…
ซูหวานหว่านจ้องมองชายหนุ่มเงียบ ๆ ชาวบ้านเองก็ต่างเงียบเสียงลงรอให้ฉีเฉิงเฟิงพูดอะไรบ้าง แต่แล้วเขาก็ยังนิ่งเฉยไม่แสดงท่าทีอันใด
หัวใจของเด็กสาวพลันชาวาบ แม้แต่ความหวังที่รอคอยก็ไม่มีเลยแม้แต่น้อย จึงรีบเอ่ยออกมา ข้าเข้าใจแล้ว…
กล่าวจบซูหวานหว่านยกเท้าเตรียมเดินจากไป ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบข้างต่างตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าซูหวานหว่านจะไร้ความรู้สึกเช่นนี้ คิดอยากไปก็ไปง่ายดาย!
ฉีเฉิงเฟิงยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ขายาวก้าวออกไปคว้าแขนหญิงสาวรั้งนางเอาไว้ พวกเราหมั้นหมายกันแล้ว และจะไม่ยอมแยกจากไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หื้อ ซูหวานหว่านชะงักฝีเท้า เงยหน้าสบตาอีกฝ่ายด้วยแววตานิ่งสงบราวผืนน้ำไร้คลื่น มันดูว่างเปล่าไร้ความรู้สึก และไม่สะท้อนภาพของเขาอีกต่อไป เจ้าหมายความว่าอย่างไร ปล่อยข้าไปไม่ได้ และก็ปล่อยแม่นางจ้าวของเจ้าไปไม่ได้หรือ? ฉีเฉิงเฟิง เจ้าคิดจะจับปลาสองมือหรืออย่างไร หากเป็นคนของข้า ก็ต้องมีข้าแต่เพียงผู้เดียว!
ซูหวานหว่านร้ายกาจถึงเพียงนี้ ฉีเฉิงเฟิงชอบพอนางได้อย่างไร? นัยน์ตาของจ้าวซิ่วเอ๋อเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น คุณชายฉี หากท่านแต่งเข้าตระกูลข้า ท่านจะไม่ชอบข้า ข้าก็ไม่อยากทำให้ท่านลำบากใจ ข้ายอมให้ท่านมีอนุ…
เกิดความโกลาหลขึ้นท่ามกลางเหล่าชายชาตรี จ้าวซิ่วเอ๋อร์ ‘รู้แจ้ง’ เช่นนี้ หากไม่แต่งงานกับนางแล้วจะแต่งกับใครเล่า!
ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนต้นไม้รีบกล่าว เฮ้อ! สตรีผู้หวงของ! ซูหวานหว่านไม่มีค่าพอให้เจ้าแต่งงานด้วยหรอก แต่งไปแล้วก็จะเกิดเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเป็นแน่แท้!
ใช่! อีกทั้งแม่นางจ้าวยังดีกว่านางมาก ทั้งอ่อนโยน มีคุณธรรม มีการศึกษา รอบรู้สถานการณ์ และมีเหตุมีผล
…
เหล่าชาวบ้านต่างเอ่ยชมจ้าวซิ่วเอ๋อร์จนแทบจะกลายเป็นนางฟ้านางสวรรค์!
ฉีเฉิงเฟิงยังคงนิ่งเงียบไม่กล่าวอะไร ซูหวานหว่านหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ฉีเฉิงเฟิง ไปอยู่กับนางฟ้าของเจ้าเถอะ!
หวานหว่าน! ฉีเฉิงเฟิงคว้าซูหวานหว่านไว้ในอ้อมกอด เอ่ยออกมาอย่างอับจนหนทาง เมื่อครู่ข้ากำลังคิดว่าจะปฏิเสธอย่างไร แต่เจ้ากลับพูดจาเช่นนี้ออกมา
พูดจบก็ยกมือขึ้นเขี่ยปลายจมูกของซูหวานหว่านแผ่วเบา เจ้าต่างหากที่เป็นนางฟ้าของข้า ข้าตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกเจอ นี่คือพรที่โชคดีของข้า ข้าจะทำร้ายเจ้าได้อย่างไร!
ถ้อยคำหวานซึ้งจนทำให้สตรีทั้งหลายเขินอาย ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ ซูหวานหว่านก็ไม่อาจจะหักห้ามใบหน้าของนางไม่ให้ขึ้นสีได้ เด็กสาวแสร้งไอออกมาสองที ก่อนหันไปมองใบหน้าซีดขาวของจ้าวซิ๋วเอ๋อร์ ฉีเฉิงเฟิง เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว เจ้าดูแม่นางจ้าวสิ ใบหน้าของนางซีดขาวจนไม่น่ามองเสียแล้ว!
แม่เจิ้นสบตาผู้เป็นสามี ก่อนจะขยิบตา ตายแล้ว! แม่นางจ้าวเหตุใดหน้าเจ้าถึงซีดเช่นนั้น เจ้าอย่าเป็นลมเสียล่ะ ไปดื่มน้ำดื่มท่าที่บ้านข้าก่อนดีหรือไม่?
แย่แล้ว! ข้าตกใจแทบแย่ ใบหน้าของพ่อเฒ่าจ้าวก็ซีดเซียวไม่น่ามอง หรือว่าท่านจะป่วย แบบนี้แย่แน่ ๆ! ซูต้าเฉียงเอ่ย
ทักษะการแสดงของซูต้าเฉียงไม่ค่อยจะดีนัก ดังนั้นคำพูดของเขาค่อนข้างจะเกินจริงไปหน่อย พ่อและแม่ของจ้าวซิวเอ๋อร์รู้ว่าทั้งสองจงใจพูดออกมา พวกเขารู้สึกโกรธมากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
จ้าวซิ่วฉ่ายสบตาจ้องมองทุกคนอย่างไม่รู้จะปริปากคำใดก่อนจะพูดออกมาว่า ฉีเฉิงเฟิง เจ้าจะต้องเสียใจ! ข้าจะมาที่นี่เพียงแค่ครั้งเดียว หากเจ้าอ้อนวอนข้าในตอนนี้ ข้ายังอาจจะตกลงให้ลูกสาวข้าแต่งงานกับเจ้า! แต่ถ้าไม่…หึ!
จ้าวซิ่วฉ่ายผู้ที่คาดหวังให้ฉีเฉิงเฟิงขอร้องอ้อนวอนตนเอง หากแต่พอได้ยินสิ่งที่ฉีเฉิงเฟิงกล่าวออกมาใบหน้าของเขาก็พลันซีดเผือด ข้าต้องขอบคุณจ้าวซิ่วฉ่ายและแม่นางจ้าวซิ่วเอ๋อร์ที่มีความรู้สึกดี ๆ ต่อข้าด้วย ในชีวิตข้า ฉีเฉิงเฟิงผู้นี้รักแต่เพียงซูหวานหว่าน สำหรับแม่นางจ้าวแล้วข้าเกรงว่าแม้แต่ในภพหน้าก็ไม่มีทางเป็นไปได้!
เจ้า!
วาจาของฉีเฉิงเฟิงโหดร้าย! อีกฝ่ายกล้าหักหน้าเขาเช่นนี้ได้อย่างไร! จ้าวซิ่วฉ่ายกัดฟันกรอดเตรียมพาจ้าวซิ่วเอ๋อร์ออกไปจากตรงนี้ แต่ถูกซูหวานหว่านเอ่ยรั้ง ช้าก่อน วันแต่งงานของข้ากับฉีเฉิงเฟิงจะมีขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า ถึงเวลานั้นข้าขอเชิญพวกท่านทั้งสองด้วย!
เหตุใดถึงยังกล้าเชิญพวกเขาอีก! นางตั้งใจจะทำให้เขาขายหน้าชัด ๆ จ้าวซิ่วฉ่ายจ้องมองซูหวานหว่านด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะ ข้าจะไม่มา! หากข้ามา ข้าจะทำลายงานแต่งนี้ซะ!
ท่าทางของจ้าวซิ่วฉ่ายทำให้ซูหวานหว่านกระตุกยิ้ม เช่นนั้นก็สุดแล้วแต่ท่านเถิด หากภายในสามวันนี้งานแต่งของข้ามีสิ่งใดผิดปกติไป ข้าก็คงต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของตระกูลจ้าวเป็นแน่แท้
เจ้า! จ้าวซิ่วฉ่ายรู้สึกว่าหากตนเองยังต่อปากต่อคำกับซูหวานหว่านอยู่เช่นนี้ตนต้องกระอักเลือดออกมาเป็นแน่ ชายวัยกลางคนจึงเดินจากไปพร้อมความโกรธที่ปะทุอยู่ในใจ จ้าวซิวเอ๋อร์นั้นไม่อยากจากไป แต่เมื่อเห็นซูหวานหว่านกับฉีเฉิงเฟิงรักกันมาก จึงทำได้เพียงเดินตามจ้าวซิ่วฉ่ายออกไป
ทันทีที่พวกเขาสองคนพ่อลูกจากไป เหล่าชาวบ้านที่มุงดูก่อนหน้าก็แยกย้ายกันไป ฉีเฉิงเฟิงเปิดประตูเข้าไปในบ้านของตนเองเพื่อเก็บกวาดบ้าน ส่วนซูหวานหว่านก็กลับบ้านไปพร้อมกับพ่อแม่ของตนเอง
เมื่อถึงบ้านแม่เจิ้นก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ว่า หวานหว่าน! เหตุใดเจ้าจึงประมาทเพียงนี้ สามวันข้างหน้ามันไม่เร็วเกินไปหรืออย่างไร!
เฮอะ ๆ ซูหวานหว่านหัวเราะแห้งพลางเกาหัวของตัวเอง นึกไม่ออกว่าเหตุใดตอนนั้นนางถึงพูดออกไปแบบนั้น
เอ๊ะ! เด็กคนนี้! เจ้าเอ่ยออกไปแบบนี้เพราะกลัวว่าจะมีใครแย่งหนุ่มรูปงามไปจากเจ้าใช่หรือไม่? แม่เจิ้นหัวเราะออกมา
ซูหวานหว่านใบหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย และไม่รู้จะตอบผู้เป็นแม่อย่างไรดี แม่เจิ้นเมื่อเห็นอาการเช่นนี้ของลูกสาวก็รู้ว่าสิ่งที่นางคาดคิดเอาไว้นั้นถูกต้อง หญิงวัยกลางคนปิดประตูลงและเริ่มพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ กับซูหวานหว่านว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถควบคุมสามีได้ ทำเอาเด็กสาวรู้สึกปวดหัวและเขินอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินมัน
หวานหว่าน มาตรงนี้ครู่หนึ่งสิ เสียงของซูต้าเฉียงดังขึ้นนอกประตูห้อง ก่อนที่ซูหวานหว่านจะรีบวิ่งออกไปทันที ข้ามาแล้ว!
ซูต้าเฉียงเรียกนางไปที่ห้องนอนทิศตะวันตก เขาชี้ไปยังไหที่บรรจุขี้เถ้าหญ้าเอาไว้ เจ้าเด็กคนนี้ ไหนั้นคืออะไร? ครอบครัวของเราไม่มีไหแบบนั้นและไม่ดองเหล้างูด้วย!
เขากำลังถามถึงเหตุผลใช่หรือไม่? นางไม่สามารถบอกเรื่องมิติฟาร์มแก่ผู้ใดได้!
ซูหวานหว่านแสร้งไอออกมา ท่านพ่อ วันนั้นข้าได้ยินเสียงงูในไหใบนี้ แน่นอนว่าด้านในนั้นจะต้องมีงูอยู่แน่ ข้าก็เลยเอามาอ้างว่าจะเอามันมาดองกับเหล้า ข้าแค่ต้องการให้ทุกคนกลัวเฉย ๆ จึงพูดแบบนั้นไป ตอนเปิดไหออกมา ท่านรู้หรือไม่ว่าข้ากลัวขนาดไหน! แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ครอบครัวเรานั่นตกไปในหลุมพรางของคนไม่ดี ข้าก็เลยต้องทำแบบนี้!
เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ ซูต้าเฉียงถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มันอาจจะเป็นงูที่หลี่หลางจงปล่อยเข้ามาเพื่อกัดพวกเราในตอนกลางคืนก็ได้ ข้าเดาว่าเขาต้องหวาดกลัวมันจนลืมปล่อยมันออกมาแน่
ทำไมท่านพ่อถึงไม่เข้าใจ! ซูหวานหว่านกล่าว หากแต่ความสงสัยในดวงตาของซูต้าเฉียงก็ยังไม่หายไป เขาเปิดฝาไหออกและก็พบ งูหายไปไหนแล้วล่ะ! ข้าหาไม่เจอเลย!
อ่าว! หนีไปแล้วเหรอ? อันที่จริงงูตัวนั้นถูกนางปล่อยออกไปตั้งนานแล้ว ซูหวานหว่านแสร้งทำเป็นตกใจกลัว หรือว่างูนั้นมันจะเข้าไปในห้องของเราแล้ว?
เมื่อเห็นซูหวานหว่านตื่นตระหนกเช่นนี้ ซูต้าเฉียงก็รู้สึกสงสัย หรือว่างูนั้นหายไปตั้งนานแล้ว ข้าหารอบบ้านอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่พบ เจ้าอย่าเพิ่งตกใจไป
ซูหวานหว่านถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พลันใดแม่เจิ้นก็เรียกนางให้ไปช่วยทำอาหาร เด็กสาวจึงรีบเดินออกไปทันที หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จพระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้า แม่เจิ้นครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะจดรายชื่อ และวางแผนที่จะไปซื้อของในวันพรุ่งนี้ เพื่อเตรียมอาหารสำหรับงานแต่งงานของซูหวานหว่าน
ซูหวานหว่านรู้สึกเบื่อเมื่อต้องอยู่แต่ในบ้านและกังวลเรื่องชุดแต่งงาน ถึงแม้ว่านางจะใส่เสื้อผ้าที่ตัวเองเป็นคนทำ แต่ว่าชุดแต่งงานจะต้องไปเสียเงินยืมจากในเมือง แต่นางนั้นไม่ต้องการซื้อหรือยืมชุด ทว่าหากให้ทำชุดเองก็เกรงว่าคงจะไม่ทัน
ซูหวานหว่านถอนหายใจอยู่หน้าประตู ทันใดก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนเรียกนางอยู่หน้าบ้าน เมื่อออกไปก็พบว่าเป็นฮวงอี๋ฮวน
มาหาข้ามีอะไรงั้นรึ?
ข้าจะให้เงินเจ้า พูดจบฮวงอี๋ฮวนก็หยิบถุงเงินหนักอึ้งออกมา
เอามาทำอะไร ซูหวานหว่านถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
ข้าจะมาทำข้อตกลงกับเจ้า สามวันข้างหน้าให้ข้าเป็นเจ้าสาวของฉีเฉิงเฟิง