เกิดใหม่ครั้งนี้ ไม่ขอเป็นซุปตาร์ (Yaoi) – เล่มที่ 2 ตอนที่ 45 ฉันกับคนที่ฉันรักกินไก่ทอดอยู่ในสวนสาธารณะ

เล่มที่ 2 ตอนที่ 45 ฉันกับคนที่ฉันรักกินไก่ทอดอยู่ในสวนสาธารณะ

   ไม่ ไม่ได้พูดอะไรนี่  หลี่เสียวเหม่ยนึกว่าเขาได้ยิน ปฏิเสธเสียงอึก ๆ อัก ๆ

         ไม่ได้พูดอะไรเห็นคุยกันตั้งนาน  กู้หลานอันส่งสายตาตักเตือนไปให้เขา หลี่เสียวเหม่ยเหมือนอยากจะร้องไห้ เจาเยี่ยทนดูไม่ได้ก็เลยบอกกู้หลานอันว่า  เมื่อกี้เสียวเหม่ยถามฉันว่าหิวหรือยัง ทำไมอาหารยังไม่ขึ้นโต๊ะอีก 

         นายหิวแล้วเหรอ?  เจาเยี่ยทำท่าทางอารมณ์ดี กู้หลานอันยิ้มเหมือนดอกไม้แรกแย้มแล้วหันไปถามเจาเยี่ย เมื่อเห็นเจาเยี่ยเขาก็รีบลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า  งั้นฉันจะรีบไปเร่งเขา  พูดจบก็รีบก้าวเท้าออกไปเลย

         พี่เจา ขอบคุณมากครับ  รู้ว่าเจาเยี่ยช่วยเขาจากการถูกต้อน หลี่เสียวเหม่ยรู้สึกซาบซึ้ง

         ไม่ต้องขอบคุณหรอก ที่ฉันทำอย่างนี้ก็เพื่อที่พวกเราจะได้รีบกลับ  เจาเยี่ยมองไปยังทางที่กู้หลานอันหายไปแล้วพูด

         ใช่ ๆๆ พวกเราควรรีบกลับ  หลี่เสียวเหม่ยไม่วางใจ ในใจยังรู้สึกหวาดกลัวแล้วพูดว่า  กู้หลานอันคนนี้เป็นคนที่น่ากลัวมากจริง ๆ คนเราไม่ควรมองคนที่รูปลักษณ์ภายนอกหน้าตาของเขาราวกับเทพบุตรขนาดนั้น 

         น่ากลัวจริงเหรอ?  เจาเยี่ยพินิจพิเคราะห์คำพูดของเขา แสยะปากยิ้มไม่หยุดแล้วพูดว่า  ฉันรู้สึกว่าก็ดีมากนะ 

         แบบนี้เนี่ยนะดีมาก?  หลี่เสียวเหม่ยส่ายหัวไม่ยอมรับ กำลังเตรียมตัวจะแก้ไขเรื่องราวสลับซับซ้อนที่เห็นผิดเป็นถูกของซุปเปอร์สตาร์ของตัวเอง ก็เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของซุปเปอร์สตาร์ ประหลาดใจจนอ้าปากค้าง  พี่เจา พี่ยิ้มหรือนี่ แถมยังยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนั้นด้วย 

         ทำไมเหรอ?  เจาเยี่ยหุบรอยยิ้มแล้วถาม  แปลกมากเลยเหรอ? 

         ไม่แปลกหรอกครับ ก็แค่เห็นพี่ยิ้มเป็นครั้งแรก เลยตื่นเต้นมาก  หลี่เสียวเหม่ยยิ้มเขินหน้าแดงแล้วพูด

         ไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นหรอก  เจาเยี่ยพูดอย่างเมินเฉย ขยับน้ำส้มที่อยู่ตรงหน้าไปมา

         ทำไมไม่จำเป็นล่ะครับ จำเป็นมากเลย พี่รู้ไหม การได้เห็นพี่ยิ้มเป็นสิ่งที่ผมตั้งหน้าตั้งตาจะทำตั้งแต่ผมได้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการของพี่เลยนะ  หลี่เสียวเหม่ยพูดอย่างจริงใจ เจาเยี่ยหัวเราะเสียงต่ำ ๆ ในลำคอ ฟังหลี่เสียวเหม่ยพูดอีกว่า  พี่เจา ผมไม่กลัวกู้หลานอันแล้ว 

         ทำไมจู่ ๆ ก็ไม่กลัวแล้วล่ะ?  เจาเยี่ยเงยหน้ามองเขาแล้วถาม

         เพราะว่าเขาทำให้พี่ยิ้ม  หลี่เสียวเหม่ยพูดไปตามจริง เจาเยี่ยได้ยินแล้วสีหน้าหนักอึ้ง จู่ ๆ ก็รู้สึกโมโห พูดด้วยเสียงเย็นเยือกว่า  ฉันไม่ได้ยิ้มเพราะเขา  หลี่เสียวเหม่ยนึกว่าเขาโกรธเพราะตัวเอง แม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เขาก็รีบก้มหน้าลงเพื่อทบทวนตัวเองว่าเขาเคยไปทำอะไรไว้ให้ใครขุ่นเคือง ทำไมตัวเองถึงได้ยั่วคนให้โมโหอยู่ตลอดโดยไม่มีสาเหตุแบบนี้

        ไม่นานกู้หลานอันก็กลับมา บริกรถืออาหารตามหลังเขามาด้วย หลังจากวางลงเขาก็เอาอาหารทั้งหมดขยับไปไว้ตรงหน้าเจาเยี่ย แล้วพูดกับเขาว่า  นายหิวแล้วรีบกินเถอะ ฉันจะไปตักข้าวให้นาย  อารมณ์ดีมีความสุขฮัมเพลงอยู่ในลำคอ << ฉันกับคนที่ฉันรักกินไก่ทอดอยู่ในสวนสาธารณะ >> แล้วเดินจากไป

        เจาเยี่ยมองกับข้าวในจาน ขมวดหัวคิ้วอยู่สักครู่ เลื่อนจานไปทางเสียวเหม่ยแล้วพูดว่า  ไปตักข้าวแล้วกินเถอะ 

         ได้ครับ 

        ข้าวมื้อนี้ไม่ถือว่าเป็นการรับประทานอย่างเงียบสงบ มีกู้หลานอันที่พูดไม่หยุดอยู่ตรงนั้นคนเดียว เนื้อหาที่พูดเหมือนกันหมดว่า  เจาเยี่ย กินเนื้อบ้างสิ   อืม ไม่ควรกินแค่เนื้อ ต้องกินผักใบเขียวด้วย  ปากพูดอย่างเดียวไม่พอ ยังเติมกับข้าวในชามของเจาเยี่ยเรื่อย ๆ กระทั่งเจาเยี่ยตักข้าวในชามไม่ถึงจึงมองเขาด้วยสายตารำคาญแวบหนึ่ง เขาถึงได้หยุด ตัวเองก็ไม่กิน แต่มือเท้าคางมองดูเจาเยี่ยกิน

        หลี่เสียวเหม่ยแอบชำเลืองสายตาไปทางเจาเยี่ยที่หน้าไร้ซึ่งอารมณ์กำลังก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร กับกู้หลานอันที่สายตาจับจ้องอยู่แต่หน้าเจาเยี่ยกำลังยิ้มอย่างโง่ ๆ อยู่ สักพักก็รู้สึกหนาวสั่น พี่เจาช่างน่าสงสารเหลือเกิน

        กินข้าวในชามไปได้เล็กน้อยเจาเยี่ยก็วางตะเกียบลง กู้หลานอันถามอย่างงุนงงว่า  ทำไมไม่กินแล้ว? ไม่ชอบเหรอ?  ไม่น่าใช่ เขาจำได้ว่าเจาเยี่ยชอบกินกับข้าวพวกนี้มากในชาติที่แล้ว

         จะกินข้าวสักมื้อแต่ถูกคนจ้องอยู่ตลอดเวลาเป็นนายกินลงไหม?  เจาเยี่ยเหล่ตามองเขาแล้วถอนมันกลับ

        กินลงสิ ถ้าเกิดถูกนายจ้องอยู่ตลอดตอนกินข้าวฉันคงมีความสุขจนลอยละล่อง แต่เกรงว่าถ้าพูดความในใจออกไปอาจจะถูกกระทืบตายอยู่ตรงนี้ได้ กู้หลานอันเลยเปลี่ยนคำพูดว่า  งั้นฉันไม่จ้องนายก็ได้ นายรีบกินเร็วสิ  พูดแล้วหันสายตามา ลงมือกินอาหารของตัวเองอย่างรวดเร็วแต่คงไว้ซึ่งความสง่างามอยู่ บอกว่าจะไม่จ้องเจาเยี่ยแล้ว แต่สายตาก็ยังคงแอบเหลือบมองอยู่เป็นครั้งคราว เจาเยี่ยเอามือจับหน้าผากอย่างระอา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วกินข้าวต่อ

        เจาเยี่ยวางตะเกียบลงก่อน ตามมาด้วยกู้หลานอัน และหลี่เสียวเหม่ยเป็นคนสุดท้าย มองหลี่เสียวเหม่ยวางชามและตะเกียบลง เจาเยี่ยก็กอดอก เอนตัวลงไปบนม้านั่งมองฝูงชนเบาบางบนถนนแล้วพูดว่า  กู้หลานอัน ครั้งนี้ก็ถือว่าแล้วกันไป คราวหลังอย่าได้เข้าใกล้ฉันอีกและอย่าได้ค้นหาข้อมูลของฉันอีก มิฉะนั้น ฉันไม่ไว้หน้านายแน่นาย 

        แล้วที่ผ่านมานายเคยไว้หน้าเขาด้วยเหรอ? สายเผือกอย่างหลี่เสียวเหม่ยที่นั่งฟังอยู่ผุดคำถามขึ้นมาในใจ

         ทำไมล่ะ? นายไม่ชอบให้ฉันเข้าใกล้เหรอ?  กู้หลานอันทำหน้าไร้เดียงสา แต่เจาเยี่ยมีภูมิคุ้นกันอย่างสมบูรณ์ต่อเรื่องนี้ เขาถอนหายใจแล้วส่ายหัวและไม่อยากทำตัวให้ดูน่าเบื่อ รวบรวมสภาพจิตใจแล้วมองเจาเยี่ยด้วยใบหน้าเจ็บปวดสาหัส แล้วเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า  ฉันไม่เคยค้นหาข้อมูลของนาย นายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า? 

         เข้าใจผิด? กู้หลานอัน จนถึงตอนนี้นายยังไม่ยอมรับว่านายเคยค้นหาข้อมูลเรื่องของฉันอีกเหรอ?  เจาเยี่ยพูดด้วยเสียงราบเรียบ แต่ให้คนฟังรับรู้ได้ถึงความรู้สึกบีบรัด

         ฉันไม่เคยค้นหาข้อมูลของนายนะ แล้วจะยอมรับได้ยังไง  กู้หลานอันรู้สึกว่าตัวเองถูกใส่ร้ายป้ายสียิ่งกว่าโต้วเอ๋อ [1] ซะอีก

         นายไม่เคยค้นหาข้อมูลฉัน ถ้านายไม่เคยค้นหาข้อมูลฉันมาก่อน ทำไมครั้งก่อนต้องเจาะจงวางเหล้าขวดนั้นบนโต๊ะของฉัน อย่าพูดว่านายชอบนะ ครั้งก่อนนายพูดเองก็เหมือนนายตบหน้าตัวเองไปทีแล้ว; ถ้านายไม่ได้ค้นหาข้อมูลฉันจริงทำไมพาฉันมากินข้าวที่ร้านธรรมดา ๆ ร้านนี้ได้อย่างพอเหมาะพอดี? ถ้านายไม่ได้ค้นหาข้อมูลฉันจริงทำไมถึงรู้ว่าฉันจะต้องดื่มน้ำส้มก่อนอาหารเป็นประจำ; จะรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบกินกับข้าวอะไร ยังรู้รสนิยมความชอบในเรื่องอาหารของฉันอีก (ยกตัวอย่างเช่นกินเต้าหู้หม่าล่าแต่ไม่เอาความความชา) จำทุกอย่างได้หมดอย่างชัดเจน 

        เจาเยี่ยพูดได้อย่างมีเหตุผลชัดเจนตามลำดับ ไม่มีช่องว่างให้กู้หลานอันได้โต้แย้งเลย ในใจรู้สึกเสียใจภายหลังและตำหนิตัวเองที่ห่วงใยใส่ใจทุกรายละเอียดจนวุ่นวายไปหมด ก้มหน้าแบกรับความผิดอย่างตรงไปตรงมา  เจาเยี่ย ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจค้นหาข้อมูลของนาย ฉันแค่ชอบนายมาก ดังนั้นฉันเลยปฏิบัติกับนายด้วยความใส่ใจ 

         ชอบฉัน? กู้หลานอันนายหยุดพูดเรื่องตลกได้ไหม?  เจาเยี่ยสายตามองต่ำลง น้ำเสียงเย็นยะเยือก  ถ้านายชอบฉันจริง งั้นนายก็น่าจะรู้ดี เจาเยี่ยคนนี้ ไม่ชอบให้คนมาค้นหาข้อมูลที่สุด 

         ฉัน…  ฉันรู้แน่นอนอยู่แล้ว ดังนั้นช่วงเวลาที่คิดถึงนายสองสามวันมานี้ก็ไม่ได้ให้นักสืบเอกชนไปถ่ายรูปนายมาสักหน่อย กู้หลานอันโต้แย้งอยู่ในใจ

        เห็นกู้หลานอันพูดไม่ออก เลยทำให้ใจของเจาเยี่ยที่จู่ ๆ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเลย

         เจาเยี่ย  กู้หลานอันรีบลุกขึ้นแล้วตามออกไป ยังไม่ทันได้พูดอะไร บริกรก็เอาบิลมายืนขวางไว้  คุณคะ รบกวนชำระเงินด้วยนะคะ 

         รอฉันออกไปพูดกับพวกเขาสองสามคำก่อนเดี๋ยวฉันกลับมา  กู้หลานอันพูดจบก็จะอ้อมออกไป บริกรกลับล้วงเอาสมุดอีกเล่มหนึ่งออกมาพนันกับเขา  ถ้าคุณไม่อยากจ่ายเงินก็ไม่เป็นไร ขอแค่คุณเซ็นชื่อให้ฉันก็พอ เดี๋ยวฉันจะจ่ายแทนคุณเอง 

        เอ่อ…กู้หลานอันพูดไม่ออก รู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้กลัวกู้หลานอันจะหนีหนี้แต่เป็นแฟนคลับของเขา ในใจแห้งเหี่ยวถอนหายใจ กู้หลานอันมองรถของคนรักตัวเองขับออกไปไกลแล้ว จ่ายบิลก่อนแล้วหลังจากนั้นเขาก็เซ็นชื่อให้แฟนคลับของเขา ยื่นให้คนที่ไม่กล้าแม้แต่จะกล้ามองหน้าเขาแล้วถามว่า  ผมกับเจาเจาออกประตูพร้อมกัน ทำไมเธอไม่ไปขอลายเซ็นเขา แล้วเอาแค่ของฉันล่ะ?  ตอนเขาเข้าร้านสายตาของเธอดูจะชอบเขามากกว่านะ? หรือว่าเธอมีลายเซ็นของเขาแล้ว?

         

         

         

        คำอธิบายเพิ่มเติม

        โต้วเอ๋อ [1] ละครโศกนาฎกรรม โต้วเอ๋อมีชีวิตที่แสนรันทด ถูกอันธพาลกลั่นแกล้ง ถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษส่งผลให้คนอื่นเสียชีวิต ผู้พิพากษาที่รับสินบนก็สั่งลงโทษโต้วเอ๋ออย่างทารุณ

 

เกิดใหม่ครั้งนี้ ไม่ขอเป็นซุปตาร์ (Yaoi)

เกิดใหม่ครั้งนี้ ไม่ขอเป็นซุปตาร์ (Yaoi)

Status: Ongoing

“พาดหัวข่าว! นักแสดงหน้าใหม่ยอดนิยม “กู้หลานอัน” ไม่เกี่ยงชายหญิง ขอแค่มีเงินก็พร้อมกระโจนเข้าใส่

ทำให้เพื่อนรักสุดทน จัดงานแถลงข่าว เพื่อเปิดโปงธาตุแท้ของเขา ส่งผลให้ยอดผู้ติดตามหายไปหลายล้านคนในพริบตา”

.

บนดาดฟ้าสูง ปรากฏร่างของชายหนุ่มหน้าตาดี ยืนเหม่อลอย น้ำตานองหน้า

ถ้อยคำก่นด่ามากมายสะท้อนก้องอยู่ในหัวของเขา กู้หลานอันหัวเราะทั้งน้ำตา…

ใช่แล้ว คนที่ทำลายชีวิตของเขา ก็คือ ‘เพื่อนรัก’ คนดีของเขานั่นเอง! มิตรภาพจอมปลอมจนถึงวินาทีสุดท้าย

.

ทว่า…ในตอนที่ทุกคนต่างหันหลังให้เขา กลับมีเพียง “เจาเยี่ย” คนรักของเขาเท่านั้น

ที่ยืนหยัดจนถึงที่สุดว่าจะรักเขาตลอดไป… แต่กู้หลานอันไม่สามารถทนมองสภาพตัวเองตอนนี้ได้

และไม่อยากให้เจาเยี่ยลำบากเพราะเขาอีกต่อไป เขาจึงเลือกจบชีวิตลง ณ ตึกสูงแห่งนี้นี่เอง…

.

“หากชาติหน้ามีจริง…ฉันจะบอกรักนาย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราพบกัน”

.

นับว่าสวรรค์ยังไม่ใจร้ายกับเขามากนัก กู้หลานอันได้ย้อนเวลากลับมาในร่างตนเองเมื่อ 5 ปีก่อน เพื่อแก้ไขอดีตอันโหดร้าย

“ฉันกลับมาแล้ว เจาเยี่ย…”

“แต่…คงเพราะฉันเข้าหานายมากเกินไปสินะ นายถึงกลัวฉันขนาดนั้นน่ะ!!? ”

.

ปฏิบัติการตามจีบหนุ่มเย็นชาของนายซุปตาร์เกิดใหม่ จึงเริ่มต้นขึ้นด้วยประการฉะนี้นี่เอง!

—————–

เจ้าของลิขสิทธิ์ต้นฉบับ : Doufu

ประพันธ์โดย :  花亦北

ลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทยถูกต้องโดย : Glory Forever Co.,LTD (สนพ.กวีบุ๊ค)

บรรณาธิการ :วลีรัตน์ แทนคง

แปลภาษาไทยโดย :  จื่อหลงเอ๋อร์ 紫龙儿

พิสูจน์อักษร : รติรัตน์ หอมลา

—————–

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท