บทที่ 19
ตอนนี้เขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงอยากจะให้ตนเป็นหัวหน้ากองนัก ที่แท้นางก็ต้องการตัวตายตัวแทนนี่เอง ! ช่างเป็นสตรีที่ไร้ยางอายสิ้นดี ! ถ้าไม่ติดที่ว่ามีผู้ฝึกยุทธ์อยู่ที่นี่มากมายละก็ ชายหนุ่มคงจะตะโกนต่อว่าออกไปแล้ว !!!
อู่เหมยจ้องมองถังหยินด้วยดวงตาที่อ่อนหวาน พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ท่านแม่ทัพถังคงไม่ปฏิเสธคำสั่งของเราใช่ไหม ? ”
หญิงสาวอาจจะสามารถโปรยเสน่ห์ใส่คนอื่นได้ หากแต่ไม่ใช่กับถังหยิน อย่างไรก็ตามชายหนุ่มเองก็คงปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี เพราะว่าถ้าเขาขัดขืนก็คงจะไม่ได้เดินกลับออกไปแน่
“ฮ่า ๆ ! ” ถังหยินหัวเราะและพยักหน้า “ท่านแม่ทัพอู่คงรักลูกน้องคนนี้มากจริง ๆ ข้าล่ะปลาบปลื้ม ต่อให้มีอันตรายขนาดไหน ข้าคนนี้ก็จะทำภารกิจที่ท่านมอบให้จนสำเร็จแน่นอน”
คำพูดของถังหยินเต็มไปด้วยการเสียดสี แต่ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ หญิงสาวลูบไหล่ของถังหยินและพูดขึ้น “เราไม่ได้มองท่านผิดไปจริง ๆ ” ในขณะที่พูด นางก็กระซิบไปยังหูของเขา “ถ้าท่านแม่ทัพถังยินยอมละก็ จะมาที่ค่ายของเราคืนนี้ก็ได้นะ”
คำเชิญเช่นนี้ แม้กระทั่งในยุคปัจจุบันก็ไม่มีผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนพูดออกมามากนักหรอก ไม่ว่าถังหยินจะโง่ขนาดไหน แต่เขาก็เข้าใจคำพูดนี้ได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นและกระซิบบอกหญิงสาวด้วยรอยยิ้มน่ากลัว “ข้าไม่ถนัดเรื่องแบบนั้นหรอก สู้ให้ข้าออกไปฆ่าคนดีกว่า” หลังพูดจบเขาก็ไม่ได้มองอู่เหมย แต่กลับเลือกที่จะยืนขึ้นแล้วเดินจากไปทันที “ข้าเข้าใจความหมายนั่นดี แต่ต้องขอตัวก่อนก็แล้วกัน ถ้าต้องการเรียกใช้ข้าเมื่อไหร่ ก็ให้ออกคำสั่งของท่านมาได้ทุกเมื่อ”
อู่เหมยไม่โกรธเพราะถูกเขาปฏิเสธ กลับกัน หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกไปแล้ว หญิงสาวก็โบกมือบอกทุกคน “พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”
“รับทราบ ! ” ทุกคนทำความเคารพแล้วเดินออกไป ในเวลานี้มีเพียงอู่เหมยและอู่อิงเท่านั้น
“ชายคนนั้นวิเศษมาก ! ” อู่เหมยกล่าว
อู่อิงพูดอย่างไม่ปกติ “แต่เจ้าเป็นคนผลักไสเขาไปจนถึงจุดนั้นเองนะ”
อู่เหมยก้มหัวลง เงียบไปชั่วครู่ อู่อิงมองไปยังพี่สาวของนางแล้วถาม “ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าต้องเลือกเขาด้วย เจ้าเองก็เห็นแล้วนี่ว่าพลังของเขาไม่สูงมาก”
อู่เหมยถอนหายใจ “แต่เราว่าการเลือกชายผู้นี้ จะทำให้งานนี้สำเร็จได้”
อู่อิงมองพี่สาวของนางด้วยสายตาจริงจังและไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังออกมาจากค่ายพัก หัวใจถังหยินก็เต็มไปด้วยความปั่นป่วนระหว่างที่เขาเดินกลับไปพักผ่อน
ช่วงเวลาที่ชายหนุ่มเดินมา ชิวเจิ้นก็เดินเข้าไปหาเขา “ทำไมท่านแม่ทัพถึงมีท่าทีเช่นนี้กัน ? ”
“ข่าวดี ! ” ถังหยินจงใจพูด “ข้าได้รับข่าวดีมา !!!”
“หา ? ” ชิวเจิ้นยิ่งสงสัยยิ่งกว่าเดิม “ข่าวอะไรกัน ? ”
ถังหยินหัวเราะเยาะและบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
เมื่อได้ยินอย่างนั้นตาของชิวเจิ้นก็เบิกโพลง “อะไรกัน? นี่มัน… นางจะให้เราไปตายกันหรือนี่ ? ”
ถูกต้อง ! พวกเขากำลังจะไปตาย ! ถังหยินหัวเราะ “ชิวเจิ้น เจ้ายังคิดจะฉลองตำแหน่งหัวหน้ากองของข้าอีกไหม ? ”
ชิวเจิ้นที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเหงื่อแตก เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแล้ว !
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ความโกรธของถังหยินก็ลดลง เขาพูดติดตลกออกมาว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนบอกเองเหรอว่าเจ้าฉลาด ? ตอนนี้แหละคือหน้าที่ของเจ้าแล้ว ข้าต้องการให้เจ้าคิดแผนปกป้องชีวิตข้า”
“นี่ … นี่มัน… ” ชิวเจิ้นเป็นคนชอบวางแผน แต่กับหญิงสาวที่เป็นตัวการในครั้งนี้นั้น ดูเหมือนว่ามันจะยากนิดหน่อยเสียแล้ว ต่อให้พวกเขาอยู่ด้วยกันก็ยังเสียเปรียบอยู่ดี ยิ่งฝังนั้นมีจำนวนที่มากกว่าด้วยแล้ว คิดยังไงถึงได้ไปโจมตีอีกฝ่ายที่มีทหารมากกว่าหลายเท่าตัวกัน ! แค่เข้าไปเจอทหารพวกนั้น ยังไงเสียก็คงหนีไม่พ้นโดนธนูยิงจนพรุนเป็นแน่
ตอนนี้ชิวเจิ้งกลายเป็นเหมือนกับลูกหนังที่ถูกปล่อยลมจนพูดไม่ออกเสียแล้วหลังจากผ่านไป เด็กหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมองถังหยินตรง ๆ “ตอนนี้ข้าคิดแผนที่จะทำให้เจ้ารอดได้แล้ว ! ”
ถังหยินถาม “แผนอะไร ? ”
“หนี ! ” ชิวเจิ้นมองซ้ายขวาแล้วพูดเบา ๆ
“หนี ? ” ถังหยินส่ายหัวและหัวเราะอย่างขมขื่น มันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงแสนรู้อย่างอู่เหมยจะไม่ระแวงในตัวเขา ต่อให้แค่ชายหนุ่มตัวคนเดียว นางก็คงไม่ปล่อยเขาไปแน่ ยิ่งเมื่อต้องพา ชิวเจิ้นและทหารไปอีก 100 นาย คิดจะออกจากค่ายนี้งั้นเหรอ ? อย่าได้หวังเลย !
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยความสัมพันธ์หรืออะไรก็ตาม ตราบเท่าที่ยังผูกมัดกันอยู่แบบนี้ยังไงก็คงหนีไม่พ้นปัญหา
“ถ้าถูกจับได้ในฐานะทหารหนีทัพจะทำยังไง ? ”
“โอ้…ใช่ ใช่ ! ” ชิวเจิ้นเมื่อได้ยินแบบนั้นก็พลันมีสีหน้าน่าเกลียด ในแคว้นเฟิงการหนีทัพถือเป็นโทษหนัก ถ้าถูกจับได้ละก็ต้องโทษประหารสถานเดียว
ถังหยินส่ายหัว “พวกเราหนีไปไหนไม่ได้หรอก เพราะถ้าไม่เข้าโจมตีแนวรบของพวกหนิง พวกเราก็ไม่สามารถออกไปจากพื้นที่แห่งนี้ได้อยู่ดี ดังนั้นแล้วเจ้าพอจะคิดหนทางอื่นได้อีกไหม? ”
ชิวเจิ้นหัวเราะอย่างขมขื่น และพูดว่า “มันจะไปมีหนทางอื่นได้ยังไงกัน ถ้าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรู คิดยังไงก็รอดยาก แคว้นหนิงนั้นเก่งกาจเรื่องการจัดกระบวนทัพ ส่วนพวกเขานั้นมีทหารแค่ 100 กว่านาย อีกทั้งยังไม่มีเกราะหนัก โล่ หรือแม้แต่ม้าที่จะพุ่งเข้าสู่สนามรบ เกรงว่าถ้าออกไปคงจะมีแต่ถูกพลธนูของพวกนั้นยิงจนตาย ! ”
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงกระบวนทัพหัวลูกศรที่หุบเขา ถังหยินก็นึกไปถึงความน่ากลัวของมันได้ในทันที เขาคิดอยู่สักพักแล้วพูดออกไปว่า “ถ้างั้นพวกเราก็ต้องคิดหาทางเข้าใกล้แม่ทัพของพวกมันให้ได้” ถ้าเด็ดหัวแม่ทัพได้ ก็จะสามารถบั่นทอนกำลังใจทั้งกองทัพได้แล้ว ! นี่คือหนทางเดียวที่จะรอดไปจากที่นี่ได้
ชิวเจิ้นเกาหัว “ขอข้าคิดก่อน ขอข้าคิดก่อน…”
ถังหยินหัวเราะแล้วเอนหลังนอนลงบนพื้น แล้วหลับตาลง “คิดช้า ๆ ก็ได้ ข้าจะนอนก่อน”
“นอน ? นี่เจ้ายังจะนอนได้อีกเหรอ ? ” ชิวเจิ้นมองถังหยินด้วยแววตาเหลือเชื่อ
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร พรุ่งนี้ก็ต้องเกิดศึกใหญ่ขึ้นอยู่ดี เพราะงั้นขอพักก่อนก็แล้วกัน” ถังหยินเป็นคนบ้า ดังนั้นไม่ว่าสถานการณ์จะบ้าแค่ไหนเขาก็ยังคงสงบสติได้
ดวงตาของชิวเจิ้นกลอกไปมา หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นระรัว ท้ายที่สุดแล้วเขาก็กำหมัดด้วยความมั่นใจ ก่อนจะไปบอกกับถังหยิน “สหายถัง จริง ๆ แล้ว… เจ้าจะหนีไปก็ได้นะ ต่อให้เจ้าหนีไป ข้าคิดว่าท่านอู่ก็คงไม่ทำให้อะไรมันยากขึ้นหรอก”
ถังหยินลืมตาขึ้นข้างหนึ่ง “ใช่แล้ว มันไม่ยากขึ้นก็จริง แต่พวกเจ้ายังไงก็ตายอยู่ดี อาจจะถูกส่งไปเป็นเหยื่อ หรือไม่ก็โดนพวกหนิงล้อมเอาได้”
ชิวเจิ้นขบริมฝีปาก เขาต้องยอมรับความจริงอยู่ดี
“เจ้าก็แค่คาดหวังให้ผลมันออกดีมาก ๆ ก็พอในวันพรุ่งนี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องของข้าหรอก ตอนนี้ข้าจะนอนจริง ๆ แล้ว เพราะงั้นอย่ากวนล่ะ” พูดจบชายหนุ่มก็หลับตาลง หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงกรน
เฮ้อ ! เมื่อมองไปยังถังหยินที่หลับไปแล้วจริง ๆ ชิวเจิ้นก็อยากจะร้องไห้ออกมา ในโลกใบนี้ การที่มีคนยอมรับในตัวเขาให้เป็นผู้ช่วยนี่มันยากเสียจริง เด็กหนุ่มคิดว่าตนน่าจะได้อะไรบางอย่างจากการติดตามถังหยินมาบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว… น่ากลัวว่าหลังจากวันพรุ่งนี้ทั้งตัวเขาและถังหยินจะต้องไปเจอกันในนรกแน่ ๆ ช่างเป็นความบังเอิญอะไรแบบนี้นะ โชคชะตาได้พาให้คนโง่ได้มาพบกัน !
ไม่ว่าชิวเจิ้นจะถอนหายใจดังแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็เอาแต่กรนหลับตลอดคืน เพราะนี่คือวันที่เขาได้นอนหลับสบายที่สุดในรอบวัน ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ถังหยินก็ตื่นมาพร้อมกับอาการเหนื่อยอ่อนเล็กน้อย
เขายืนขึ้นบิดขี้เกียจนิดหน่อยแล้วเดินไปชิวเจิ้น “คิดแผนดี ๆ ได้หรือยัง ? ”
เด็กหนุ่มพยักหน้าให้ “ถ้าเจ้าอยากจะเข้าไปใกล้ค่ายศัตรูก็ต้องปลอมตัว ทำตัวเป็นทหารหนิง ส่วนการเด็ดหัวแม่ทัพที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดก็ต้องขึ้นอยู่กับดวงแล้วละ แต่ทว่าคงไม่มีโชคมากนักหรอก” เขาคิดว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เจอกับแม่ทัพของศัตรู
“ปลอมตัว ! ” ถังหยินพึมพำ หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ จึงพยักยอมรับ “ในเมื่อมีแค่แผนนี้ ก็คงต้องทำแล้วล่ะ ! เอาล่ะ ข้าจะไปหาแม่นางอู่คนนั้นแล้วขอยืมชุดจากนาง”
ชิวเจิ้นรู้ว่า แม่นางอู่ คือ อู่เหมย “สหายถัง นี่พวกเราจะต้องผ่านแนวรบพวกมันจริงเหรอ ? ”
ถังหยินยักไหล่อย่างเฉยเมย “แน่นอน แต่ไม่ใช่เรา มันคือข้าคนเดียว”
ชิวเจิ้นไม่เข้าใจความหมาย “อะไรนะ ? ”
ชายหนุ่มพูดอย่างจริงจัง “การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ข้าคิดว่าให้พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก่อน แล้วค่อยตามพวกอู่ไปโจมตีน่าจะดีกว่า เพราะงั้นเจ้าไม่ต้องมากับข้าหรอก”
ชิวเจิ้นมองเขาอย่างแปลกประหลาด “นี่สหายถังคิดว่าข้า ชิวเจิ้นผู้นี้หวาดกลัวความตายงั้นหรือ ? ”
ก็ใช่นะสิ ! ถังหยินคิดในใจ หากแต่ไม่ได้พูดออกมา “เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังปราณเลย ต่อให้เจ้าไปด้วยก็ไม่น่าจะช่วยอะไรข้าได้หรอก”
“สหายถังจะไปคนเดียวจริง ๆ เหรอ ? ”
“ข้าทำคนเดียวไม่ได้หรอก ต้องมีคนอื่นมาด้วย”
“แต่เจ้ากลับปล่อยให้ข้าอยู่ที่นี่คนเดียว ? ”
“ข้าก็แค่ไม่อยาก…” ถังหยินยิ้มให้