉันจะออกไปหาพวกของนายเอง”
หลินยี่ก็พยายามที่จะลุกขึ้นและพูดว่า “บอกพี่น้องที่เสี่ยวจู้โหลวเตรียมตัวเอาไว้!”
“ดี!..ไปรอฉันได้เลย..เดี๋ยวจัดให้” เย่เชียนพูด ซึ่งเย่เชียนเองก็พึงพอใจหลินยี่อยู่เล็กน้อยเพราะเขาไม่เหมือนกับเหล่าลูกชายของผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆที่มักจะอ้างอิทธิพลของครอบครัวและร้องห่มร้องไห้แต่กลับยังหยิ่งผยองและเกรี้ยวกราดได้อยู่อีก และท้ายที่สุดแล้วหลินยี่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของหลินโรวโร่วเช่นกันอาจพูดได้ว่าเขานั้นเป็นความหวังของตระกูลหลินในอนาคตเลยก็ว่าได้ ซึ่งเย่เชียนเองก็จงใจที่จะสยบหลินยี่และสอนให้เขารู้ว่าโลกที่แท้จริงคืออะไรและยุติความหยิ่งผยองและความเกรี้ยวกราดของเขาออกไป
เมื่อเห็นหลินยี่เดินออกไปแล้วเย่เชียนก็แสยะยิ้มแล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านซึ่งทั้งสี่คนที่ชั้นบนก็เฝ้าดูหลินยี่จากไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและรู้สึกประหลาดใจอย่างมากและพวกเขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่และเมื่อเห็นเย่เชียนเดินเข้ามาหลินโรวโร่วก็รีบถามว่า “มีอะไรหรอ?”
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “คุณลุง..คุณป้าผมขอโทษนะครับ!”
“เอ่อไม่เป็นไรๆ..เด็กคนนั้นควรจะถูกสั่งสอนซะบ้าง” หลินไห่พูดและถาม “แล้วทำไมเขาถึงออกไปข้างนอกล่ะ?”
“อ๋อ..เขาโทรบอกพรรคพวกของเขาแล้วไปรอผมที่เสี่ยวจู้โหลวน่ะครับ” เย่เชียนพูด
“เสี่ยวจู้โหลวน่ะเหรอ..นี่เขาแหลกเหลวจนไปอยู่กับพวกแก๊งใต้ดินเลยเหรอ?” หลินไห่ขมวดคิ้วแน่นโดยไม่สมัครใจและพูด
“เอาหน่าลุงไห่..ผมคิดว่าหลินยี่น่ะไม่เลวเลย..แต่นิสัยของเขาค่อนข้างแย่ไปหน่อย..ตราบใดที่เขาคิดและแยกแยะอะไรได้แล้วล่ะก็..ผมคิดว่าเขาจะต้องมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน” เย่เชียนพูดต่อ “อ้อ..ตอนที่ผมมาน่ะผมเห็นว่าพวกคุณกำลังเครียดกันอยู่..มีเรื่องอะไรหรอครับ?”
“เห้อ..เรื่องนั้นน่ะเหรอ..เขาไปคบกับดารานักแสดงสาวคนนึง..และข่าวฉาวเกี่ยวกับดาราสาวคนนั้นน่ะก็มีแต่แย่ๆทั้งนั้น..ฉันคิดว่าพวกเขาไม่ได้รักกันจริงๆจังๆกันหรอก..และเรื่องนี้น่ะมันจะส่งผลเสียอย่างมากต่ออนาคตของเขาเอง” หลินไห่พูด
เย่เชียนก็พยักหน้าเพราะเขาเองก็รู้เรื่องแบบนี้ดีเพราะในฐานะเจ้าหน้าที่และคนของรัฐบาลแล้วข้อจำกัดและกฏระเบียบต่างๆก็เข้มงวดและมีมากมายและเราก็ไม่สามารถทำสิ่งที่เราต้องการได้เสมอไปเว้นแต่ว่าเราจะไม่คำนึงถึงอนาคตของตัวเองเช่นนั้น “คุณลุงคุณป้าครับเรื่องแบบนี้ไม่ต้องเครียดกันไปหรอก..นิสัยของหลินยี่ยังเป็นวัยรุ่นหัวดื้อเอาแต่ใจอยู่..และยิ่งพวกคุณคัดค้านมากเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งแข็งข้อมากขึ้นเท่านั้น..ปล่อยเขาไปเถอะเดี๋ยวเขาก็คิดได้เองแหละ”
หลินไห่ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดีเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาก็คอยประคบประหงมและปลูกฝังหลินยี่อย่างดีเพื่อที่หลินยี่จะได้สืบทอดตระกูลหลินในอนาคต ถึงอย่างนั้นหลินยี่ก็ทำตัวแหลกเหลวทั้งวันและเขาก็ไม่เต็มใจที่จะทำตามความปรารถนาของครอบครัวเลยแม้แต่น้อย
“คุณลุงคุณป้ากินข้าวกันต่อเถอะครับ..เดี๋ยวผมจะไปที่เสี่ยวจู้โหลว” เย่เชียนพูดต่อ “ไม่ต้องกังวลไปครับ..ผมไม่ทำอะไรหลินยี่หรอก..เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นน้องชายของภรรยาของผม”
“ฉันจะไปกับคุณด้วย!” หลินโรวโร่วพูด
เย่เชียนก็เหลือบมองเธอและพยักหน้าเพราะเย่เชียนนั้นไม่รู้จริงๆว่าเสี่ยวจู้โหลวนั้นอยู่ที่ไหนและการที่หลินโรวโร่วมาด้วยนั้นก็ตะช่วยเขาได้อย่างมาก ซึ่งตอนนี้ในเมืองหางโจวนั้นก็มีพวกองค์กรและกลุ่มแก๊งใต้ดินไม่มากนักที่สามารถทำการใหญ่ได้เพราะตั้งแต่การตายของราชาแห่งขุนเขาเฝิงเฝิงนั้นพวกใต้ดินเกือบทุกกลุ่มของเมืองหางโจวแห่งนี้ก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเมื่อเทียบกับเฝิงเฝิงก่อนหน้านี้เพราะตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นทั้งหมดก็เป็นได้แค่ขยะ
พี่น้องและพรรคพวกของหลินยี่จะเป็นใครไปได้? อย่างมากพวกเขาก็เป็นเพียงแค่เหล่าลูกหลานของผู้มีอิทธิพลหรือเหล่าเศรษฐีเพียงเท่านั้นและพวกเขาเหล่านั้นก็ไมได้ยิ่งใหญ่อะไรเพราะตอนนี้ในมณฑลเจ้อเจียงนั้นหลี่จื้อเทียนก็ถือได้ว่ามีอิทธิพลอย่างมากและความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชียนกับหลี่จื้อเทียนนั้นคืออะไร? นั่นก็คือพันธมิตรเพราะพวกเขาได้จับมือกันและร่วมมือกัน และเมื่อเป็นเช่นนั้นหลี่จือเทียนจะย้อมให้เย่เชียนเดือดร้อนได้อย่างไรกัน? เพราะฉะนั้นคนเหล่านั้นก็ไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่เส้นผมของเย่เชียนเลยเพราะการหนุนหลังของหลี่จื้อเทียน
ตามคำแนะนำของหลินโรวโร่วแล้วเย่เชียนก็ขับรถไปที่เสี่ยวจู้โหลว ซึ่งระหว่างทางคิ้วของหลินโรวโร่วก็ขมวดเข้าหากันแน่นซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะกังวลเกี่ยวกับลูกพี่ลูกน้องอย่างหลี่ยี่ที่ทำตัวแหลกเหลวเช่นนี้ เมื่อเห็นการแสดงออกของเธอแล้วเย่เชียนก็ยิ้มและลูบหัวของเธอแล้วพูดว่า “ยัยโง่..ไม่ต้องกังวลไป..ผมอยู่ที่นี่แล้ว..ผมสัญญาเลยว่าหลินยี่จะต้องคิดได้และพร้อมที่จะทำหน้าที่ของเขา..และเขาก็จะนำพาตระกูลหลินไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอนาคตได้อย่างแน่นอน”
หลินโรวโร่วก็พยักหน้าซึ่งหลินโรวโร่วนั้นก็ไม่เคยสงสัยในคำพูดของเย่เชียนเลยแม้แต่น้อยและยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเห็นมาด้วยตาของตัวเองแล้วว่าบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรีหูวหนานเจียนที่มาหาเย่เชียนเป็นการส่วนตัวในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อไม่นานมานี้ซึ่งเรื่องนี้ก็เพียงพอที่จะแสดงความสามารถที่ยอดเยี่ยมของเย่เชียนได้แล้ว
.
.
.
.
.
.
.