บทที่ 356 ทำลายค่ายกล
บทที่ 356 ทำลายค่ายกล
เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้านี้ อวี้ฮ่าวหรานก็มองทั้งสามคนอย่างดูถูก
คนพวกนี้อยู่แค่ขอบเขตก่อรากฐานเท่านั้น แต่กลับกล้าเรียกเขาว่ามนุษย์ธรรมดา คนพวกนี้นี่มันหยิ่งผยองจริง ๆ!
“บอกมาให้ชัด ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
หลังจากที่อู๋หลินกลับมาได้สติ เขาก็ระงับกิริยาท่าทางที่ตกตะลึงของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
“ทำไมเรื่องแค่นี้ยังเดากันไม่ออกอีก? ฉันเนี่ยแหละที่เป็นคนฆ่ามันเอง! ในเมื่อคนของพวกแกระรานคนในครอบครัวของฉัน ทำไมฉันถึงจะไม่ฆ่ามันทิ้ง?”
อวี้ฮ่าวหรานตอบอย่างไม่แยแส
“อ…ไอ้เด็กเวรแกหยุดโกหกได้แล้ว!! แกรีบบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าอู๋ลั่นอยู่ที่ไหน ไม่งั้นข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่านรกมันเป็นยังไง!!”
อู๋ชิงเดือดดาลสุดขีดในขณะนี้ และเขาพร้อมที่จะจู่โจมได้ทุกเมื่อ เขายังคงไม่เชื่อว่ามนุษย์ธรรมดาจะสามารถฆ่าพี่ชายของเขาได้
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานก็ทำเพียงแค่ยักไหล่และตอบกลับอย่างสบาย ๆ
“เฮ้อ เอาเถอะ ๆ ฉันเองก็ขี้เกียจจะอธิบายให้มากความเช่นกัน เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะพาพวกแกไปดูอู๋ลั่นของพวกแกก็แล้วกัน มา! ตามมา!”
ใจหนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานก็อยากจะสู้กับคนเหล่านี้ทันที แต่ในทางกลับกัน เขาก็กังวลว่าการต่อสู้ที่นี่มันจะสร้างความเสียหายให้กับบริษัทของเขาอย่างใหญ่หลวง
ต้องรู้ว่าการต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะมันค่อนข้างสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
“ไป! แกรีบนำทางไปเร็ว ๆ เลย! ฉันอยากจะรู้เหมือนว่าแกมีลูกไม้อะไรซ่อนอยู่!”
อู๋ชิงซึ่งกำลังจะจู่โจมอยู่แล้วระงับพลังของตัวเองชั่วคราว เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานยอมที่จะนำทางไปตามหาอู๋ลั่น
มนุษย์ธรรมดาเช่นนี้ แค่เขาตบด้วยมือเปล่าก็ตายแล้ว ดังนั้นฆ่าเมื่อไหร่ก็มีค่าเท่ากัน
ไม่นานนัก อวี้ฮ่าวหรานก็นำทั้งสามคนมาถึงบริเวณป่ารกข้างถนนย่านไร้ผู้คนอยู่อาศัย
อวี้ฮ่าวหรานหยุดลงและหันมาอย่างกะทันหัน!
“มาถึงแล้ว!”
“ที่นี่ที่ไหน?
อู๋ชิงมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าบริเวณโดยรอบไม่มีอะไรเลยนอกจากความทุรกันดารและโกรธทันที
อู๋หลินไม่ได้พูดอะไรในเวลานี้
ในใจของเขา ชายหนุ่มที่เย่อหยิ่งอย่างอวี้ฮ่าวหรานเหมาะจะให้อู๋ชิง จัดการมากที่สุด!
“ก็ฉันไม่ได้บอกแกไปแล้วหรือไงว่าอู๋ลั่นตายแล้ว มันตายอยู่ตรงนี้นี่แหละ!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้น
“เจ้า! เจ้าเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาแต่กลับกล้าเล่นลิ้นกับข้าผู้นี้งั้นเหรอ! เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!!”
อู๋ชิงโกรธมากเมื่อได้ยินคำนี้ เขายังคงไม่เชื่อว่าอู๋ลั่นที่อยู่ขอบเขตก่อรากฐานจะถูกชายหนุ่มคนนี้ฆ่า
“หืม? ยังไม่เชื่ออีกงั้นเหรอ? อ้อ แต่ก็เข้าใจได้ละนะ เพราะพวกแกยังไม่เห็นความแข็งแกร่งของฉันเลย”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหยอกล้ออีกฝ่าย และตัดสินใจแล้วว่าตอนนี้มันคงได้เวลาแล้วที่เขาจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจทุกอย่างได้อย่างชัดเจนด้วยกำลัง!
ทันใดนั้น!
พลังวิญญาณก็ปะทุขึ้นสูงเสียดฟ้า!
หญ้ารอบ ๆ ถูกกวาดจนล้มระเนระนาด!
อู๋หลินที่สงบอยู่ตลอดเวลา เมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที!
“บัดซบ! ไอ้เด็กนี้อยู่ในขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงเป็นอย่างต่ำ!!”
ทันทีที่เขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากร่างของอวี้ฮ่าวหราน หัวใจของเขาก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาตัวสั่นด้วยความตื่นตระหนก!
“ห๊ะ!”
อู๋ชิงสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวจากอวี้ฮ่าวหรานเช่นกัน เขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความตกใจ!
ดวงตาของอู๋ชิงเบิกกว้าง เขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่สายตาของเขามองเห็นในตอนนี้!
“นี่! นี่เป็นไปได้ยังไง!?”
“หนีเร็ว! เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!!”
อู๋หลินตะโกนลั่น เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายมันน่ากลัวยิ่งกว่าขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูง!
ชายหนุ่มผู้นี้น่ากลัวเกินไป!
อู๋หยวนฮัวซึ่งเป็นคนไม่ค่อยพูดนัก ในขณะนี้เขาอดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้นเสียงดังอย่างตื่นตระหนก!
“นี่…นี่มัน ตระกูลอู๋ไปทำอะไรไว้ ทำไมถึงมีปัญหากับตัวตนที่น่ากลัวเช่นนี้ได้!?”
“โอ้? พวกแกอยากหนีงั้นเหรอ? น่าเสียดายที่มันสายไปแล้ว!”
อวี้ฮ่าวหรานระเบิดพลังขึ้นอย่างฉับพลัน และในขณะนี้ เขาพุ่งเข้าไปหาทั้งสามคนด้วยพลังวิญญาณที่เอ่อล้นในมือ!
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในเวลานี้ เขามั่นใจว่าเขาสามารถจัดการกับสามคนนี้ได้อย่างง่ายดาย!
“ตั้งค่ายกล! ช่วยกันตั้งค่ายกลเดี๋ยวนี้!”
อู๋หลินซึ่งมีประสบการณ์มากที่สุด แม้ว่าตัวเองก็ตกตะลึง แต่เขาก็เป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ทันและหาวิธีรับมือเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว
“ช…ใช่ ตั้งค่ายกล ตั้งค่ายกล!”
อู๋ชิงตื่นตระหนกสุดขีด ความหยิ่งผยองก่อนหน้านี้ของเขาได้หายไปจนหมดสิ้น
ทันทีหลังจากนั้น ทั้งสามคนก็ประสานพลังกันเปิดใช้ค่ายกลสำเร็จภายในไม่กี่วินาที ส่งผลให้พลังวิญญาณรอบ ๆ ควบแน่นในบริเวณที่พวกเขาอยู่และก่อรูปร่างเป็นปราสาทสีทองที่ดูคงกระพันพุ่งไปครอบร่างของอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้!
ค่ายกลนี้แข็งแกร่งกว่าที่อู๋ลั่นเคยใช้เป็นสิบเท่า!
“ก็งั้น ๆ”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นอย่างเยาะเย้ย
“ฮึ่ม! ต่อให้แกจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่แกก็ไม่มีทางหลุดจากค่ายกลของเราไปได้แน่นอน!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายโง่เง่าถึงขนาดยอมให้พวกเขาตั้งค่ายกลได้สำเร็จ อู๋ชิง ก็รู้สึกตื่นตระหนกน้อยลงและมีความมั่นใจมากขึ้น
อีกฝ่ายอาจจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับค่ายกลเลยก็ได้ เพราะไม่งั้นอีกฝ่ายจะต้องไม่เอื่อยเฉื่อยรอให้พวกเขาตั้งค่ายกลเสร็จแบบนี้ ดังนั้นไม่แน่ว่าศึกนี้พวกเขาอาจจะสามารถเอาชนะได้ก็ได้
“แกนี่ไม่เชื่อที่ฉันพูดเลยสักอย่างสินะ ได้! เดี๋ยวฉันจะแสดงให้ดูว่าทำไมฉันถึงบอกว่าค่ายกลของพวกแกมันงั้น ๆ!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นอย่างเยาะเย้ย และวินาทีต่อมาเขาก็รวบรวมพลังวิญญาณเอาไว้ที่กำปั้นและชกออกไปที่ยอดปราสาทสีทองอย่างแรงซึ่งอยู่ในหัวของเขา!
‘บึ้ม!’
เสียงระเบิดดังสนั่น…
ปราสาทสีทองที่เคยตั้งตระหง่านราวกับว่าไม่มีวันพังทลาย แตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยสลายหายไปในทันที!
ฉากนี้ทำให้ทั้งสามคนตกตะลึงจนอ้าปากค้างและทำอะไรไม่ถูก!
“นี่มัน…เป็นไปได้ยังไง!”
อู๋หลินกลัวจนตัวสั่นอย่างรุนแรง!
แม้ว่าค่ายกลที่พวกเขาสร้างจะเป็นค่ายกลที่สร้างขึ้นอย่างลวก ๆ แต่มันก็ยังทรงพลังเป็นอย่างมาก คนส่วนใหญ่ถูกกักขัง ไม่ต้องพูดถึงการทำลายค่ายกล แค่มีชีวิตรอดจากแรงกดดันภายในค่ายกลได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว!
“เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าค่ายกลพวกแกมันก็งั้น ๆ”
อวี้ฮ่าวหรานเยาะเย้ยอย่างขบขัน
ด้วยเนตรเทวะของเขา ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลชนิดใด ก็สามารถเห็นจุดอ่อนของพวกมันทั้งหมด ขนาดค่ายกลที่แข็งแกร่งจนสามารถทำลายโลกทั้งใบได้ของดินแดนแห่งเทพ เขายังทำลายมันได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นนับประสาอะไรกับการทำลายค่ายกลที่อ่อนแอของมนุษย์โลกเช่นนี้?
“ก…แก…นี่ระดับการบ่มเพาะของแกอยู่ระดับไหนกันแน่!?”
ในเวลานี้ อู๋หลินแสดงสีหน้าหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต!