“ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนฉันเสมอมา ฉันขอลงไปเตรียมตัวที่ด้านล่างสักครู่แล้วเราค่อยเจอกันใหม่ในเพลงต่อไป!”
บนเวที หลังจากร้องไปได้2เพลง ฟ่านซีเหยียนก็ค่อย ๆ เดินหายไปทางด้านหลังเวทีแล้วจากนั้นนักร้องชายอีกคนก็เดินขึ้นมาร้องแทนต่อ
อย่างไรก็ตามนักร้องชายที่เพิ่งเดินขึ้นมาบนเวทีได้รับเสียงโห่ร้องเบากว่าฟ่านซีเหยียนมาก ซึ่งเป็นตัววัดอย่างดีว่าเขาโด่งดังเทียบไม่ได้กับดาวเด่นของงาน
อวี้ฮ่าวหราน ไม่ได้สนใจอยากจะฟังสักเท่าไหร่…
“พวกเธอฟังกันไปก็แล้วกัน ถวนถวนดูไม่ค่อยสนุก เดี๋ยวฉันจะพาไปเดินเล่นรอบๆ”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหราน อุ้ม ถวนถวน ออกมาจากวงแขนของหลี่หรงทันที
“นี่พี่ไม่คิดจะดูคอนเสิร์ตเลยรึไงพี่เขย? เฮ้อ…แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่าพี่ก็อย่าเดินไปในส่วนพื้นที่หวงห้ามก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่โดนไล่ออกจากงานแน่ๆ” หลี่หรงพูดขึ้นด้วยความรู้สึกขัดใจเล็กน้อย
“อืม…”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าจากนั้นเขาเดินอุ้มถวนถวนออกไปในทันที เขาเลือกเส้นทางแบบสุ่ม ๆ แต่แล้วมันกลับบังเอิญว่าเป็นเส้นทางที่นำไปสู่บริเวณด้านหลังเวที…
“พ่อจ๋าแถวนี้มีคนน้อยจังเลย พวกเรามาผิดทางรึเปล่า?”
ถวนถวนเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะคำพูดของหลี่หรงหรือเป็นเพราะสวรรค์แกล้ง ท้ายที่สุดอวี้ฮ่าวหรานดันเดินมาถึงเขตหวงห้ามด้านหลังเวทีโดยบังเอิญ
แต่ในขณะนี้ดูเหมือนว่ามีเหตุการณ์ความวุ่นวายบางอย่างกำลังเกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่
“ที่นี่คือเขตหวงห้ามสำหรับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง กรุณาถอยกลับไปด้วย!”
“แกคิดว่าแกเป็นใคร? แกกล้าห้ามฉันเหรอ?!”
คนที่ดูน่าจะเป็นผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูถูกก่อนจะค่อย ๆ ชักมีดที่ซ่อนอยู่ที่เอวออกมา!
จากนั้นบรรดาชายฉกรรจ์สิบกว่าคนต่างก็ชักมีดออกมาเหมือนกัน
เมื่อเห็นเช่นนี้พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าเปลี่ยนสีทันที พวกเขารีบถอยเปิดทางให้กลุ่มชายฉกรรจ์เดินเข้าไปด้านใน
บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่พนักงานชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีใครอยากจะเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยง
อวี้ฮ่าวหรานซึ่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแบบชัดเจน อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าคอนเสิร์ตวันนี้คงจะไม่ราบรื่นซะแล้ว!
งานคอนเสิร์ตครั้งนี้ชักน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ
“ถวนถวน…เดี๋ยวพ่อจะพาลูกไปดูเรื่องสนุก ๆ เอาไหม?”
“ไป! ถวนถวน อยากไปดู!”
เด็กน้อยไม่อยากจะย้อนกลับไปดูคอนเสิร์ตที่มีแต่เสียงอึกทึกเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินคำพูดของพ่อเธอเอง เธอจึงตอบตกลงในทันที
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะกับปฏิกิริยาลูกสาวของเขาเอง จากนั้นเขาค่อย ๆ เดินตามกลุ่มชายฉกรรจ์เข้าไปที่ด้านหลังเวที
บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังคงอยู่ในอาการตื่นตระหนกจากกลุ่มชายฉกรรจ์เมื่อครู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ห้ามอวี้ฮ่าวหราน เอาไว้
ที่ด้านหลังเวที
เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์เข้าไปด้านใน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนต่างมองด้วยสายตาตื่นตระหนก
“ทุกคนจงฟัง! วันนี้บิดาของพวกแกคนนี้มาที่นี่เพื่อมาหาฟ่านซีเหยียน เพื่อทวงหนี้! ใครไม่เกี่ยวออกไปให้หมด!”
หลังจากสิ้งเสียงตะโกน ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนต่างก็ควงมีดเดินไปรอบ ๆ ข่มขู่เจ้าหน้าที่และนักร้องที่มาร่วมงานทุกคนให้หวาดกลัว
ไม่มีใครคาดคิดว่างานคอนเสิร์ตวันนี้จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น!
“พวกคุณ…พวกคุณเป็นใครกัน?!”
หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตะโกนถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ถึงแม้ว่าเขาจะกลัวแต่ด้วยหน้าที่ของเขา เขาจึงกลั้นใจตะโกนถามออกไป
“แม่งเอ๊ย! ไอ้ลูกหมานี่ ฉันบอกให้แกเห่าแล้วหรือไง? ไสหัวออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!”
หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ตะโกนลั่นด้วยสีหน้าดุดันพร้อมกับฟันมีดไปที่โต๊ะไม้ที่อยู่ข้าง ๆ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เพิ่งตะโกนถามจนโต๊ะกระเด้งอย่างรุนแรง
เป็นใครก็ต้องขวัญหนีดีฝ่อเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ถูกขู่ด้วยมีดแบบนี้!
“ผ…ผมขอโทษ…”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนที่เพิ่งพูดกลัวจนแทบจะฉี่ราด เขารีบวิ่งหนีออกไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด
หลังจากนั้นบริเวณด้านหลังเวทีก็กลายเป็นเงียบกริบ…
“ฮ่าฮ่า…แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย! ฟ่านซีเหยียน ออกมาได้แล้ว ฉันรู้ว่าเธออยู่ข้างในนั้น! อย่าให้ฉันต้องเข้าไปลากตัวเธอออกมานะโว้ย!”
หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าหยิ่งผยองก่อนที่จะเอามีดในมือเคาะประตูห้องแต่งตัว
จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาประตูห้องแต่งตัวก็ค่อย ๆ เปิดออก และฟ่านซีเหยียนในชุดสีขาวก็เดินออกมา
“ฮวงไห่ นายต้องการอะไร!?”
“โอ้ ผ่านไปหลายวันแล้วคุณยังจำผมได้ด้วย! เหตุผลที่ผมมาที่นี่เพื่อมาทวงหนี้ฉะนั้นหยุดพูดจาไร้สาระแล้วจ่ายเงินมาซะ!”
ท่าทีที่ดุดันของฮวงไห่ ทำให้ฟ่านซีเหยียนรู้สึกหวาดกลัวจับใจ
“เฮอะ! ตอนนี้เพิ่งจะมากลัวเอางั้นเหรอ? มาจัดแสดงคอนเสิร์ตในพื้นที่ของฉันแต่กลับไม่มาทักทายฉันแถมหลังจากงานเลี้ยงล่าสุดก็ไม่รับโทรศัพท์ของฉันอีกต่างหาก!” ฮวงไห่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ลืมไปแล้วหรือไงว่าเธอยังติดเงินฉันอยู่ก้อนโต!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของอีกฝ่าย สีหน้าของ ฟ่านซีเหยียน ก็เปลี่ยนไปจากหวาดกลัวกลายเป็นโมโห
“ที่ฉันเป็นหนี้นายมันเป็นเพราะ หลี่เจินซิง ร่วมมือกับนายหลอกฉัน! พวกนายมีความคิดชั่ว ๆ กับฉันแล้วยังกล้ามาเสนอหน้ามาที่นี่อีกงั้นเหรอ?”
“แล้วไง? ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรแต่ท้ายที่สุดเธอก็ยังติดหนี้ฉันไม่ใช่เหรอ? เลิกพูดจาไร้สาระแล้วจ่ายเงินมาได้แล้ว!”
ฮวงไห่แสดงสีหน้าเยาะเย้ยจากนั้นเขาค่อย ๆ เดินเข้าไปประชิดตัว ฟ่านซีเหยียน
“นายยังมีหน้ามาทวงเงินฉันอีกงั้นเหรอ? ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าพวกนายรวมหัวกันหลอกฉัน แต่ฉันก็จ่ายให้พวกนายไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น นายมีสิทธิ์อะไรมาทวงเงินฉันอีก? หนี้ของเรามันไม่มีอีกแล้ว!”
ฟ่านซีเหยียนรู้สึกไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนพวกนี้ถึงทำตัวไร้เหตุผลแบบนี้…
“เหอะ! จ่ายแล้วงั้นเหรอ? โทษที เงินที่เธอจ่ายมาครั้งก่อนมันเป็นแค่ดอกเบี้ยต่างหากโว้ย!” ฮวงไห่หัวเราะเยาะเย้ย
“นี่…นี่มันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!”
สีหน้าของ ฟ่านซีเหยียน เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวในทันที อีกฝ่ายหน้าด้านเกินไป! เธอจ่ายเงินไปแล้วแต่อีกฝ่ายกลับพลิกลิ้นบอกเป็นการจ่ายแต่ดอกเบี้ยได้ยังไง?
ด้วยความโมโห เธอจึงไม่คิดจะสนใจคนเหล่านี้ต่อไปอีก เธอหันหลังและเดินเข้ากลับเข้าห้องแต่งตัวในทันที
อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะทันได้ก้าวเข้าไปด้านในห้อง ฮวงไห่ก็คว้าแขนเธอและรั้งเอาไว้อย่างหยาบคาย…
“นี่เธอคิดว่าเธอจะเดินจากไปได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ? เธอเห็นฉันเป็นคนใจดีขนาดนั้นเลยหรือไง? ฟ่านซีเหยียน ฉันขอบอกเธอตรงนี้เอาไว้เลยว่าถ้าเธอไม่จ่ายเงินมาให้ฉันซะดี ๆ วันนี้คอนเสิร์ตของเธอไม่มีทางดำเนินต่อไปได้ แถมวันนี้ฉันจะเก็บดอกเบี้ยเธอด้วยการเล่นสนุกกับร่างกายของเธอด้วย!” ฮวงไห่พูดขึ้นด้วยแววตาหื่นกระหาย