ผมไม่เคยเรียนการแสดงและไม่รู้เรื่องที่แม่พูดพวกนั้นด้วย แต่ผมกล้ารับประกันว่าผมแสดงละครเป็น ผมเคยดูหนังสือที่เกี่ยวกับทางด้านนี้และผมก็มีพรสวรรค์ทางด้านนี้มาก เมื่อพูดไม่ได้ว่าตัวเองกลับชาติมาเกิดใหม่ กู้หลานอันเลยแถไปเรื่อย
ไปได้ความมั่นใจมาจากไหนเนี่ย อันนาโกรธจนแทบจะแบะหัวของเขาออก
ก็สืบทอดมาจากแม่นั่นแหละ กู้หลานอันพูดพลางเหล่ตามองอันนาและยิ้ม
ไม่เลว ไม่เลว ฉันชื่นชมความมั่นใจแบบนี้ของเธอมาก ซู่หยางพูดออกมาอย่างตื่นเต้น ซึ่งแตกต่างจากปฏิกิริยาของอันนาเป็นอย่างมาก ปรบมือชื่นชมกู้หลานอันแล้ว ก็อดรนทนไม่ไหวที่จะถามว่า งั้นเธออยากจะแสดงละครประเภทไหนล่ะ
เจาเยี่ย กู้หลานอันตอบเบา ๆ อย่างอ่อนโยนออกมาสองคำ
อะไรนะ อันนาเข้าใจแต่ก็ขมวดคิ้วสูง ซู่หยางไม่เข้าใจแล้วถามด้วยความงุนงง ไม่รอให้กู้หลานอันอธิบาย คิดอยู่สักครู่แล้วทายว่า เธออยากจะแสดงละครสไตล์ใกล้เคียงกับที่เจาเยี่ยเลือกเหรอ
ไม่ใช่ครับ กู้หลานอันส่ายหัว แล้วอธิบายว่า ผมอยากจะแสดงละครที่มีเจาเยี่ยแสดงด้วย ไม่ว่าจะเป็นบทไหนก็ตาม ขอเพียงได้แสดงเรื่องเดียวกับเขาก็พอ
เธอเป็นติ่งของเจาเยี่ยเหรอ ซู่หยางใบหน้าทรุดลง
ไม่ใช่ครับ ผมจะตามจีบเขาต่างหาก ไม่ว่ายังไงซู่หยางก็เป็นผู้จัดการของเขา หลังจากนี้ช้าเร็วก็ต้องรู้เรื่องที่เขาคิดอย่างไรกับเจาเยี่ยอยู่ดี กู้หลานอันก็ไม่ได้คิดจะปกปิดอยู่แล้ว แทนที่จะปล่อยให้เขาสังเกตเห็นเอง จะเป็นการดีกว่าถ้าตัวเองมอบความไว้วางใจให้เขาและมอบความประทับใจให้เขาตั้งแต่แรก
ตามจีบ คิ้วของซู่หยางขมวดเป็นเกลียว เธอพูดจริงใช่ไหม จุดประสงค์ที่เธอเข้าวงการบันเทิงมาก็เพื่อตามจีบเขาเหรอ
ใช่ครับ กู้หลานอันตอบอย่างหนักแน่น
ไม่ใช่ อันนาพูดพร้อมกันกับเขา มองเขาอย่างตำหนิแล้วพูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า หลานอัน ลูกอย่าได้พูดอย่างมั่นใจขนาดนั้น อย่าตัดทางเดินของตัวเองในภายภาคหน้า ถึงแม้ลูกจะเข้าวงการบันเทิงเพราะเขา แต่ถ้าลูกจีบเขาไม่ติดล่ะ แล้วถ้าความรู้สึกตอนนี้เป็นแค่ความชอบประเดี๋ยวประด๋าวล่ะ เส้นทางการแสดงหลังจากนั้นของลูกจะเป็นยังไง ถ้าลูกผิดหวังเสียใจขึ้นมาจริง ๆ แน่นอนว่าศักดิ์ศรีคงค้ำคอจนยากที่จะเอ่ยปากได้อีก สู้ตอนนี้ลองแสดงละครเรื่องอื่นดูไม่ดีกว่าเหรอ เจาเยี่ยคนนี้น่ะ ถ่ายทำละครเรื่องหนึ่งก็ปาเข้าไปครึ่งปีได้แล้วมั้งลูกรู้รึเปล่า
ผมรู้ครับ ผมต้องจีบเขาให้ติดให้ได้ ถ้าเกิดผมจีบเขาไม่ติดจริง ๆ ผมจะไม่อยู่ในวงการบันเทิงนี้ต่อ เขารู้สึกเบื่อหน่ายวงจรจอมปลอมที่มีแต่เปลือกนี้มาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะเจาเยี่ย เขาก็ไม่อยากจะก้าวเข้ามาแม้เพียงครึ่งเท้า
ลูก… อันนาพูดอะไรไม่ออกเพราะโมโหมาก แต่เมื่อได้เห็นท่าทางเศร้า ๆ ของลูก ก็นึกว่าตัวเองโจมตีถูกความมั่นใจของเขาเข้าให้อย่างจังแล้ว เลยถอนหายใจพูดอย่างระอาว่า งั้นก็ตามใจ ถ้าเสียใจภายหลังแม่จะไม่ช่วยหรอกนะ อย่าลืมล่ะลูกมีเวลาในวงการนี้แค่ 1 ปี
อื้อ กู้หลานอันตอบรับแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก อันนายังคงรู้สึกคับอกคับใจหันหน้าไปไม่พูดไม่จา ทั้งสองเงียบไปสักพัก ซู่หยางมองไปที่กู้หลานอันด้วยความสนอกสนใจมาก หรี่ตาลงแล้วถาม งั้นเธอเคยคิดถึงผลของมันไหมว่าถ้าจีบเขาติดแล้ว แต่ถูกผู้สื่อข่าวเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเธอมันจะเป็นอย่างไร พวกเธอเป็นผู้ชายทั้งคู่
เคยคิด แต่ผมไม่ได้กังวลครับ เพราะไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร พวกเราก็จะแบกรับมันไว้ด้วยกัน กู้หลานอันตอบอย่างหนักแน่น
โอ้ พวกเธอแบกรับไว้ เธอแบกไว้ก็สมควรจะเป็นแบบนั้น แต่เจาเยี่ยล่ะ ให้เขาเดิมพันด้วยความสำเร็จทั้งในอดีตและในอนาคตเพื่อมาเติมเต็มความเห็นแก่ตัวของเธอ เธอไม่คิดว่าตัวเอง เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ ซู่หยางเฉียบคมจนทิ่มแทงใจ กู้หลานอันฟังแล้วก็รู้สึกหน่วง จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนถูกหินก้อนใหญ่กดทับหัวใจไว้ กดจนเขารู้สึกหายใจติดขัด ซู่หยางพูดถูก เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถที่จะทนภาระความหนักอึ้งต่าง ๆ จนฆ่าตัวตายในชาติก่อน หรือเรื่องที่เขาเดินเข้ามาในชีวิตของเจาเยี่ยอย่างแน่วแน่ในชาตินี้ เขาไม่เคยคิดแทนเจาเยี่ยมาก่อน ปากบอกว่ารักเขา อันที่จริง เขาเพียงแค่เห็นแก่ตัวอยากได้ความรักจากเจาเยี่ยก็เท่านั้น แต่ถ้าไม่เห็นแก่ตัวแล้วจะให้เขาทำอย่างไร ให้ใจกว้างกับเจาเยี่ยเหรอ เขาทำไม่ได้
กู้หลานอันสูดหายใจแรง ๆ แล้วมองซู่หยาง พูดกับเขาและตัวเองว่า ผมยอมรับว่าผมเห็นแก่ตัวมาก แต่ว่าผมก็เห็นแก่ตัวกับเขาแค่คนเดียวเท่านั้น หนี้ที่ผมติดเขา ผมจะชดใช้ให้เขาทีหลังแน่นอน
ยอดเยี่ยม นิสัยใช้ได้ ซู่หยางถามคำถามนั้นขึ้นมา เดิมทีแค่อยากจะทดสอบความจริงใจของกู้หลานอัน จะได้เตรียมวางแผนให้เขาในอนาคต แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้คำตอบที่น่าพอใจขนาดนี้ ถึงแม้ฉันจะไม่เห็นด้วยกับทัศนคติของเธอที่มีต่อการแสดงและวงการบันเทิง แต่ฉันก็ชื่นชอบความกล้าหาญและทัศนคติด้านความรักของเธอ นาน ๆ ทีจะได้อยู่กับคนโดยไม่คำนึงถึงงานสักหนึ่งปีก็ไม่เลวเหมือนกัน จบด้วยท่าทีเยาะเย้ยถากถาง ซู่หยางก็รีบทำท่าทางจริงจังขึ้นมา ถามกู้หลานอันว่า แล้วช่วงนี้ถ่ายละครได้มั้ย ล่าสุดเจาเยี่ยมีเรื่องที่กำลังจะถ่ายทำอยู่เรื่องหนึ่ง ถือเป็นโอกาสที่ดีเลย
ได้ครับ ได้ตลอดเวลา กู้หลานอันตาเป็นประกาย ไม่อาจปกปิดความดีใจไว้ได้
พอได้แล้วนะ ลูกได้อะไร รู้มั้ยว่านักร้องที่มีพื้นฐานความชำนาญด้านการแสดงจะแสดงละครทั้งทีก็ยังต้องฝึกฝนเป็นเวลานาน ลูกที่ยังแสดงได้อย่างง่อย ๆ กล้าพูดอวดได้ยังไงว่าได้ อันนาฉวยโอกาสพูดตอกย้ำ
อวดหรือไม่อวดไม่ใช่ว่าพูดตอนนี้แล้วจะพิสูจน์ได้ รอผมเลือกบทได้แล้ว แม่ก็จะรู้เองว่าผมอวดจริงหรือเปล่า กู้หลานอันหัวเราะเหมือนไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ฟังเขาพูดแบบนี้ซู่หยางรู้สึกตะลึงงัน ดีดนิ้วเสียงดังแล้วพูดกับกู้หลานอันและอันนาว่า ผมคิดอะไรได้นิดหน่อย ขอโทรศัพท์ก่อน จากนั้นเขาก็เดินออกไปด้านนอกแล้วเริ่มโทรศัพท์
หลานอัน ลูกโง่รึเปล่า ทำไมถึงไปพูดกับซู่หยางหนักแน่นขนาดนั้น คนเราไม่ควรเอาตัวเองไปแขวนไว้กับต้นไม้กิ่งเบี้ยว ๆ ต้นเดียวลูกรู้รึเปล่า พอเห็นซู่หยางเดินออกไป อันนารีบคว้าโอกาสเข้าไปใกล้กู้หลานอันแล้วสั่งสอนเขา
เจาเยี่ยไม่ใช่ต้นไม้กิ่งเบี้ยว ๆ อะไรนั่นสักหน่อย กู้หลานอันขยับห่างเล็กน้อยแล้วตอบ
เอ่อ อันนาพูดอะไรไม่ออก จ้องเขาแล้วพูดว่า แม่ไม่สนว่าเขาจะใช่หรือไม่ใช่ต้นไม้กิ่งเบี้ยว ๆ แต่ลูกไม่สามารถเอาตัวเองไปแขวนคอตายเพราะเขา ลูกจะต้องหาทางเลือกอื่นให้ตัวเองด้วยรู้หรือเปล่า แล้วยังจะเขาแสดงเรื่องอะไรผมจะแสดงเรื่องนั้นด้วย แล้วถ้าเกิดเขาไม่แสดงละคร งั้นลูกก็จะวางแผนอยู่เฉย ๆ หรืออย่างไร
อื้อ กู้หลานอันพยักหน้า
เลอะเทอะ กู้หลานอัน แม้ว่าแม่จะรู้ว่าลูกเข้าวงการบันเทิงมาเพื่อเขา แต่ลูกช่วยคิดถึงอนาคตที่สดใสของตัวเองหน่อยได้ไหม ความฝันทางด้านดนตรีเมื่อก่อนหายไปไหนหมด ลูกอยากเป็นซุปเปอร์สตาร์ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่พยายามทุ่มเทกับเส้นทางนั้นแล้ว อันนากล่าวโทษกู้หลานอันด้วยเหตุผลและความชอบธรรม ในใจเต็มไปด้วยความฮึกเหิมที่ไม่อาจยอมรับได้ สุนัขผู้ซื่อสัตย์ฝ่ายรับสินะ
ความฝันด้านดนตรีผมโยนทิ้งไปแล้ว และผมก็ไม่ได้อยากเป็นซุปเปอร์สตาร์แล้วครับ ผมไม่เอาแล้วทุกอย่างที่ลวงตาเหล่านั้น ผมจะเอาแค่เจาเยี่ย กู้หลานอันมองอันนาที่กำลังกะพริบตา เงยหน้าขึ้นเอามือวางศีรษะแล้วเอนตัวลงบนโซฟา
หมดทางเยียวยาแล้ว กู้หลานอัน… อันนายังอยากที่จะด่าให้เขารู้สำนึกต่อ แต่จู่ ๆ กู้หลานอันก็เอนตัวมาซบ หรี่ตามองหน้าอันนาด้วยความสงสัย กดเสียงทุ้มต่ำแล้วพูดว่า แม่ครับ แม่ไม่ได้สนับสนุนผมให้ไปตามจีบเจาเยี่ยเหรอ ทำไมตอนนี้กลับแสดงท่าทีแบบนี้ ที่แม่พูดก่อนหน้าคงไม่ได้หลอกผมใช่ไหมครับ
ไม่ได้หลอก แม่จะหลอกลูกได้ยังไง ถ้าแม่จะหลอกลูก แม่จะช่วยให้ลูกเข้าวงการบันเทิงทำไม อันนามองเขาอย่างตำหนิ ท่าทางเสียอกเสียใจ แสดงออกมาด้วยความรู้สึกที่แท้จริง น่าเสียดายกู้หลานอันยืดตัวขึ้นแล้วทอดสายตาออกไปแล้ว ตอนนี้ที่แม่แสดงท่าทีแบบนี้ ก็เพราะหวังดีกับลูก แม่ไม่มีเงื่อนไขที่จะสนับสนุนการเป็นเกย์ของลูก แต่แม่ไม่สนับสนุนถ้าลูกจะละทิ้งทุกอย่างในชีวิตตัวเองเพื่อการเป็นเกย์ แม่เป็นแม่ของลูก ไม่อาจทนดูชีวิตลูกเหลวแหลกได้ลูกรู้รึเปล่า