ตื่นเต้นอยู่ได้วินาทีเดียว กู้หลานอันก็รู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมา จะว่าไป นี่เป็นครั้งแรกที่เจาเยี่ยเห็นเขาแสดง เขากลัวว่าเจาเยี่ยจะรู้สึกผิดหวังในตัวเขา แม้ว่าในชาติที่แล้วทักษะการแสดงของเขาจะเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป แต่ว่าในชาตินี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันจะถดถอยไปหรือยัง เขาจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ตั้งแต่กู้หลานอันเดินเข้าฉาก เจาเยี่ยก็กวาดสายตามองไปยังเขาช้า ๆ หลังความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยผ่านไป กำลังจะถอนสายตาออกจากเขา ก็เห็นกู้หลานอันกำลังจ้องมาที่ตัวเองอารมณ์ดูเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ มุมปากถูกยกขึ้นเบา ๆ มองกลับไปยังเขาคนที่กำลังจ้องสคริปต์เขม็งใบหน้าเต็มไปด้วยความประหม่า แล้วค่อย ๆ หันสายตาจ้องไปทางกำแพง จนกระทั่งผู้ช่วยผู้จัดการที่เห็นสัญลักษณ์โบกไม้โบกมือของผู้ช่วยผู้กำกับก็พูดขึ้นว่า เริ่มการแสดงของคุณได้ ถึงได้มุ่งความสนใจกลับไปยังกู้หลานอันอีกครั้ง
พอได้ยินคำพูดของผู้ช่วยผู้จัดการ กู้หลานอันสูดหายใจลึก หลับตาลง เข้าสู่ห้วงอารมณ์ แต่ไม่ได้โยนสคริปต์ในมือทิ้งไป ไม่ได้หมายความว่าเขาจำบทสนทนาไม่ได้ แต่การแสดงในฉากนี้ของเขาคือ —— บทขุนศึก (รับบทโดยเจาเยี่ย) เยี่ยฮวน ที่ปรึกษาของซูหวนสิ่ง ทำเพื่อซูหวนสิ่ง ขณะกำลังแฝงตัวเป็นสายลับหาข้อมูลในแคว้นคู่อริ เป็นฉากปฏิกิริยาตอนที่ได้เห็นจดหมายที่ซูหวนสิ่งเขียนเองกับมือ เป็นเรื่องราวทั้งหมดที่ซูหวนสิ่งเขียนฝากฝังไว้ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปและตายในศึกสงครามว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อซูหวนสิ่งอีกต่อไป ให้เขาดูแลตัวเองให้ดี หาจังหวะเหมาะสมแล้วรีบถอนตัว ไปใช้ชีวิตเยี่ยงประชาชนทั่วไปอยู่ในชนบท แต่งงานมีครอบครัว ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา ไม่ต้องแก้แค้นให้เขา และการแสดงนี้จำเป็นต้องใช้กระดาษหนึ่งหน้าพอดี
กู้หลานอันปิดตานิ่งเงียบไปนานมาก จนผู้ช่วยผู้กำกับสงสัยว่าเขาแกล้งนิ่งแต่จริง ๆ เขาหลับไปแล้วหรือเปล่า (อย่าคิดว่าผู้ช่วยผู้กำกับจินตนาการเชื่อมโยงเก่ง เมื่อก่อนเคยมีลูกคนรวยที่เข้าร่วมคัดเลือกเป็นแบบนี้มาก่อน) กำลังเตรียมจะเร่งเขาอีกรอบ เขาลืมตาทั้งคู่ขึ้น สายตาอารมณ์ซับซ้อน เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย น้ำตาล้นเอ่อ แต่ก็ไม่ชัดเจน สีหน้าท่าทางของเขาก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเศร้า มุมปากยกสูงเหมือนยิ้มเยาะ เมื่อเปิดปากพูดเสียงแหบแห้งจนบิดเบี้ยวเล็กน้อย แค่พูดด้วยเสียงเรียบ ๆ ก็สามารถทำให้คนฟังออกได้ว่าสั่นเทาอยู่ นี่คืออะไร กู้หลานอันค่อย ๆ ยกหน้ากระดาษบาง ๆ ที่อยู่ในมือขึ้นสูง เหมือนกับกำลังถามจางเจียอี้ที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่ใช่ นี่ใครเป็นคนเขียน ตอนพูดประโยคสองนั้นเสียงของกู้หลานอันนุ่มนวลมาก ประโยคที่สามกลับเป็นการแผดเสียงก้อง ซึ่งเข้ากับเสียงฉีกขาดที่ดังกังวาน อารมณ์ค่อนข้างอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเสียงก็แหบแห้ง นี่ใครเป็นคนเขียน เรื่องเหลวไหลขนาดนี้ยังเขียนออกมาได้ คนแบบนี้ยังเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าองครักษ์ขุนศึกอยู่อีกหรือ พูดจบ กู้หลานอันก็โยนกระดาษในมือไปตรงหน้า จางเจียอี้ตกใจจนตัวหดโดยไม่รู้ตัว
หลังจากโยนแล้วก็มองอย่างเมินเฉย แต่จู่ ๆ ก็ท่าทางตื่นตระหนกหยิบมันขึ้นมาและฉีกจนละเอียด บีบกระดาษที่เป็นเศษละเอียด กุมหัวแล้วพูดด้วยเสียงรุนแรงว่า เขาตายในสนามรบได้อย่างไร เขาเป็นถึงขุนศึกที่สง่างาม เขาตายได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร ทันทีที่พูดจบ ใบหน้าของกู้หลานอันก็ดึงรอยยิ้มสดใสที่ไม่เข้ากับท่าทางของเขาเลยออกมา ปากก็พลางพูดว่าเป็นไปไม่ได้ ตัวก็พลางล้มไปทางเจาเยี่ยเสียงดังตูมตาม เจาเยี่ยมองเขา นึกว่าเขาจะคุกเข่าลงบนพื้น คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะล้มฟาดไปที่พื้นทั้งตัวแบบนี้ เสียงราวกับวัตถุหนักฟาดลงบนพื้นนั้นทำให้เจาเยี่ยตะลึงงัน กะพริบตาช้าๆ ยอดเยี่ยม
ตั้งแต่กู้หลานอันลืมตา จนถึงตอนล้มตึงลงไป คนโดยรอบยังคงตกอยู่ในภวังค์บรรยากาศอันน่าเศร้าที่สร้างขึ้นจากการแสดงของเขา จนกระทั่งอันนานำหน้าลุกขึ้นมาปรบมืออย่างตื่นเต้น ถึงจะได้สติกลับคืนกันมา เสียงปรบมือดังกึกก้อง กู้หลานอันที่หน้าติดอยู่กับพื้นได้ยินก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แต่ยังไม่ได้ลุกขึ้น เมื่อสักครู่เขาตั้งใจเดินมาล้มลงตรงหน้าเจาเยี่ย นอกจากเพื่อให้บรรลุผลในการแสดงแล้ว อีกอย่างก็คือเพื่อที่จะได้ถูกเขาประคอง แต่คิดไม่ถึงว่าเจาเยี่ยจะไม่ทำตามแผนที่วางไว้ เห็นเขาล้มลงบนพื้นก็ไม่แม้แต่จะยื่นมือมา เขาโกรธแล้ว ต้องให้เจาเยี่ยจูบ ๆ กอด ๆ อุ้มเขาสูง ๆ เขาถึงจะลุกขึ้นมาได้
เฮ้ หลานอัน เลิกแสดงได้แล้ว เสียงปรบมือจบลงแล้วกู้หลานอันยังนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น อันนามองเขา กลั้นความรู้สึกอยากจะพุ่งเข้าไปชกเขาสักทีไว้ได้ ลูกบังเกิดเกล้า เขาคิดอะไรอยู่มีหรือเธอจะไม่รู้ มีแค่ลูกโง่ ๆ คนนี้ของเธอแหละ อยากเล่นแง่แต่ไม่ดูสถานการณ์อะไรเลย ไม่ดูเลยว่าชาวบ้านเขาไม่คิดจะช่วยประคองตัวเองตั้งแต่แรกแล้วไหม
อ้อ เมื่อแม่เร่งเขาอีกรอบ กู้หลานอันก็ไม่อาจจะนอนคว่ำหน้าต่อได้อีก ยันร่างลุกขึ้น มองไปทางเจาเยี่ยแต่เสมือนมองไม่เห็นเขาด้วยท่าทางเหมือนลูกสะใภ้อารมณ์ไม่ดี สับสนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อเจาเยี่ย เลยได้แต่หน้ามุ่ยและสะบัดศีรษะ เขาโค้งคำนับให้กรรมการ 90 องศา รอยยิ้มปรากฏออกมาอย่างเหมาะสมแล้วพูดว่า การแสดงจบลงแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่รับชมครับ
ดีมาก จางเจียอี้กล่าวชม ไม่รู้ว่าหมายถึงท่าทีของกู้หลานอันหรือว่าการแสดงของเขา หรือว่าจะหมายถึงทั้งสอง เริ่มให้คะแนนกันเถอะ สิ้นเสียงจางเจียอี้ กรรมการก็เริ่มให้คะแนน เมื่อเห็นว่าการแสดงจบลงแล้ว ผลแพ้ชนะก็ชัดเจน เจาเยี่ยมือล้วงกระเป๋ากางเกงและเดินจากไป
กู้หลานอันเห็นเขาเดินไปทางด้านหลังตัวเอง ตาจ้องไม่ขยับไปยังทางที่เขาหายไป รอจนกรรมการประกาศผลคะแนนแล้ว หันไปทางกรรมการแล้วพูดว่า ขออภัยครับ ผมมีธุระด่วน ต้องขอตัวก่อน ก็รีบตามไป
หลานอัน หยุดเดี๋ยวนี้นะ ผลการตัดสินสุดท้ายยังไม่ออกมาเลย มีมารยาทบ้างรึเปล่า อันนาตำหนิ แต่กู้หลานอันวิ่งออกไปจนไม่เห็นแม้แต่เงา เธอกำมือแน่น หันกลับมาพูดกับจางเจียอี้ว่า ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทำให้คุณหัวเราะเยาะเลย กลับบ้านจะสั่งสอนเขาให้ดี ๆ ค่ะ
ไม่เป็นไร หัวเราะอะไรกัน เขามีธุระด่วนก็ให้เขาไปเถอะ ยังไงผลลัพธ์ก็ออกมาแล้ว จางเจียอี้โบกมืออย่างไม่แยแส พลางถามอย่างเป็นห่วงว่า แต่ว่าหลานอันรีบวิ่งออกไปขนาดนั้น คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องสำคัญอะไรขึ้นหรอกนะ
เรื่องสำคัญที่ไหนกัน เขาเป็นติ่ง อันนาถอนหายใจแล้วตอบ
ติ่ง จางเจียอี้ครุ่นคิดสักครู่แล้วถาม เขาเป็นติ่งเจาเยี่ย
อืม สุดติ่งกระดิ่งแมวเลยล่ะ
มิน่าล่ะ จางเจียอี้ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเท่าไหร่ พูดไปแล้วเจาเยี่ยเนี่ยมีเสน่ห์จริง ๆ มีแฟนคลับเป็นผู้หญิงเยอะแยะไม่พอ แฟนคลับผู้ชายยังมีอีกเป็นโขยงเมื่อวานนักแสดงชายคู่รองตอนออดิชั่นนักแสดงชายคู่รอง คนที่เข้าคัดเลือกคนนั้นก็ไม่ได้รอจนประกาศผล พอเห็นเขาเดินออกไปก็รีบตามออกไปเลย แต่เป็นเพราะว่าคน ๆ นั้น บทของเขามีสปอนเซอร์แอบยัดเข้ามา ผลสุดท้ายไม่ต้องสงสัย ดังนั้นถึงได้กล้าเอาแต่ใจตัวเองแบบนั้น
นักแสดงชายคู่รอง ศัตรูหัวใจ?!!! อันนาดวงตาเป็นประกาย ไล่ถามต่อ ใครเหรอ
อืม เหมือนว่าจะชื่อฟู่ซี จางเจียอี้ตอบ
อะไรนะ ที่แท้ก็เป็นฟู่ซีเองเหรอ อันนาใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ วินาทีต่อมาก็ถามต่อว่า เขาเป็นใครเหรอ?
คุณไม่รู้แล้วคุณจะตกใจขนาดนั้นทำไมก่อน จางเจียอี้จะหัวเราะหรือร้องไห้บอกไม่ถูก เหมือนว่านับตั้งแต่เขารู้จักอันนามา เธอก็ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรจริง ๆ จัง ๆ ได้ แต่ว่าอันนา คุณไม่รู้จักฟู่ซีนั่นจริง ๆ เหรอ เขาเป็นคนที่เข้าร่วมแข่งขันรายการ พรุ่งนี้ฉันจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ พร้อมกับหลานอันนะ หรือว่าคุณไม่เคยดูการแข่งขันของลูกชายมาก่อนเลย
ทำไมถึงจะไม่เคยดู นั่นเป็นลูกชายฉันนะ ฉันไม่แค่ดู แต่ฉันยังไปดูถึงหน้าเวทีเลย แต่ว่าก็ดูแค่เขาคนเดียว เวลาที่เหลือคือนอนหลับไป เพื่อไม่ให้เสียหน้า อันนาจึงไม่พูดอะไรต่อหลังจากนั้น