บทที่ 11 ข้ากำลังจะกลายเป็นหญิงสาวที่ร่ำรวยงั้นเหรอ?
ซูหวานหว่านตกตะลึง พลันใดก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น แม่หนู ข้าจะให้เจ้า 2,000 ตำลึงหากเจ้าขายให้กับข้า…
ชายชุดดำผู้ฉกโสมในมือของนางไปอย่างไร้มารยาทกล่าว เขาโยนถุงผ้าสีดำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มาให้หญิงสาว ซูหวานหว่านรับมันเอาไว้ และเมื่อเปิดออกดูก็พบกับเงินจำนวนมากที่ไม่อาจนับได้ด้วยตาเปล่า
เรื่องจริงงั้นหรือ…?
ซูหวานหว่านเอ่ยเรียกมารดาของตนให้เข้ามาดูเพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เห็นอยู่นางไม่ได้ตาฝาดไป แม่เจิ้นเดินเข้ามาหาลูกสาวอย่างไม่เข้าใจ ทว่าเมื่อเห็นจำนวนเงินในถุงก็เอ่ยคำใดไม่ออก สองแม่ลูกสบตากับแล้วก้มมองเงินในถุงอีกครั้ง
นี่มัน… ซูหวานหว่านนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก หากนางไม่ประคองแม่เจิ้นเอาไว้ เกรงว่าแม่ของตนคงจะล้มไปกองกับพื้นแล้วเป็นแน่
นี่นางจะกลายเป็นเศรษฐีแล้วงั้นหรือ… ซูหวานหว่านรีบเก็บถุงผ้าใส่เงินสีดำแล้วกอดไว้ในอ้อมแขน
เราจะขายมันให้ท่าน! แม่เจิ้นที่ตั้งสติได้แล้วก็รีบตอบกลับไปทันที
ซูหวานหว่านอยากรู้ว่าใครเป็นใครมอบเงินให้นางมากมายถึงเพียงนี้ หญิงสาวรีบเงยหน้าแต่ก็พบว่าชายลึกลับผู้นั้นได้หายไปแล้ว จึงเห็นเพียงหลังไว ๆ ที่เดินจากไป
ฮะ ฮะ ในที่สุดโสมนี้ก็เป็นของข้า แม้ว่าเขาจะเดินออกไปไกลแล้ว ทว่าเสียงของชายผู้นั้นกลับดังมาถึงจุดที่นางและแม่ยืนอยู่
ช่างเป็นคนที่ประหลาดเสียจริง… ตอนนี้ซูหวานหว่านไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายเป็นใครและแปลกเพียงไหน ขอเพียงเขาจ่ายเงินในราคาที่เหมาะสมก็พอแล้ว
หลังจากที่ได้เงินมาจำนวนมาก สองแม่ลูกก็วางแผนไปจับจ่ายซื้อของใช้จำเป็น พวกนางมีความสุขมากเพียงคิดว่าจะได้ซื้อของใช้มากมาย หากเป็นเมื่อก่อนนางคงไม่มีเงินซื้อแม้กระทั่งข้าวสาร ทว่าตอนนี้นางสามารถซื้อทุกอย่างที่ต้องการได้แล้ว
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงลมกระโชกพัดผ่านหน้าไป มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น แม่หนู ข้ามาจากร้านขายยาทางทิศตะวันตก คราวหน้าหากเจ้ามีโสมโปรดนำมันมาขายให้ข้า! ตาเฒ่าฮวงที่มอบเงินให้เจ้าเขาคือปีศาจชอบหลอกล่วงผู้คน!
ถ้าข้ามีอีกนะ… ซูหวานหว่านพยักหน้า ก่อนจะรีบพาแม่เจิ้นเดินออกมา นางไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้เพราะกลัวตาเฒ่าฮวงจะเสียใจ เพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นคนให้เงินจำนวนมากแก่นาง
แม่เจิ้นมองถุงผ้าในอ้อมแขนของซูหวานหว่านด้วยความรู้สึกสับสน นี่…เรื่องจริงงั้นหรือ? เราจะทำอย่างไรกับเงินมากมายนี้ดี?!
เงินน้อยไปก็กังวล เงินเยอะไปก็กลัวจะใช้ไม่หมด ซูหวานหว่านหัวเราะออกมา
ซูหวานหว่านยิ้มออกมาน้อย ๆ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าจะนำเงินไปฝากที่ร้านแลกตั๋วเงิน
เมื่อพูดจบนางจึงพาผู้เป็นแม่เดินถามทางไปยังร้านแลกตั๋วเงิน แล้วก็ได้หญิงสาวชาวบ้านผู้หนึ่งชี้ไม้ชี้มือให้ไปทางทิศตะวันตก ที่นั่นมีร้านแลกตั๋วแห่งเดียวของเมืองนี้ตั้งอยู่ เพียงแต่ว่าค่าเข้านั้นแพงมาก
หลังสาวชาวบ้านกวาดสายตามองเสื้อผ้าที่สองแม่ลูกใส่อยู่ สายตาของนางก็พลันเต็มไปด้วยความดูถูก พวกเจ้ามีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปยังร้านแลกตั๋วเงิน กลับบ้านไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเถอะ อย่ามัวแต่ฝันกลางวันอยู่เลย!
ซูหวานหว่านกลอกตาให้กับคำพูดเมื่อครู่ นี่เป็นครั้งที่เท่าใดแล้วก็ไม่รู้ที่นางกับแม่โดนดูหมิ่นดูแคลน หญิงสาวเบื่อกับคำพูดถากถางของคนเมืองเสียจริง!
เฮ้อ… ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าถนนในเมืองจะมีสุนัขบ้าอยู่เต็มไปหมด แม้ว่าการแต่งตัวจะดูดี แต่จิตใจกลับสกปรกยิ่งกว่าน้ำครำ! อีกทั้งมันยังเห่าไปทั่ว
พูดจบหญิงสาวก็โยนเหรียญทองแดง 6 เหรียญใส่อีกฝ่าย เอ้า เก็บมันขึ้นมาสิ!
ใบหน้าของหญิงสาวชาวบ้านพลันเปลี่ยนไป หากแต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ เมื่อเห็นผู้คนรอบข้างเริ่มมองมา หญิงผู้นั้นก็ทำให้เพียงก้มลงเก็บเงินที่อีกฝ่ายโยนมา ข้าจะเก็บมันขึ้นมาให้พวกเจ้าก็แล้วกัน แต่หากพวกเจ้าไม่ต้องการข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้
เฮอะ เงินป้อนสุนัขบ้าข้าก็ไม่ได้อยากได้คืนหรอก…
หลังได้ยินถ้อยคำดังกล่าว สตรีผู้นั้นก็เก็บมันใส่ถุงเงินอย่างมีความสุขก่อนจะเดินจากไป ส่วนซูหวานหว่านก็พาแม่เจิ้นไปยังทิศทางที่หญิงสาวชาวบ้านผู้นั้นชี้ก่อนหน้านี้ เมื่อเดินไปเรื่อยก็พบว่าทางเดินค่อย ๆ แคบลงทำให้รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย ก่อนที่อยู่ ๆ ด้านหน้าพวกเขาจะพลันมีเงาดำปรากฏขึ้น!
ผลัวะ!
เสียงของแข็งกระทบอะไรบางอย่างดังขึ้น ก่อนเงาดำที่ว่าจู่ ๆ จะหายไป อันเป็นจังหวะเดียวกับที่แม่เจิ้นล้มลงกับพื้น
นั่นใคร!
คนที่จะมาเอาชีวิตเจ้ายังไงล่ะ! ชายลึกลับในชุดคลุมปกปิดใบหน้าพูดพร้อมเหวี่ยงแท่งไม้ในมือไปมาเชิงข่มขู่ ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือ มือเรียวของหญิงสาวก็จับปลายไม้เอาไว้แน่น
เจ้าพูดว่ายังไงนะ!! ชีวิตคนเรามันเป็นสิ่งที่จะมาเอาไปกันง่าย ๆ ได้งั้นเหรอ! บัดซบ! หญิงสาวตอกกลับโดยไร้ซึ่งความกลัว
เมื่อซูหวานหว่านออกแรงกระชากดึง ร่างของบุคคลลึกลับก็ถูกนางดึงเข้ามาหาตัว หญิงสาวอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวเตะเข้ากลางลำตัวของเขาอย่างแรง ทำให้คนผู้นั้นล้มลงกับพื้นและร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
ในตอนนั้นเองซูหวานหว่านก็เห็นคอเสื้อของอีกฝ่าย มันดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน …เหมือนกับเสื้อผ้าของลูกน้องร้านขายยาเหรินเฮอ!
นี่ไม่ใช่ชายหนุ่มร้านขายยาคนนั้นงั้นหรือ!?
ความโกรธของซูหวานหว่านปะทุขึ้น ร้านขายยาเหรินเฮอของพวกเจ้าไม่เหมาะกับว่า ‘คุณธรรม’ สองคำนี้! คราวนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน จงกลับไปบอกเถ้าแก่ของเจ้า ว่าข้าหาได้หูหนวกตาบอดหรือโง่งมบัดซบอย่างที่พวกเจ้าคิด โสมของข้าไม่ใช่สิ่งที่รากดอกลูกโป่งธรรมดา ๆ จะเทียบได้! ข้าไม่ตกหลุมพรางเขาหรอก!
ซูหวานหว่านออกแรงเตะอีกฝ่ายซ้ำคราที่สองอย่างแรง นี่สิถึงจะเรียกว่าระบายความโกรธ!
ชายคนนั้นยังคงนอนขดตัวอยู่บนพื้น เมื่อนางเห็นว่าเขาไม่มีแรงทำอะไรได้จึงวิ่งไปสอบถามคนแถวนั้น ก่อนจะได้รู้ว่าแถวนี้ไม่มีร้านแลกตั๋วเงิน และร้านแลกตั๋วเงินก็อยู่ทางทิศตะวันออกต่างหากเล่า!
ซูหวานหว่านประคองแม่เจิ้นที่ไร้สติขึ้นมาเพื่อหาที่ให้กับผู้เป็นมารดานั่งพักชั่วคราว ชั่วขณะนั้นหญิงสาวพลันพบว่าถุงเงินสีดำหายไปแล้ว!
เสียงฝีเท้าดังขึ้น ชายแปลกหน้าคนนั้นวิ่งหนีไปพร้อมถุงเงินแล้ว!
ข้าคงลงแรงน้อยไปสินะ หากจับได้ครานี้เตรียมตัวบอกลาโลกได้เลย!
บ้าเอ้ย! นั่นมันเงิน 2,000 ตำลึงเชียวนะ!
แม่หนู เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่กัน? พลันใดก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น ซูหวานหว่านหันกลับไปเห็นใบหน้าคมเข้มของชายชราร่างเล็ก ที่แท้ก็เป็นชายชุดดำที่ฉกโสมก่อนจ่ายเงินคนนั้น! และเมื่อรู้เช่นนั้น นางพลันมองชายชราด้วยสายตาเศร้าสร้อยและตอบกลับไปด้วยสีหน้าอันหดหู่ ท่านตา เมื่อครู่ข้า…
พวกเจ้าได้ใช้เงินพวกนั้นไปบ้างหรือยัง? ชายชราเอ่ยถามพลางย่ำเท้าไปมาราวกับกังวลอะไรบางอย่าง เขาเอ่ยต่ออย่างร้อนรน มันเป็นความผิดของข้าเอง! พวกเจ้ารีบไปเอาเงินพวกนั้นคืนมาเถอะ แล้วข้าจะให้พวกเจ้าเพิ่มอีก 2,000 ตำลึงเงิน ได้มาแล้วอย่าพึ่งเอามันมารวมกันล่ะ!
หมายความว่าอย่างไร เหตุใดท่านถึงอยากมอบเงินให้ข้าเพิ่ม? ซูหวานหว่านถามชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม ชายชราจึงได้ตอบว่า ข้าเพียงอยากจะนำของที่มันใช้ไม่ได้กลับมา …นั่นมันเป็นของเลียนแบบที่ข้าทำขึ้นมา
ห๊ะ!! หมายความว่านั้นคือเงินปลอมงั้นเหรอ? เช่นนั้นเหตุใดแม่เจิ้นถึงมองไม่ออกว่ามันคือเงินปลอม? หรือว่า… ตาเฒ่าฮวงนี่สามารถเลียนแบบเหรียญตำลึงเงินได้เหมือนของจริงมาก ๆ งั้นหรือ!?
ซูหวานหว่านยังคงตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน โชคดีจริง ๆ ที่เงินซึ่งถูกขโมยไปล้วนเป็นของปลอม งั้นแสดงว่านางก็ยังไม่ได้เงินของจริงมาไว้ในมือล่ะสิ เฮอะ! สมน้ำหน้าชายต้มตุ๋นนั่น
หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมด ตาเฒ่าฮวงก็ขอให้ซูหวานหว่านตามไปเอาที่บ้านของเขา เมื่อมาถึงชายชราก็เดินเข้าไปในห้องแล้วหยิบกล่องยาออกมา เตรียมให้ซูหวานหว่านหยิบของภายในนั้นออกมาสองกำมือ
เมื่อกล่องใบนั้นเปิดออก ซูหวานหว่านก็รู้ได้ทันทีว่าตาเฒ่าฮวงไม่ใช่เพียงแค่คนที่แปลกประหลาดเท่านั้น เขายังเป็นเศรษฐีอีกด้วย เหตุเพราะภายในกล่องใบนั้นเต็มไปด้วยทองและเงินมากมาย!
ซูหวานหว่านไม่รู้เลยว่านางควรหยิบออกมาเท่าใด ด้วยความลังเลของหญิงสาว ตาเฒ่าฮวงจึงหยิบแผ่นไม้ที่แกะสลักลายดอกลูกแพร์ออกมาจากโหลใส่ยา เขาให้มันกับซูหวานหว่าน เจอแล้ว! แม่หนูเจ้าเอาสิ่งนี้ไปซะ! นี่คือเงินที่ข้าฝากเอาไว้ในร้านแลกตั๋วเงิน ในนั้นมีเงินประมาณ 2,000 ตำลึง มันคงเพียงพอสำหรับเจ้า
จริงหรือ! ขอบคุณท่านมาก ซูหวานหว่านรีบกล่าวขอบคุณชายชรา เพราะเช่นนี้ช่วยประหยัดเวลาในการเอาเงินไปฝากที่ร้านแลกตั๋วเงินได้มากทีเดียว ทว่าขณะหญิงสาวเตรียมเก็บแผ่นไม้ ชายชรากลับเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า แต่เดี๋ยวก่อน ข้าจำไม่ได้แล้วว่าข้างในมีเงินถึง 2,000 ตำลึงหรือไม่ จำได้ว่าวันก่อนนำเงินออกมา 200 ตำลึง? เอ๊ะ หรือวันก่อนนำออกมา 500 ตำลึงกันนะ? โอ๊ย ข้าไม่รู้ด้วยแล้ว งั้นเจ้าพกเงินนี้ไปด้วยแล้วกัน!
นางไว้ใจเขาและเชื่อว่าในร้านตั๋วแลกเงินต้องมีเงินอยู่จริง จึงบอกปัดไป ข้าจะเอาไปเท่านี้ล่ะท่าน ขอบคุณมาก
อื้ม เช่นนั้นย่อมได้ ตาเฒ่าฮวงยินดีอย่างมาก แต่หลังจากซูหวานหว่านเดินออกจากบ้านของตาเฒ่า ชายชรากลับพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ และด้วยความเป็นห่วงเขาจึงรีบหยิบเงินจำนวนหนึ่งติดมือมา ทว่าวิ่งออกไปก็พบว่าซูหวานหว่านยังเดินไปไม่ไกล เลยวิ่งไปออกไปและทำการยัดเหรียญตำลึงเงินใส่ไปในมือของนาง
เจ้ารับมันไปใช้สิ อย่าลืมที่จะเอาเงินตำลึงปลอมกลับมาคืนข้าด้วย ชายชราพูดทิ้งท้าย
สายไปแล้วล่ะท่านตา มีคนขโมยเงินพวกนั้นไปแล้ว ช่วยไม่ได้ หญิงสาวเองก็อยากจะใช้เงินพวกนั้นเช่นกัน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อเงินโดนขโมยไปแล้ว
เงินปลอมเยอะขนาดนั้น หากเป็นเช่นนั้นก็คงจะมีพวกเงินปลอมปะปนไปทั่วทั้งเมืองแล้ว …แต่ช่างเถอะ เจ้าไปได้แล้วล่ะ ตาเฒ่าฮวงขมวดคิ้วพร้อมโบกมือไล่ให้หญิงสาวรีบกลับบ้านไป
ซูหวานหว่านเดินกลับไปหาแม่ของตน เมื่อไปถึงแม่เจิ้นก็รู้สึกตัวขึ้นมาพอดี เมื่อผู้เป็นแม่รู้ว่าเงินถูกขโมยไปก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ซึ่งซูหวานหว่านก็ทำได้แค่ปลอบใจ นางพยุงแม่ให้ลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยชวนมารดากลับบ้าน ระหว่างทางก็พลันสังเกตเห็นพลลาดตระเวนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้
พวกท่าน! เหรียญพวกนี้ไม่ใช่ของข้าจริง ๆ ข้าได้มันมาจากเด็กสาวที่สวมเสื้อผ้าซอมซ่อคนหนึ่ง!
ตอนนี้เรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว หมอนั่นรู้ตัวแล้วว่าเหรียญในถุงผ้าเป็นของปลอม! อีกทั้งยังใส่ร้ายและพาคนมาจับนาง ความชั่วร้ายของเขาจะหยุดที่ตรงไหนกัน…
เสื้อผ้าซอมซ่อ? เขาหมายถึงข้าเหรอ!!
ไม่ใช่ข้านะ!! ข้าไม่ได้ใส่ผ้าขี้ริ้วเสียหน่อยไอ้คนขี้โกง!!
การทำงานของพลลาดตระเวนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซูหวานหว่านเห็นว่าเหล่าพลลาดตระเวนกำลังเดินเข้ามาใกล้ นางจึงรีบพาผู้เป็นแม่ไปแอบในตรอกแห่งหนึ่ง จะให้พวกเขาเจอนางไม่ได้เด็ดขาด!