บทที่ 320 หมดโอกาสแก้ตัว
บทที่ 320 หมดโอกาสแก้ตัว
“ฉันจะให้นายทุกอย่างที่นายต้องการ! แต่ได้โปรดไว้ชีวิตฉันกับภรรยาด้วย! นายต้องเข้าใจว่าเราสูญเสียลูกชายไป เราเลยทำทุกอย่างลงไปด้วยความขาดสติ!”
ถึงแม้จะคิดว่ามันไร้ผล แต่อู๋หมิ่นก็ยังต้องขอลองพูดโน้มน้าวอีกสักรอบ
“ไว้ชีวิตพวกแกงั้นเหรอ? ฮ่า ๆ”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะอย่างขบขัน
“ถ้าแกแข็งแกร่งกว่าฉัน แกจะไว้ชีวิตฉันไหม? หรือถ้าฉันตายไปแล้ว แกจะไว้ชีวิตลูกสาวของฉันหรือเปล่า?”
“ฉัน…แน่นอนฉันจะ…”
เพื่อที่จะเอาชีวิตรอด อู๋หมิ่นตอบกลับอย่างรวดเร็วทันที ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบที่เขาเอ่ยออกมามันไม่ได้เป็นความจริงเลยสักนิด
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็หายตัวไปราวกับปีศาจ และปรากฏตัวอีกครั้งตรงหน้าอู๋หมิ่นพร้อมกับกุมคออีกฝ่าย!
“แกคิดว่าฉันอายุ 3 ขวบงั้นเหรอ?”
น้ำเสียงของอวี้ฮ่าวหราน ทำให้อู๋หมิ่นรู้สึกราวกับมีใครเอาน้ำเย็นมาสาดใส่
“ด…เดี๋ยว…นายใจเย็น ๆ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น หากคราวนี้นายปล่อยพวกเราไป ฉันสาบานว่าจะไม่รังควานนายอีกแล้ว!”
ในเวลานี้เขารู้สึกกลัวสุดขีด เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าลูกชายของเขาไปกินอะไรมา ถึงกล้ายั่วยุสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวขนาดนี้!
ดวงตาของอวี้ฮ่าวหรานเย็นชา เขาจ้องมองอู๋หมิ่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนหายใจ
“เฮ้อ…เสียใจด้วย…โอกาสของแกมันหมดไปแล้ว”
กร๊อบ!!
เสียงหักของกระดูกดังลั่นชัดเจน คอของอู๋หมิ่นถูกหักอย่างสมบูรณ์!
ดวงตาของอู๋หมิ่นเบิกกว้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัวและความไม่เต็มใจ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ค่อย ๆ สิ้นลมหายใจ
พลั่ก
อวี้ฮ่าวหรานโยนร่างของอู๋หมิ่นออกไปข้าง ๆ ราวกับโยนขยะทิ้ง
หญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ เพิ่งได้สติ เมื่อได้ยินเสียงร่างของสามีตัวเองหล่นกระทบพื้น
“กรี๊ดดดด!!! ไอ้ระยำ! ไอ้สารเลว! ไอ้ชั่ว! แกฆ่าผู้ชายของฉัน!! ฉันขอสาปแช่งแกให้แกกับโคตรเหง้าของแกตายโหงทั้งครอบครัว! ฉันสาบานว่าฉันจะฉีกลูกแกเป็นชิ้น ๆ ด้วยมือของฉัน แกตาย!!! กรี๊ดดดด!!”
เมื่อเห็นสามีของตัวเองถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา เธอก็กลายเป็นคนเสียสติอย่างสมบูรณ์ เธอกระโจนเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานอย่างไม่กลัวตายอีกแล้ว!
บรึ้ม!!!
อวี้ฮ่าวหรานหันไปมองหญิงวัยกลางคนด้วยสีหน้าเยาะเย้ยก่อนที่เขาจะโคจรพลังวิญญาณและโบกมือปล่อยคลื่นกระแทกเขเข้าใส่อย่างไม่แยแส!
ต้องรู้ว่าคลื่นพลังวิญญาณของอวี้ฮ่าวหราน ทรงพลังมากจนแม้แต่ผู้บ่มเพาะก็ยังบาดเจ็บหากโดนเข้า ดังนั้นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงเท่าไหร่อย่างหญิงวัยกลางคนจะทนได้ยังไง?
ทันทีที่โดนคลื่นกระแทก ร่างของหญิงวัยกลางคนก็ลอยละลิ่วกระเด็นไปไกลหลายเมตรก่อนที่จะร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างไม่เต็มใจ และเธอก็ค่อย ๆ หมดลมหายใจไปในที่สุด
ตอนนี้ คนสำคัญของตระกูลอู๋ตายไปแล้วสาม!
จากนั้นบรรดาบอดี้การ์ดที่จงรักภักดีต่ออู๋หมิ่น บางคนก็กรูกันเข้าหาอวี้ฮ่าวหราน!
ฆ่า!
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ คนที่กล้ากระโจนเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานทั้งหมดก็กลายเป็นศพ เหลือแต่พวกคนที่ฉลาดรีบหนีไปซ่อนตัว ซึ่งอวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้ทำอะไรพวกนั้นและออกจากบ้านหลักตระกูลอู๋ไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานจากไปแล้ว บ้านหลักตระกูลอู๋ก็ตกอยู่ในความโกลาหลทันที!
เมื่อครอบครัวของผู้นำตระกูลและบรรดาคนสนิทตายทั้งหมด พวกคนตระกูลอู๋ที่ยังเหลือรอด นอกจากจะโกรธแค้นแล้ว ความโลภในใจของพวกเขาก็ถูกกระตุ้นขึ้น
ต้องรู้ว่าทรัพย์สินของตระกูลอู๋ ส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยอู๋หมิ่นมาตลอด ดังนั้นเมื่อเจ้าตัวตายไปแล้วตอนนี้ พวกผู้คนที่หวังในทรัพย์สมบัติต่างก็เริ่มแย่งชิงกันในทันที
ในการแย่งชิงทรัพย์สมบัติจึงมีผู้บาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นอีกมากมาย!
อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจกับเรื่องราวในตระกูลอู่ที่จะเกิดขึ้นต่อ เป้าหมายการมาที่ตระกูลอู๋ของเขาวันนี้มีแค่อย่างเดียวคือ ฆ่าคนที่ตามจองล้างครอบครัวของเขาเท่านั้น!
5 ทุ่มเศษ อวี้ฮ่าวหรานก็กลับถึงคอนโด
ในห้องนั่งเล่น หลี่หรงยังนอนอยู่บนโซฟาและยังไม่ได้หลับไป เธอรีบหันมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู
“พี่เขย พี่กลับมาแล้วเหรอ? มีอาหารอยู่ในครัว พี่รีบเข้าไปกินสิ ตอนนี้มันดึกแล้ว หลังจากกินเสร็จก็รีบไปอาบน้ำและเข้านอน”
“หืม? ทำไมยังไม่นอนอีก?”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่น้องภรรยาของเขาที่ดูง่วงนอน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในใจ เพราะไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขากลับดึก อีกฝ่ายก็มักจะคอยดูแลเขาเสมอโดยการเก็บกับข้าวรอให้เขากลับมากิน
“หืม? พี่เขยยืนงงอะไรอยู่? รีบไปกินซะสิ”
เมื่อเห็นว่าพี่เขยของเธอมองหน้าเธอจนไม่ยอมเดินไปในครัว หลี่หรงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง…
“ช่างเถอะ ๆ เดี๋ยวฉันไปอุ่นให้ก่อนก็ได้ พี่คงเหนื่อยจนขี้เกียจจะไปอุ่นเองใช่ไหมล่ะ”
หลังจากพูดจบเธอก็เดินเข้าไปในครัวเพียงลำพัง และหลังจากหลายนาทีผ่านไป หลี่หรงก็นำอาหารสองสามจานมาวางที่โต๊ะด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“วันนี้ตระกูลอู๋ลงมือกับพี่และถวนถวน”
เมื่อเห็นความใส่ใจของหลี่หรงที่มีต่อเขา อวี้ฮ่าวหรานจึงอดไม่ได้ที่จะบอกความจริงต่ออีกฝ่าย เขารู้สึกไม่สบายใจที่ปิดบังเรื่องหลายอย่างต่อคนที่จริงใจกับเขาเช่นนี้
“เอ๊ะ?”
หลี่หรงอึ้งไปในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอวี้ฮ่าวหราน แต่เมื่อเธอเห็นว่าถวนถวนและอวี้ฮ่าวหรานกลับมาโดยไร้ขีดข่วน เธอก็ผ่อนคลายลง
“แล้ว…ถ้างั้น…นับจากนี้เราต้องทำยังไงดี ถ้าพวกเขากลับมาอีก…”
“วันนี้พี่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เมื่อครู่ที่พี่ออกไป พี่ออกไปจัดการกับตระกูลอู๋ พวกเขาไม่มีโอกาสจะมารังควานเราได้อีกแล้ว”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและพูดสรุปทุกอย่าง หลี่หรงเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานเธอก็ได้สติ
“พี่เขย ไม่เป็นไร ฉันสนับสนุนในสิ่งที่พี่ทำลงไปทุกอย่าง!”
คำพูดนี้ของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจ
…
ตอนเที่ยงวันถัดมา ที่เครือฮ่าวหราน อวี้ฮ่าวหรานก็ได้รับโทรศัพท์จากหลี่ชงซาน
“ฮ่าวหราน วันนี้พ่ออยากชวนลูกกับหรงเอ๋อร์มากินข้าวกับพ่อที่บ้านหลัก อันที่จริงพ่อมีเรื่องอยากจะคุยด้วยนิดหน่อย ลูกว่างไหม?”
“ได้ ผมจะไป”
อวี้ฮ่าวหรานตอบอย่างไม่ลังเลเลย จากนั้นชายหนุ่มก็พาถวนถวนขึ้นรถและขับไปที่บ้านหลักตระกูลหลี่ทันที
ในอีกด้านหนึ่ง หลี่หรงก็รีบออกจากบริษัทและขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านหลักตระกูลหลี่เช่นกัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ที่บ้านหลักตระกูลหลี่
“น้องสาวของพี่สวยวันสวยคืนดีจริง ๆ!”
ทันทีที่ก้านพ้นประตูเข้าไปในบ้าน เสียงของหลี่จิงเทียนก็ดังขึ้นทันที
เพียงแต่ว่าเสียงนี้ต่างจากเมื่อก่อนมาก คราวนี้หลี่จิงเทียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ประจบประแจงสุดฤทธิ์
ทางด้านของหลี่หรง เมื่อได้ยินพี่ชายของเธอชมอย่างประจบประแจง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เธอไม่อยากจะเจอหน้าอีกฝ่ายสักเท่าไหร่
หญิงสาวต่างจากหลี่เม่ย เธอไม่ได้ชอบหลี่จิงเทียนมากถึงขนาดให้อภัยได้ทุกอย่าง!
“ฮ่าวหราน มานี่สิ มานั่งใกล้ ๆ พ่อนี่มา วันนี้พ่อสั่งให้พ่อครัวทำอาหารดี ๆ เอาไว้เยอะแยะเลย!”
ทันทีที่หลี่ชงซานเห็นอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามา ก็ทักทายอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางเป็นกันเองราวกับอวี้ฮ่าวหรานเป็นลูกแท้ ๆ ของเขา
“อ…เอ่อ…พี่เขย ช่วงนี้พี่หล่อขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะครับพี่!”
สิ่งที่น่าแปลกใจคือหลี่จิงเทียนก็หันหน้ามายกยออวี้ฮ่าวหรานพยายามเอาอกเอาใจอีกคน