บทที่ 308 สถานการณ์สิ้นหวัง
บทที่ 308 สถานการณ์สิ้นหวัง
หลังจากร้องขออย่างเร่งด่วน หวังเหยียนก็ตัดสายไปอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าการต่อสู้ทางฝั่งหวังเหยียนจะเริ่มขึ้นแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอพี่เขย?”
หลังจากอวี้ฮ่าวหรานวางสาย หลี่หรงก็เบนสายตามาที่เขาและถามด้วยความสงสัย
เห็นได้ชัดว่าเธอได้ยินเสียงกังวลทางโทรศัพท์เมื่อครู่นี้
“มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเพื่อนของพี่ พี่คงต้องไปช่วยเขาเดี๋ยวนี้”
เพื่อหลีกเลี่ยงความกังวลของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานจึงไม่ได้บอกความจริงกับเธอ
หลี่หรงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบของอวี้ฮ่าวหราน เธอดูไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็พอจะเดาได้ว่าอวี้ฮ่าวหรานคงไม่อยากให้เธอมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็ระวังความปลอดภัยของตัวเองให้ดีด้วยล่ะ”
หลี่หรงรู้สึกจนใจ เมื่อพี่เขยของเธอไม่อยากให้เธอเข้ามาเกี่ยงข้อง สิ่งที่หญิงสาวทำได้ จึงมีเพียงการเอ่ยขึ้นเตือนด้วยความเป็นห่วง
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและออกไป
ด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลของหวังเหยียน วันนี้มือของเขาคงเปื้อนเลือดอย่างแน่นอน!
ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่สุดที่หลี่หรงจะไม่รู้เรื่องนี้
เสียงคำรามอันทรงพลังของรถสปอร์ตสีเหลืองดังลั่นกลางถนน อวี้ฮ่าวหรานขับไปยังบ่อนที่หวังเหยียนบอกอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ขณะเดียวกันภายในบ่อน
หลังจากที่หวังเหยียนวางโทรศัพท์ลง เขาก็สามารถสงบใจได้มากขึ้นเล็กน้อย
“แกนี่มันไร้เดียงสาจริง ๆ แกคิดว่าโจวเฟยหู่จะมาช่วยแกทันก่อนที่ฉันจะฆ่าแกงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นการกกระทำของหวังเหยียน จิ่นเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ
การรวบรวมคนนับร้อยนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำเสร็จได้ภายในหนึ่งชั่วโมง อย่างน้อย ๆ เลยมันก็ต้องใช้เวลาสักสองชั่วโมง ดังนั้นจิ่นเฟิงจึงมั่นใจมากว่าโจวเฟยหู่จะมาช่วยหวังเหยียนไม่ทันแน่นอน…
เวลาสองชั่วโมงมันมากเพียงพอที่เขาจะฆ่าหวังเหยียนได้เป็นสิบรอบ
กว่าโจวเฟยหู่จะมาถึง ศพของหวังเหยียนก็คงเย็นไปแล้ว!
เมื่อได้ยินการเสียดสีของอีกฝ่าย หวังเหยียนก็กัดฟันกรอดด้วยความโมโห
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว! ถ้าแกต้องการสู้ก็เข้ามา! แม้ว่าวันนี้แก๊งวาฬยักษ์จะสามารถฆ่าฉันได้ แต่ฉันรับประกันเลยว่าราคาที่พวกแกต้องจ่ายมันย่อมไม่น้อยแน่นอน!”
ในเวลานี้ เขาก็ไม่ค่อยแน่ใจเช่นกันว่าอวี้ฮ่าวหรานจะมาทันเวลาหรือไม่
เพราะบ่อนแห่งนี้ไม่ได้อยู่ใกล้กับที่อยู่ของอวี้ฮ่าวหราน
แต่ถึงแม้เขาจะตายที่นี่จริง ๆ อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่ได้ทำให้แก๊งพยัคฆ์เวหาเสียชื่อเสียง
การที่เขาอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ จนได้เห็นว่าแก๊งพยัคฆ์เวหากลายเป็นแก๊งใหญ่ขนาดนี้ มันก็ถือว่าเขาได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้ว!
“เฮอะ! จะตายแล้วยังปากดี! ก่อนฉันจะฆ่าแก ฉันจะหักแขนขาของแกทิ้งทีละข้างก่อน ฉันจะทำให้แกต้องอ้อนวอนร้องขอความตายจากฉัน!!”
ใบหน้าของจิ่นเฟิงเย็นชาขึ้นในขณะที่พูด เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก เขาก็ยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตัวเองทันที
“ฆ่าพวกมันให้หมด!!”
หลังจากเอ่ยคำสั่งออกไป ภายในห้องโถงก็เกิดความโกลาหลอย่างมโหฬารในทันที
โต๊ะและเก้าอี้บินว่อน ทั้งสองฝ่ายต่างฆ่าฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยมีดยาวและกระบองเหล็ก
แก๊งพยัคฆ์เวหามีเพียงสี่สิบคนเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงถูกล้อมอย่างแน่นหนาจึงไม่สามารถฝ่าออกไปทางไหนได้เลย
ในขณะเดียวกัน สองปรมาจารย์กำลังภายในของแก๊งวาฬยักษ์ก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย!
ความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวของทั้งสอง ทำให้สถานการณ์ทางฝั่งของหวังเหยียนยิ่งแย่มากกว่าเดิม แม้ว่าสมาชิกหลักของแก๊งพยัคฆ์เวหาจะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็อ่อนแอพอ ๆ กับเด็กเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์กำลังภายใน!
อีกด้านหนึ่ง จิ่นเฟิงนำหัวหน้าสาขาอีกคนของแก๊งวาฬยักษ์เดินมุ่งเข้าไปหาหวังเหยียน
“หึหึ วันนี้ช่างเป็นวันที่น่าจดจำจริง ๆ รองหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์เวหาผู้โด่งดัง วันนี้กำลังจะตาย!”
จิ่นเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มล้อเลียน
การซุ่มโจมตีในคืนนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาวางแผนไว้มานานแล้ว เพื่อจัดการกับเสาหลักที่แข็งแกร่งที่สุดของแก๊งพยัคฆ์เวหา!
ในเวลานี้ หวังเหยียนมองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาลุ้นอยู่ตลอดว่า ขอให้อวี้ฮ่าวหรานมาเร็ว ๆ เขาไม่อยากให้คนของเขาทั้งหมดต้องตาย
แน่นอนว่าตัวของเขาก็ไม่อยากจะตายวันนี้เช่นกัน
“ตาย!”
ทว่าในขณะที่หวังเหยียนกำลังเสียสมาธิจากการกวาดสายตามองดูสถานการณ์รอบตัว จิ่นเฟิงก็ตะโกนขึ้นพร้อมกับพุ่งเข้ามาหาอย่างดุดัน และเมื่อเข้าประชิดตัวหวังเหยียนได้สำเร็จ จิ่นเฟิงก็โคจรพลังภายในและชกใส่หน้าอกของหวังเหยียนทันที!
เมื่อเห็นการโจมตีนี้กำลังพุ่งเข้ามา หวังเหยียนจึงได้สติอย่างรวดเร็ว เขาก็รีบโคจรพลังของตัวเองไปที่ขาและดีดตัวหลบหมัดของจิ่นเฟิงได้อย่างหวุดหวิด!
โครม!!
หมัดที่พลาดไปนั้นกระแทกเข้ากับโต๊ะพนันอย่างรุนแรง จนโต๊ะพนันแยกออกเป็นสองส่วนทันที!
“ฮ่า ๆๆ! ปฏิกิริยาตอบสนองของแกนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
ถึงแม้ว่าหมัดของตัวเองจะถูกหลบได้ แต่จิ่นเฟิงกลับไม่ได้แสดงความไม่พอใจ ทว่าเขากลับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
ในขณะเดียวกันนี้ หัวหน้าสาขาอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ จิ่นเฟิงก็ไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว เขาพุ่งตามเข้าไปต่อยหวังเหยียนซึ่งเพิ่งตั้งหลักได้จากการหลบหมัดของจิ่นเฟิงเมื่อครู่
เมื่อเห็นว่าตัวเองคงไม่อาจหลบหมัดนี้ที่กำลังพุ่งเข้ามาได้ หวังเหยียน จึงตัดสินใจซัดฝ่ามือสวนกลับไปทันที เขากลั้นใจใช้พลังที่เหลือน้อยนิดของตัวเองเพื่อซัดฝ่ามือนี้ออกไป
ถึงแม้ว่าพลังจะเหลือน้อย แต่ความแข็งแกร่งของหวังเหยียนนั้นแข็งแกร่งกว่าหัวหน้าสาขาของวาฬยักษ์มาก ดังนั้นฝ่ามือของเขาจึงสามารถผลักคู่ต่อสู้ให้กระเด็นออกไปได้เจ็ดถึงแปดเมตร!
ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้คนอื่น ๆ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหวังเหยียนนั้นแข็งแกร่งสมคำร่ำลือ!
แต่สีหน้าของพวกแก๊งวาฬยักษ์กลับไม่ได้ตื่นตระหนกเลย
พวกเขาคาดไว้นานแล้วก่อนที่พวกเขาจะมา หวังเหยียนเป็นถึงรองหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์เวหา ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่หวังเหยียนจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้
แต่ไม่ว่าหวังเหยียนจะแข็งแกร่งแค่ไหน ด้วยการวางแผนมาเป็นอย่างดี ดังนั้นตอนนี้หวังเหยียนจึงไม่มีทางที่จะสู้พวกเขาได้แน่นอน!
ในเวลานี้ หวังเหยียนได้หมดพลังที่จะสู้กลับแล้ว!
หลังจากใช้กำลังภายในไปสองครั้งติดต่อเมื่อครู่ ใบหน้าของหวังเหยียน ก็ยิ่งซีดมากกว่าเดิม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นผลมาจากการใช้พลังภายในมากเกินไป
“ฮ่า ๆ รับไปอีกหมัด!”
หัวหน้าสาขาที่เพิ่งถูกผลักออกไปเมื่อครู่ กระโจนเข้าไปหาหวังเหยียน อีกรอบพร้อมกับง้างหมัดอย่างสุดแรง
แน่นอนว่าหมัดนี้ไม่ได้เบาน้อยกว่าหมัดเมื่อครู่เลย!
ปัง!!
ทั้งสองประสานหมัดกันอีกครั้ง หวังเหยียนยังคงยืนนิ่งอยู่กันที่ได้อยู่ ส่วนอีกฝ่ายถูกผลักห่างออกไปอีกสองสามเมตรอีกรอบ
อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามือของหวังเหยียนสั่นระรัว
ตรงจุดที่เขาเหยียบอยู่ ภายใต้แรงปะทะอันมหาศาล พื้นกระเบื้องได้แตกร้าวราวกับใยแมงมุมทุกตารางนิ้ว!
“หึหึ พลังภายในของแกหมดแล้ว ตอนนี้แกพึ่งพาตัวแรงของกล้ามเนื้ออย่างเดียวสินะ? ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าแกจะทนไปได้สักกี่น้ำ!”
แน่นอนว่าจิ่นเฟิงสังเกตเห็นความผิดปกติของหวังเหยียน ซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างประชดประชัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหวังเหยียนจะอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง แต่กำลังใจของเขาก็ยังคงไม่ถดถอย
“เฮอะ! แม้ว่าพลังภายในของฉันจะหมดแล้ว แต่ฉันก็ยังมั่นใจว่าฉันสามารถฆ่าแกได้!”