ซูหวานหว่านตกใจ เหตุใดความคิดของฮูหยินเจียถึงเป็นเช่นนี้ จะให้นางคุกเข่าอย่างงั้นหรือ! ไร้สาระสิ้นดี!
ซูหวานหว่านมองไปยังสตรีนางนั้นและพูดขึ้นมาว่า ท่านกับลูกชายของท่านดูเหมือนจะมีบางอย่างเหมือนกันแฮะ ตรงที่ชอบผู้ชายเหมือนกัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะหยิ่งผยองขนาดนี้! ท่านสมควรที่จะเป็นแม่คนจริง ๆ อย่างงั้นหรือ!?
เจ้า! ฮูหยินเจียตะโกนด้วยความโกรธ จับไปที่หน้าอกของตัวเองเพื่อผ่อนลมหายใจ ใครก็ได้! มาจับตัวเขาให้ข้าที!
คนรับใช้สองคนที่ติดตามฮูหยินเจียมาด้วยยังคงยืนนิ่งอยู่ที่ประตู เพราะถูกเด็กในร้านมาขวางเอาไว้
ฮูหยินเจียตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าชื่อเสียงของนางจะไม่ทำให้ผู้คนเกรงกลัว และพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า เจ้าของร้านนี้เป็นใครกัน? ไม่ใช่ตาบอดไปแล้วหรือ! เรียกเขาออกมา! ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบทำลายข้าวของทุกอย่างในร้านของเขาจนหมดสิ้น!
ทุบ? เหอะ สุนัขจนตรอก ซูหวานหว่านแสยะยิ้ม ฮูหยินเจีย ท่านยังคงไม่รู้ว่าข้าเป็นเจ้าของอีกคนของร้านหยกด้วย ที่ข้ายั่วโมโหท่านนั่นก็เพราะปากของท่านเองต่างหาก หากท่านจะทุบมันทิ้ง ข้าจะเก็บเงินเรียกค่าเสียหายกับท่าน!
เจ้าเป็นใครกันกล้าดีอย่างไรถึงพูดจาเช่นนี้กับข้า เจ้าต้องถูกสั่งสอน! ฮูหยินเจียกล่าวอย่างโกรธเคือง ไม่เชื่อในสิ่งที่ซูหวานหว่านพูด และโยนสร้อยข้อมือหยกที่วางไว้บนโต๊ะทิ้งลงพื้นจนหยกแตกเป็นเสี่ยง ๆ!
ซูหวานหว่านเหลือบมองสร้อยข้อมือหยกที่ตกลงบนพื้นแล้วพูดว่า ฮูหยินเจียต้องการสั่งหยกสีเขียวบริสุทธิ์หนึ่งอัน มาเก็บเงินเสีย! เฝ้านางเอาไว้ ถ้าฮูหยินเจียยังไม่จ่ายเงินก็ลากไปข้างในได้เลย! ส่วนผู้ใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ควรคิดให้ดีว่าจะแพร่งพรายเรื่องที่ฮูหยินเจียมาทำอะไรที่ร้านหยกของข้าหรือไม่!
ฮูหยินเจียรู้สึกกังวลขึ้นมา ดูเหมือนว่าซูหวานหว่านอยากจะให้นางชดใช้ค่าเสียหาย! ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายอาจจะแพร่ข่าวลือที่เสีย ๆ หาย ๆ ไม่ดีเกี่ยวกับตัวนางออกไป! ชื่อเสียงที่นางสะสมเอาไว้จะต้องเสียหายแน่หากเป็นเช่นนั้น!
เมื่อเทียบกับชื่อเสียงของนาง ฮูหยินเจียไม่ได้เดือดร้อนเกี่ยวกับเรื่องเงินมากนัก แต่นางรู้สึกโมโหมาก จึงเรียกเหล่าคนรับใช้พร้อมกับหยิบเงินออกมาแล้วโยนลงไปบนโต๊ะ เฮอะ! พอใจเจ้าหรือยัง? แต่เมื่อหมุนกายเตรียมเดินออกไป พวกคนเฝ้าหน้าประตูกลับมายืนขวางทางเอาไว้ ทำไม? จะยังไม่ปล่อยข้าไปอีกรึ? เชื่อหรือไม่ว่าพรุ่งนี้ข้าสามารถสั่งให้คนมาปิดร้านเจ้าได้!
แปะ แปะ!
ซูหวานหว่านปรบมือ น้ำเสียงของฮูหยินเจียช่างน่ากลัวเสียยิ่งกระไร! ช่างไร้ความสามารถ เก่งแต่นำชื่อเสียงมาข่มขู่ผู้อื่น!
นี่เขากำลังดูถูกนางงั้นหรือ? โทสะเกิดขึ้นในใจของนางอีกครั้ง ซูเสี่ยวเหยียนจึงกระซิบเล่าเรื่องเกี่ยวกับซูหวานหว่านและเจียเหวินให้นางฟัง นั่นยิ่งทำให้ฮูหยินเจียยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก นางหันหลังกลับไปแล้วยกมือขึ้นไปเพื่อหมายจะตบหน้าของซูหวานหว่าน แต่หญิงสาวกลับคว้าข้อมือของนางเอาไว้ก่อน ท่านควรรู้เอาไว้ว่าเหตุใดท่านถึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป
ซูหวานหว่านปล่อยมือฮูหยินเจีย และหยิบสร้อยข้อมือที่หักขึ้นมา สร้อยข้อมือเส้นนี้ราคาหนึ่งพันตำลึง! แต่ท่านให้เงินมาเพียงสิบตำลึง ไม่น่าขันไปหน่อยหรือ! เอาแบบนี้ดีหรือไม่ ข้าคิดว่าตระกูลเจียของท่านกำลังจะล้มละลาย ดังนั้นเห็นแก่หน้าของท่าน ข้าจะลดให้แล้วกัน เอาแค่แปดร้อยตำลึงพอ
ซูหวานหว่านดูถูกตระกูลเจียของนาง! นางเอ่ยออกมาอย่างโกรธแค้น ใครก็ได้! เอาเงินหนึ่งพันตำลึงมาให้เขาที!
ทันทีที่นางพูดจบ นางก็มีอาการเวียนหัวและร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ คนใช้รีบนำเงินออกมาให้นางทันที ซูหวานหว่านจึงปล่อยตัวฮูหยินเจียออกจากร้านไป
ทันทีที่ฮูหยินเจียออกไป นายท่านเจียก็เดินเข้ามา เขาไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ หลังจากเขาเดินดูของในร้านเป็นเวลานาน เขาก็เพิ่งเห็นจิ่นปู้ [1] ที่ซูหวานหว่านเพิ่งทำเสร็จ
ทั้งยังเห็นแหวนหยกขาวที่รายล้อมไปด้วยหยกสีดำสะอาดตา หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าหยกดำนั้นเชื่อมต่อกันกับหยกสีเขียวเป็นเส้นเล็ก ๆ !
ด้ายสีเงินร้อยถักเข้าหากันอย่างสวยงาม!
ซุนซ่างชูจะต้องชอบมันอย่างแน่นอน! นายท่านเจียจึงถามออกมาอย่างตื่นเต้นว่า พ่อหนุ่ม จิ่นปู้ชิ้นนี้ของเจ้าขายอย่างไร?
จิ่นปู้อันนี้… ซูหวานหว่านเงยหน้ามองนายท่านเจีย เมื่อเห็นว่าเขานั้นหน้าตาคล้ายเจียเหวิน นางก็พอจะเดาได้ทันทีว่าบุคคลนี้เป็นใครจึงพูดออกมาว่า ไม่ขาย
ทำไม? นายท่านเจียไม่เข้าใจ เขามองไปที่ซูหวานหว่านและรู้สึกไม่สบายใจ พูดขึ้นมาว่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? ข้าคือนายท่านของตระกูลเจีย หากเจ้าขายให้แก่ข้า แน่นอนว่ามันจะส่งผลดีต่อร้านของเจ้าด้วย
สิ่งที่นางเกลียดที่สุดในชีวิตคือคนที่ชอบใช้อำนาจมาขู่ทำร้ายผู้อื่น! ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแน่น พลันนึกถึงคำพูดของฮูหยินเจีย ภรรยาของท่านไม่ชอบมัน นางบอกว่ามันเป็นของขยะ เหตุใดท่านถึงอยากซื้อมันเล่า?
พูดจบซูหวานหว่านก็เลิกคิ้วขึ้น สิ่งนี้ทำมาจากโม่ฉุย ราคาอย่างต่ำของมันคือห้าพันตำลึง! ข้าไม่ทราบว่าท่านมีเงินซื้อหรือไม่?
ขยะที่ไหนกัน ยิ่งไปกว่านั้นมันมีราคาสูงถึงห้าพันตำลึง! นายท่านเจียรู้สึกเจ็บใจ ชายชราขบฟันแน่น เขาคิดที่จะกลับไปก่อน และให้คนอื่นมาซื้อแทนตน แต่เมื่อเดินไปถึงประตูก็ได้ยินซูหวานหว่านพูดขึ้นมาว่า ช้าก่อน หากท่านทำให้ฮูหยินเจียมาขอโทษข้าได้ ข้าจะขายมันให้ท่านในราคาพันตำลึง!
…
จากเงินห้าพันตำลึงเหลือหนึ่งพันตำลึง! เขาจะได้มันไปครอบครอง!
นายท่านเจียครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าภรรยาของเขามาสร้างปัญหาอะไรไว้ ผ่านไปไม่นานเขาก็ตอบตกลง และกลับบ้านไปหาภรรยาของตนเอง
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ฮูหยินเจียที่เป็นลมไป มาตอนนี้นางได้ฟื้นขึ้นมาหลังจากไปเชิญหมอมารักษา เมื่อลืมตาขึ้นก็ถูกผู้เป็นสามีตบเข้าที่ใบหน้า! นางรู้สึกทำตัวไม่ถูก เจ้ามาตบข้าด้วยเหตุอันใด!
นายท่านเจียจึงพูดเรื่องจิ่นปู้ขึ้นมา ทำเอาฮูหยินเจียทั้งโกรธและเกลียดซูหวานหว่าน อะไรนะ! เจ้าจะให้ข้าไปขอโทษงั้นรึ? ข้าเป็นใครแล้วมันเป็นใคร? มันไม่คู่ควรด้วยซ้ำ!
เพี้ยะ!
นายท่านเจียตบหน้าผู้เป็นภรรยาไปอีกหนึ่งครั้ง ฮูหยินเจีย ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง เจ้าจะอยากไปหรือไม่อยากไปไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่ไปมันจะส่งผลกระทบกับการค้าของข้าอย่างมาก และข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะยังได้เป็นฮูหยินของข้าต่อไปหรือไม่!
คำพูดของเขาไม่ใช่ว่ากำลังบังคับขู่เข็ญนางอยู่งั้นหรือ?
ฮูหยินเจียร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ ก่อนรับปากว่าจะไปขอโทษซูหวานหว่านอย่างจำใจ
อีกด้านหนึ่ง
ซูหวานหว่านทำจิ้นปู้เสร็จเป็นชิ้นที่สอง นางกำลังจะไปพักผ่อนเมื่อไม่มีอะไรให้ทำ พลางขบคิดเกี่ยวกับการหาวิธีซ่อมแซมสร้อยข้อมือหยกที่หักไปในวันนี้
ทันใดนั้นฮูหยินเจียก็เดินมาพร้อมกับโยนกล่องอาหารมาให้ เป่ยฉวนเฟิงหลิว! ข้าคิดว่าปกติแล้วเจ้าอาจจะไม่ได้กินอาหารดี ๆ ข้าจึงนำขนมสูตรพิเศษมาจากบ้านของข้ามาด้วย!
เฮอะ นี่คือการขอโทษงั้นเหรอ? ซูหวานหว่านเอ่ยเยาะเย้ยออกมา ฮูหยินเจียทำได้ดีมาก! ข้าจะรับมันเอาไว้ แต่ข้าจะไม่ขายอะไรให้ท่าน ท่านให้สามีของท่านมาคุยกับข้าเองก็แล้วกัน
ซูหวานหว่านจะให้สามีของนางมาสั่งสอนนางอย่างงั้นหรือ? ฮูหยินเจียกำมือแน่นด้วยความโกรธ แต่นางก็ฝืนพูดออกมาอย่างเป็นมิตรว่า คุณชายเป่ยฉวน วันนี้มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรพูดจาแบบนั้นกับเจ้า และข้าก็ได้ชดใช้ไปให้กับเจ้าแล้ว
เหล่าบรรดาสตรีที่ยืนอยู่ด้านข้างหัวเราะออกมาเสียงดัง ทุกคนพากันเริ่มซุบซิบทันที ข้าไม่ยักรู้ว่าฮูหยินเเจียไปทำผิดอะไรไว้ ถึงต้องมาพูดขอโทษเช่นนี้!
ใช่แล้ว!
…
ผู้คนที่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทำให้ใบหน้าของฮูหยินเจียพลันเปลี่ยนสี นางรีบเดินออกไปทันที
ตระกูลเจียถือเป็นผู้อิทธิพลในเมืองนี้ เรื่องของฮูหยินเจียเลยถูกคนพูดแบบปากต่อปาก ทำให้ชื่อเสียงของร้านหยู่เซิงหยานแพร่กระจายออกไปเช่นเดียวกัน ในวันต่อมาทุกคนในเมืองก็รับรู้เรื่องนี้ จนฉีเฉิงเฟิงอดชื่นชมการจัดการของซูหวานหว่านไม่ได้
ตอนเย็น ในขนาดที่ทั้งสองกำลังเดินกลับที่พัก ในระหว่างทางก็มีพลลาดตระเวนเดินเข้ามาขวางทางซูหวานหว่านเอาไว้ พวกท่านทั้งสอง ได้โปรดมากับข้า
เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว
พลลาดตระเวนไม่ได้เอ่ยอะไร เขาทำเพียงดึงเชือกออกมาแล้วเดินไปทางซูหวานหว่านพร้อมกับพูดว่า ขอให้พวกท่านทั้งสองโปรดให้ความร่วมมือด้วย
——————————————————————————————————————
[1] 禁步 จิ่นปู้ คือเครื่องประดับหยกที่เอาไว้ผูกที่เอว เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ประพฤติตนให้สำรวม