ปฏิญญาค่าแค้น – ตอนที่ 21 บังเอิญขนาดนี้เชียว

ตอนที่ 21 บังเอิญขนาดนี้เชียว

ตระกูลเยี่ย หลินหลันเคยมาเยือนแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทว่าล้วนไปทางประตูหลัง เข้าไปชั้นในสุดก็แค่ห้องครัวเท่านั้น

ทว่าครั้งนี้กลับเป็นการเดินเข้ามาอย่างสง่างามจากทางประตูหลัก ทันทีที่ผ่านประตูหลักเข้ามาก็มีผู้ดูแลจวนตระกูลเยี่ยเดินเคลื่อนตัวไปพร้อมกับกลุ่มคนที่ติดตามอยู่เบื้องหลัง โดยเดินผ่านรูปภาพงานแกะสลักด้วยไม้สนรูปนกกระเรียนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุยืนยาว ผ่านไปอีกสามบานประตูจึงเพิ่งได้เห็นประตูซุ้มที่กั้นเขตแดนและทางเดินเดียวระหว่างบ้านชั้นในกับบ้านชั้นนอก ในนั้นมีสาวใช้ซึ่งสวมใส่เสื้อผ้าสง่างามรออยู่แล้วสองคน

 เส้าเหยีย เหล่าฟู่เหรินกำลังรอเส้าเหยียอยู่ที่ห้องพักเจ้าค่ะ  สาวใช้ใบหน้ากลมสะอาดสะอ้านผู้หนึ่งแสดงท่าทางการเคารพ

หลี่หมิงอวินพยักหน้าเล็กน้อย  จะไปเดี๋ยวนี้ 

สาวใช้เจ้าของใบหน้ากลมรีบร้อนเอ่ยขึ้น  เหล่าฟู่เหรินเชิญเพียงแค่เส้าเหยียเข้าไปเท่านั้นเจ้าค่ะ 

หลี่หมิงอวินหยิ้มเล็กน้อยพลางเลิกคิ้วขึ้น มองไปยังหลินหลันขณะที่นัยน์ตากำลังเผยให้เห็นถึงความกังวล

หลินหลันยิ้มอย่างไม่เป็นไร  เช่นนั้นเจ้าเข้าไปก่อนเถอะ! 

นางเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี เหล่าฟู่เหรินไม่สามารถยอมรับในตัวนางได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น การที่หลี่ซิ่วฉายต้องการพานางกลับไปเมืองหลวงด้วย นี่จึงเป็นเพียงแค่ด่านแรกเท่านั้น หากด่านนี้เขาไม่สามารถจัดการให้ลุล่วงไปได้…เช่นนั้นจะหมายความว่าสัญญาต้องเป็นโมฆะใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนี้จริง กลับเป็นการดีด้วยซ้ำ นับว่าช่วยลดปัญหาให้นางไปได้เยอะเลย อีกทั้ง หลี่ซิ่วฉายก็ยังไม่สามารถว่านางได้ว่าไม่รักษาสัญญา เมื่อคิดได้เช่นนี้ ใบหน้าของหลินหลันก็เผยความดีอกดีใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ท่าทางแอบดีอกดีใจของนางอยู่ภายใต้สายตาของหลี่หมิงอวิน นัยน์ตาของหลี่หมิงอวินกลับเปลี่ยนไปเย็นชา สีหน้าของเขาก็เช่นกัน แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น  อีกประเดี๋ยวข้าจะมาหาเจ้า 

หลินหลันยิ้มแย้มพลางพยักหน้า เอ่ยขึ้นในใจ คาดว่าอีกประเดี๋ยวเจ้ามาหาข้าก็เพื่อส่งข้ากลับบ้านแล้วล่ะ

หลี่หมิงอวินเดินไปกับสาวใช้หน้ากลมแล้ว ส่วนอีกคนเป็นสาวใช้ที่มีดวงตาคู่กลมโตราวกับเมล็ดอัลมอลล์กับคางที่เรียวเล็ก นางพาหลินหลันเดินผ่านไปยังทางเดินฝั่งขวาที่มีราวจับมือตลอดทางลาด จนมาถึงลานด้านข้าง เปิดห้องรับรองทางทิศใต้ออก แล้วเชิญหลินหลันให้เข้าไปนั่งพักผ่อน

 ไม่ทราบว่าควรเรียกพี่สาวอย่างไรดีหรือ  หลินหลันไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ จึงหลอกล่อตีสนิทกับสาวใช้ วางแผนไว้ว่าจะล้วงเอาข้อมูลสำคัญออกมาจากปากนางบ้างซักนิดหน่อย

สาวใช้ผู้นั้นเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา นัยน์ตาแม้จะไร้ซึ่งการดูถูกเหยียดหยัน แต่กลับให้ความรู้สึกแปลกแยกอย่างหยิ่งผยอง

 แม่นางเรียกเช่นนี้ หยินหลิ่วมิบังอาจเจ้าค่ะ 

หลินหลันไม่แยแสความเมินเฉยและท่าทีที่ดูหยิ่งผยองของหยินหลิ่ว แล้วเอ่ยถามขึ้นอีก  พี่หยินหลิ่ว ไม่ทราบว่าท่านแม่เหยาวันนี้อยู่ในจวนหรือไม่ 

 แม่นางรู้จักท่านแม่เหยาด้วยหรือ  หยินหลิ่วรู้สึกไม่คาดคิด

 ใช่สิ! หลานชายของท่านแม่เหยาก็เป็นข้าเองที่ให้การรักษา  หลินหลันเห็นบนโต๊ะน้ำชาซึ่งมีของว่างวางอยู่ไม่กี่จาน จึงหยิบเอาขนมเค้กซึ่งมีเนื้อเค้กดั่งคริสตัลใสสว่าง เวลานี้ล่วงเลยมื้ออาหารไปนานแล้ว นางจึงหิ้วจะแย่แล้ว แต่ทว่าเพื่อรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ นางจึงไม่ได้ตะบี้ตะบันกินอย่างดุเดือด ค่อยๆ กัดขนมเค้กด้วยคำเล็กๆ ทั้งหอมหวานเนื้อนุ่ม รสชาติไม่เลวเลย

 ที่แท้เจ้าก็คือหมอหญิงที่ช่วยชีวิตหยินฟางเอาไว้เช่นนั้นหรือ  หยินหลิ่วยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นไป

 คงนับไม่ได้ว่าช่วยชีวิตหรอก เพราะไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรและแทบไม่ต้องลงแรงด้วยซ้ำไป  หลินหลันพูดขึ้นด้วยคิดว่าที่นางพูดนั้นไม่ถูกต้อง หยินฟางซึ่งคลอดยากลำบากในวันนั้น ท่านแม่เหยาจึงมาที่ร้านขายยาฮู๋จี้ ประจวบกับท่านอาจารย์เพิ่งจะออกไปให้การรักษา ศิษย์พี่ศิษย์น้องไม่กี่คนเมื่อได้ยินว่าทำคลอดก็พากันส่ายหัวราวกับป๋องแป๋งของเล่นเด็กๆ ทำได้เพียงต้องเป็นนางที่ลงมือจัดการ ชีวิตที่แล้วเมื่อตอนฝึกงาน เคยได้อยู่ในแผนกทำคลอดระยะหนึ่ง อย่าว่าแต่ทำคลอดเลย ต่อให้เป็นการผ่าคลอดนางก็ทำแล้วมาแล้วหลายราย การทำคลอดเด็กซักคนดูเหมือนจะน่ากลัวและอันตราย แต่สำหรับนางแล้วก็เป็นเพียงแค่เรื่องที่สุดแสนจะง่ายดาย

ไม่กี่นาทีถัดมา หยินหลิ่วยืนขึ้นตัวตรง แสดงท่าการเคารพโดยย่อเขาพร้อมโน้มตัวลงให้แก่หลินหลัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งใจอย่างชัดเจน  หยินหลิ่วขอขอบคุณแทนพี่สาวที่แม่นางเคยมีพระคุณช่วยชีวิตเอาไว้ได้ 

หลินหลันซึ่งกำลังถือขนมเค้กมองอย่างมึนงง จะบังเอิญขนาดนี้เชียว! หยินหลิ่วเป็นน้องสาวของหยินฟาง? เอ่อ…จะว่าไปแล้ว หยินหลิ่วและหยินฟางก็มีอักษรหยินนำหน้าเหมือนกันนี่เนาะ!

 พี่หยินหลิ่ว รีบลุกขึ้นเถิด เรื่องนี้ก็ช่างบังเอิญเกินไปแล้ว  หลินหลันเอ่ยอย่างประหลาดใจ

ด้วยระดับความสัมพันธ์นี้ ลักษณะท่าทีของหยินหลิ่วก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังมองมาที่หลินหลันด้วยสายตาเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น

 นั่นสิ! ได้ยินพี่สาวพูดถึงแม่นางมาโดยตลอด ไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้ก็ได้เห็นแม่นางเสียที  หยินหลิ่วเผยรอยยิ้มสดใสออกมา

ในเมื่อเป็นคนคุ้นเคย หลินหลันก็พูดได้อย่างตามใจ  อันที่จริงจวนเยี่ยของพวกเจ้าข้าได้มาเยือนหลายครั้งแล้ว 

หยินหลิ่วเม้มปากขณะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น  แม่นางมาส่งไข่เป็ดใช่หรือไม่ 

 เจ้ารู้ได้อย่างไร  หลินหลันเอ่ยด้วยความแปลกใจ

 คนอื่นไม่รู้ แล้วหยินหลิ่วจะรู้ไม่ได้หรือ วันหน้าวันหลังแม่นางอยู่ในจวนนี้อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเชียว 

 ทำไมกัน?  หลินหลันนึกข้องใจ

หยินหลิ่วยังคงยิ้มขณะพูด  ทั่วทั้งจวน หากวันใดได้ยินคำว่าไข่เป็ดสองคำนี้ขึ้นมาก็แทบจะอาเจียนออกมาแล้ว หากให้พวกนางรู้ว่าไข่เป็ดเหล่านั้นเป็นแม่นางที่ส่งมา แค่เกรงว่าจะส่งผลต่อแม่นาง… 

ทันใดนั้นหลินหลันก็หัวเราะ ฮิฮิ ขึ้นมาสองมาครั้ง  เช่นนั้นก็เอ่ยถึงไม่ได้แล้ว 

หยินหลิ่วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แต่แล้วก็เอ่ยถามขึ้น  แม่นางกับเส้าเหยีย…เป็นเรื่องจริงหรือ 

 อ่า…แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง เพียงแต่ว่า ข้าเกรงว่าเหล่าฟูเหรินจะไม่เห็นด้วย  หลินหลันแกล้งทำเป็นถอนหายใจออกมาหนึ่งที

หยินหลิ่วเอ่ยในใจ ภูมิหลังชาติกำเนิดของเส้าเหยียเป็นเช่นไร ต่อให้เป็นบุตรสาวของจวนเซียง ลูกสาวของตระกูลซื่อ หากรูปลักษณ์ไม่งดงามโดดเด่น ความสามารถไม่โดดเด่น ก็ยังล้วนไม่คู่ควรกับเส้าเหยีย ทว่าตอนนี้กลับบอกว่าต้องการสู่ขอแม่นางชาวบ้านธรรมดาผู้หนึ่ง ต่อให้เหล่าฟู่เหรินยินยอมแล้ว ทางด้านเมืองหลวงนั่นล่ะจะสามารถตอบรับได้หรือ หากว่าตามหลักการและเหตุผล ความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ทว่าแม่นางหลินหลันมีบุญคุณที่ได้ช่วยชีวิตพี่สาวของนางเอาไว้ หยินหลิ่วจึงอดไม่ได้ที่จะรินน้ำเย็นให้แก่นาง ขณะเดียวกันก็เอ่ยออกไปอย่างลังเลใจ  เส้าเหยียแต่ไหนแต่ไรมาก็มีความคิดเป็นของตัวเองเอาเสียมากๆ เหล่าฟู่เหรินก็รักเขามากด้วย การที่เส้าเหยียจะพูดให้เหล่าฟู่เห็นด้วยนั้นก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จได้ 

มีที่ไหนที่หลินหลันจะฟังไม่ออกมาว่าหยินหลิ่วกำลังเอ่ยปลอบใจนาง จึงใช้โอกาสนี้เพื่อเป็นการสอบถามไปในตัว  อารมณ์และนิสัยของเหล่าฟู่เหรินเป็นเช่นไรหรือ 

หยินหลิ่วครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ยขึ้น  เหล่าฟู่เหรินแม้ว่าปกติแล้วจะค่อนข้างเข้มงวด แต่ตราบใดที่ทุกคนทำงานกันอย่างตั้งอกตั้งใจจริงจัง เหล่าฟู่เหรินก็จะไม่จงใจทำให้ใครรู้สึกลำบากใจ 

ประโยคนี้พอฟังดูแล้ว ก็เหมือนกับว่าหากใครทำให้เหล่าฟู่เหรินไม่มีความสุข เหล่าฟู่เหรินก็ยังไม่ยั้งมือเช่นกัน ภายในใจของหลินหลันรู้สึกคิดผิดขึ้นมาเล็กน้อย หญิงชราชนิดนี้ทั้งมีฐานะสูงส่ง ทั้งเคร่งงวดจริงจัง หากนางมีอคติกับเจ้าตั้งแต่แรก ก็เป็นการยากที่จะรับมือ คาดว่าเหล่าฟู่เหรินแห่งตระกูลเยี่ยมีอคติต่อนางเป็นพิเศษ และไม่แน่ว่านางอาจคิดว่าหลินหลันได้หลอกล่อหลานชายของนางอย่างไร้ซึ่งยางอาย

ระหว่างการสนทนา สาวใช้หน้ากลมเมื่อครู่ก็เข้ามา

 แม่นางหลิน เหล่าฟู่เหรินให้มาเรียนเชิญ 

ขนมเค้กในมือของหลินหลันเกือบจะร่วงหล่น ไวขนาดนี้เชียว? ดูเหมือนว่าเหล่าฟู่เหรินผู้นี้จะมีนิสัยใจร้อนจริงๆ ถึงได้อยากเจอนางจนอดทนรอไม่ไหวเสียขนาดนี้

ขณะที่กำลังผ่านเรือนร่างของหยินหลิ่วไปนั้น หยินหลิ่วก็เอ่ยกระซิบขึ้นแผ่วเบา  เหล่าฟู่เหรินชอบคนที่พูดอย่างรู้จักข้อบังคับและประพฤติตัวถูกทำนองคลองธรรม 

พูดอย่างรู้จักข้อบังคับและประพฤติตัวถูกทำนองคลองธรรม? แล้วใครจะไปรู้ว่าในใจของเหล่าฟู่เหรินที่ว่าข้อบังคับและประพฤติตัวถูกทำนองคลองธรรมนั้นคืออะไร ช่างนาง ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น สู้ไม่ไหวก็กลับบ้าน

เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว หลินหลันก็ไม่รู้สึกกดดันอีกต่อไป เดินตามสาวใช้หน้ากลมไปยังห้องพักผ่อน

ลานหลักมีขนาดใหญ่มาก มีต้นไห่ถังเขียวชอุ่มสองต้นซึ่งปลูกบนใจกลางลาน นอกจากนี้ยังมีกรงนกแขวนไว้บริเวณระเบียงทั้งสองด้าน เช่นนกกระเรียน นกแก้ว ต่างพากันส่งเสียงร้องอย่างครื้นเครง ห้องพักที่ห้าเปิดออก ปรากฏให้เห็นคานแกะสลัก ซึ่งดูยิ่งใหญ่อลังการเป็นอย่างยิ่ง

ไม่เอ่ยกล่าวคำใดๆ สาวใช้หน้ากลมก็พาหลินหลันตรงเข้าไปในห้องหลัก

 

ปฏิญญาค่าแค้น

ปฏิญญาค่าแค้น

Status: Ongoing

คำโปรย

หลินหลัน ทะลุมิติมาเกิดใหม่ในคราบของหญิงสาวชาวบ้านที่แสนลำบากยากจน แต่โชคยังดีที่ความสามารถด้านการแพทย์และประสบการณ์รักษาผู้คนที่สั่งสมมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนั้นติดตัวมาด้วย อีกทั้งครอบครัวในชาติภพนี้ก็ดีกับนางมิใช่น้อย

กระนั้นเคราะห์ร้ายก็ยังคืบคลานเข้ามา เมื่อพี่ชายผู้เป็นที่พึ่งพาเดียวของนางนั้นใสซื่อจนไม่อาจตามทันเล่ห์กลของพี่สะใภ้ที่แสนโลภมาก สุดท้ายแล้วหลินหลันก็ถูกนางบีบบังคับให้ต้องออกเรือนแต่งงานไปเป็นนางบำเรอจนได้

ด้วยเหตุนี้นางจึงต้องดึงตัว หลี่ซิ่วฉาย ชายหนุ่มรูปงามผู้มีเบื้องหลังเป็นปริศนาในหมู่บ้านเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ ทั้งสองได้ตกลงทำสัญญาขึ้นมาหนึ่งฉบับ เขาช่วยนางให้หลุดพ้นจากการคลุมถุงชน ส่วนนางจะช่วยเขาแก้แค้นและทวงทุกสิ่งอย่างที่ถูกพรากไปกับคืนมาภายในระยะเวลาสามปี ทว่าแผนการช่วยเหลือเขาให้บรรลุเป้าหมายนั้นกลับไม่ง่ายดายอย่างที่คิดนี่สิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท