ไม่สบายใจเหรอ เจาเยี่ยขมวดคิ้ว ถึงแม้ไม่อยากยอมรับแต่เมื่อสักครู่ที่กู้หลานอันสัมผัสตัวเองซ้ำ ๆ นั้น นอกจากร่างกายของเขาที่รู้สึกไม่สบายเล็กน้อยกับความไม่ชอบใจภายในใจเขาแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีอารมณ์อื่นใดเพิ่มอีก
ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดถึงเจ้าเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอนคนนั้นอีก พูดถึงทีไรฉันก็รู้สึกโมโห เห็นเจาเยี่ยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ หลินเซวียนนึกว่าเขาไม่ชอบหัวข้อสนทนานี้จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง หลังจากนั้นก็มองเจาเยี่ยอย่างเจ้าเล่ห์แล้วถามว่า เจาเยี่ย คืนนี้นายไปนอนกับฉันมั้ย
ไม่ไป ตั้งใจขับรถหน่อย เจาเยี่ยตอบอย่างไม่ลังเลสักนิด
งั้นฉันไปนอนกับนายทางโน้นนะ หลินเซวียนทำทีเป็นถอยแล้วได้ทีก็รุกถามใหม่
ไม่ได้ ฉันจะอ่านสคริปต์ เจาเยี่ยตอบเรียบๆ
อ่านสคริปต์! หลินเซวียนตกใจจนเหยียบเบรกกะทันหัน ตั้งแต่เกิดเรื่องพ่อกับแม่ของเขาแบบนั้น มีแฟนพันธุ์แท้ปล่อยข่าววิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลว่าเจาเยี่ยมีที่มาที่ไปที่ไม่ใสสะอาดและตัวเขาก็คงไม่ได้ใสสะอาดจริง ๆรวมถึงคำพูดหยาบคายต่าง ๆ หลังจากที่เจาเยี่ยเห็นเข้า เขาจึงปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดและไม่เคยถามเกี่ยวกับเรื่องในวงการบันเทิงอีกเลย รวมถึงเมื่อครั้งที่เจาเยี่ยไปเป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันและมอบถ้วยรางวัลเป็นเพราะหลินเซวียนระบุว่าให้เขาไปและเขาจะไม่พูดถึงเรื่องในวงการบันเทิงและวุ่นวายกับเจาเยี่ยเพื่อเป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยน เขาถึงรับปากทำ หลินเซวียนนึกว่าเขาจะออกจากวงการบันเทิงแล้วด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขาเป็นคนพูดเรื่องจะอ่านสคริปต์ด้วยตัวเขาเอง
จริงเหรอ หลินเซวียนใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ เจาเยี่ยก้มหน้ารัดเข็มขัดให้แน่นอย่างเงียบ ๆ แล้วค่อย ๆ ชำเลืองตามองและพยักหน้า
เยี่ยมเลย แล้วมีละครที่อยากแสดงรึยัง เรื่องไหน หลินเซวียนไล่ถาม
<<ความฝันที่ล่องลอย>>
ไม่เคยได้ยิน แต่ไม่ต้องห่วงนายวางใจได้ ขอแค่นายอยากแสดง นอกนั้นเดี๋ยวฉันจะจัดการให้เอง หลินเซวียนยืนยันด้วยการสาบานอย่างจริงใจ
ไม่ต้อง ฉันจะให้เหวินเซินเท่อ (ผู้จัดการของเจาเยี่ย) ไปจัดการ นายดูแลเรื่องของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว
หลังจากได้ฟังคำพูดของเจาเยี่ยเมื่อคืน กู้หลานอันก็รู้สึกกระวนกระวายใจมาตลอด ทนทุกข์นอนไม่หลับท่ามกลางอารมณ์ที่หลากหลาย พอถึงเช้าวันที่สอง เมื่อฟ้าสว่างเขาก็ลุกจากเตียงและจัดการธุระส่วนตัว จากนั้นก็หาเสื้อลำลองปกติใส่ตามชอบแล้วลงตึกไปเริ่มทำอาหารเช้า
กู้ฝูเซิ่งกับอันนาลงจากตึกเห็นกู้หลานอันสวมผ้ากันเปื้อนอยู่ ในภาพที่กำลังต้มโจ๊ก ทั้งสองคนตกตะลึงเหมือนเห็นผีพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย「 (゚ペ) กู้หลานอันหันมาเห็นท่าทางของพวกเขาสองคนก็รู้สึกขบขันและพูดอย่างอารมณ์ดีว่า ถ้าหิวกินขนมปังก่อนเลยนะครับ ผมเพิ่งอบเสร็จเมื่อกี๊ โจ๊กอีกแป๊บก็ได้แล้ว
อืม กู้ฝูเซิ่งแสร้งทำท่าทางสงบและจูงมืออันนาเดินไปทางโต๊ะอาหาร อันนาดึงมือเขาออก ใบหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจขณะมองกู้หลานอันที่ลงครัวทำอาหารเอง พลางถาม ทำไมเป็นลูกที่มาทำอาหารเช้า น้าหลิวล่ะ
น้าหลิวมาเมื่อกี้แล้วครับ แต่ผมให้เธอกลับไปแล้ว อาหารเช้าเช้านี้ผมจะเป็นคนทำเอง ผมอยากทำอาหารให้พ่อกับแม่ด้วยตัวเองสักมื้อ กู้หลานอันใช้ทัพพีคนโจ๊กอย่างชำนาญพลางตอบไปด้วย
พระเจ้า ลูกทำเป็นด้วยเหรอ เมื่อก่อนลูกไม่เคยลองทำพวกนี้มาก่อนเลยนะ อันนามองโจ๊กในหม้อที่หน้าตาดูดีใช้ได้ด้วยความสงสัย
ไม่เป็นครับ กู้หลานอันตบหน้าตัวเองไปหนึ่งป๊าบอยู่ในใจ ก่อนหน้าเขาแค่อยากจะทำอาหารให้พ่อและแม่สักมื้อ อยากเอาใจเพื่อให้พ่ออนุญาตให้เขาเข้าวงการบันเทิงไปหาเจาเยี่ยเร็ว ๆ แต่ลืมไปสนิทเลยว่าตอนที่เขาทำอาหารได้คือหลังจากเจาเยี่ยเลี้ยงดูเขาในชาติที่แล้ว อยากจะมัดใจเขา เลยเชื่อเรื่องไร้สาระบนอินเทอร์เน็ตว่า อยากจับหัวใจของผู้ชายที่รัก ก็ต้องจับท้องเขาให้อยู่หมัด จึงตั้งใจไปเรียนทำอาหารโดยเฉพาะ แต่ในปัจจุบัน ณ ชาตินี้เขาอายุ 18 ที่ใช้ชีวิตดั่งคนพิการมาแต่ไหนแต่ไร แต่ผมเรียนกับแม่ตู้ [1] ได้นี่นา
เชิงอรรถ
[1] 度娘แม่ตู้ หมายถึงคำเรียกแทนไป่ตู้แบบน่ารักๆ ของชาวเน็ตจีน ซึ่งไป่ตู้คือเว็บเพจค้นหาข้อมูล เมื่อมีปัญหาให้ถามตู้เหนียง คล้ายคนไทยที่เรียกกูเกิลว่า อากู๋