ตอนกลางวัน เฟิงฮูหยินน้อยได้เจรจากับมารดาของตนไปไม่กี่คำ จึงทำให้นางสูญเสียพละกำลังเป็นอย่างมาก พอถึงกลางคืน เลยทำให้นางดูสะลึมสะลือ แม้กระทั่งยาต้มยังดื่มไม่ไหว แล้วก็นอนกึ่งหลับกึ่งตื่นตลอดเวลา สามารถบอกได้ว่านางกำลังจะสิ้นใจแล้ว ทำให้เฉินซิน ไฉ่อวี้และไฉ่จู่ สาวใช้ทั้งสามรู้สึกกระวนกระวายใจยิ่งนัก หากเฟิงฮูหยินน้อยเป็นอะไรขึ้นมา ชีวิตของพวกนางก็คงอยู่ไม่เป็นสุขแน่นอน
การมาถึงของเหยาเยี่ยนอวี่ทำให้เฉินซินและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกว่านี่มันไม่ต่างอะไรจากการสำแดงอิทธิฤทธิ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิมเลย โดยเฉพาะเฉินซินที่ได้รับการเชื่อใจและการให้ความสำคัญจากเฟิงฮูหยินน้อยอย่างมาก นางแทบจะคุกเข่าลงต่อหน้าเหยาเยี่ยนอวี่เลย
“คุณหนูเหยา ท่านมาเสียที!” เฉินซินพลันทำความเคารพเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วส่งสายตาให้กับไฉ่อวี้ เพื่อให้นางไปรินน้ำชามา จากนั้นก็รีบเอาเบาะนุ่มมารองบนเก้าอี้ “คุณหนูเหยา เชิญนั่งก่อนเจ้าค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้ม “ขอข้าไปตรวจชีพจรให้ฮูหยินก่อนเถอะ”
เฉินซินจึงเอาเก้าอี้กลมไปตั้งอยู่ตรงหน้าเตียงนอน จากนั้นก็วางเบาะนุ่มลงบนเก้าอี้กลม พลางพูดด้วยความเคารพ “คุณหนู เชิญเจ้าค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่นั่งลงบนเก้าอี้กลม แล้วสั่งให้สาวใช้ไฉ่จูเปิดม่านตรงหน้าเตียง ทำให้เห็นถึงดวงหน้าอันขาวซีดดุจกระดาษของเฟิงฮูหยินน้อย และริมฝีปากซีดเผือดที่ลอกเป็นหนังแห้งๆ ไม่มีแม้แต่เลือดแดงสักหยดที่ค้างอยู่บนใบหน้า จริงๆ แล้วไม่ต้องจับชีพจรก็รู้ นี่คืออาการของผู้ที่ขาดเลือดและชี่
ทว่าเหยาเยี่ยนอวี่ยังคงจับชีพจรให้กับเฟิงฮูหยินน้อย จากนั้นก็สั่งไฉ่จู “เปิดผ้าห่ม แล้วดึงขากางเกงของฮูหยินพวกเจ้าขึ้นให้เห็นหัวเข่า” จากนั้นก็สั่งชุ่ยเวย “เอาเข็มเงินออกมา”
สาวใช้ทั้งสองจึงทำตามคำสั่ง เหยาเยี่ยนอวี่จับเข็มเงินอันเรียวยาวไว้ในมือ แล้วพยายามสงบสติอารมณ์ เพื่อที่จะหาจุดอิ่นไป๋[1]แล้วทิ่มเข็มลงไป
ครั้งนี้เหยาเยี่ยนอวี่ฝังเข็มไม่เหมือนครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ เหยาเยี่ยนอวี่สัมผัสถึงชี่อันแผ่วเบาที่ออกจากภายในร่างกายของตน แล้วส่งผ่านปลายนิ้วไปยังเข็มเงิน ถึงแม้ชี่จะแผ่วเบาจนเหมือนไม่มีอยู่จริง ทว่านางกลับสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าชี่นี้ได้ส่งผ่านเข็มเงิน แล้วเข้าสู่ร่างกายของเฟิงฮูหยินน้อย
เหยาเยี่ยนอวี่เองก็ยังรู้สึกตกตะลึง นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ทว่าก็แค่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น จิตใจอันแข็งแกร่งทำให้นางสามารถปรับอารมณ์กลับมาได้ทันที จึงตั้งใจและจดจ่อกับการรักษาขั้นตอนสุดท้าย หลังจากผ่านไปสักพัก นางก็ดึงเข็มออก จากนั้นจึงฝังไปยังจุดซานอินเจียว[2]
ม้ามทำหน้าที่ควบคุมปริมาณเลือดในร่างกาย และจุดซานอินเจียวก็ยังเป็นจุดเลือดลมสำคัญที่เป็นหนึ่งในเส้นลมปราณเท้าไท่อินม้าม
จุดซานอินดังกล่าว ก็คือจุดศูนย์รวมของเส้นลมปราณเท้าไท่อิน เจวี๋ยอิน และเส้าอิน หน้าที่หลักของมันคือบำรุงม้ามและขับความชื้น ปรับความสมดุลของตับและไต หากฝังเข็มเข้าไปในจุดเลือดลมนี้ ก็จะสามารถรักษาอาการอ่อนแอของม้ามและกระเพาะได้ เช่นอาการอาหารไม่ย่อย ประจำเดือนมาไม่ปกติ และการตกเลือดเกินปริมาณ ฯลฯ จุดๆ นี้สามารถรักษาโรคต่างๆ ทางนรีเวชได้
ส่วนเหยาเยี่ยนอวี่เองก็สามารถสัมผัสได้ถึงความอัศจรรย์ของการรมยาไท่อี่ นางจึงใช้วิธีการฝังเข็มเฉพาะทาง การใช้เข็มเงินฝังเข้าไปในจุดเส้นลมปราณเท้าไท่อินม้าม แล้วสามารถบรรลุผลในการรักษาความสมดุลของเลือดและชี่ได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่ฝังเข็มจุดซานอินเจียว เหยาเยี่ยนอวี่ก็ฝังเข็มที่จุดโล่วกู่[3] จุดตี้จี[4] และจุดเซวี่ยไห่[5]ฯลฯ ตามลำดับ
นางไล่ฝังเข็มจุดเลือดลมสำคัญของเส้นลมปราณเท้าไท่อินม้ามตั้งแต่ด้านล่างจนถึงด้านบน ทั้งหมดนี้ ใช้เวลาไปครึ่งชั่วยามเต็มๆ
และตอนที่นางดึงเข็มสุดท้ายออก ทั่วทั้งร่างของเหยาเยี่ยนอวี่ก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ทั้งตัวของนางเกิดอาการอ่อนแอและไม่มีเรี่ยวแรงจนแทบทรุดลงไปกอง
“คุณหนู!” ชุ่ยเวยรู้ว่าหากเหยาเยี่ยนอวี่ทุ่มแรงทั้งหมดในการฝังเข็มให้ผู้ป่วย นางก็จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นพิเศษ แม้กระทั่งหมดเรี่ยวหมดแรงทรุดลงเลยทีเดียว ดังนั้นจึงได้อยู่ข้างกายเพื่อที่จะดูแลนางตลอดเวลา รอให้เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจออกมา แล้วพูดอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า ‘เสร็จแล้ว’ นางจะรีบเดินเข้าไปโอบเพื่อพยุงเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเหยาเยี่ยนอวี่ต้องล้มลงจากเก้าอี้กลมแน่นอน
ซูอวี้ผิงและเหยาเหยียนอี้คอยอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ทั้งสองจิบชาไปด้วยและรอคอยอย่างร้อนใจไปด้วย พอเห็นว่าธูปถูกไฟแผดเผาไปทีละนิด ใจของซูอวี้ผิงก็ยิ่งรู้สึกแน่นและรัดรึงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมีคนข้างในตะโกนว่า ‘คุณหนู’ ด้วยความตื่นตระหนก ซูอวี้ผิงไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป เขาลุกขึ้นผ่านฉากบังตาแล้วรีบเข้าไปในห้อง
หน้าผากของเหยาเยี่ยนอวี่เปียกโชกด้วยหยาดเหงื่อ นางพิงอยู่กลางอ้อมกอดของชุ่ยเวยด้วยสีหน้าที่ซีดขาวและหายใจหอบ เฟิงฮูหยินน้อยนอนอยู่บนเตียงอย่างนิ่งสงบ หว่างคิ้วของนางดูผ่อนคลาย สีหน้าไม่ได้ขาวซีดเหมือนกระดาษเช่นเมื่อก่อนหน้า แต่ค่อยๆ กลับมาแดงระเรื่ออีกครั้ง สีหน้าของนางดูดีขึ้นมามาก
ซูอวี้ผิงเคยเห็นเหยาเยี่ยนอวี่สลบไปหลังจากที่รักษาบาดแผลให้หันซังเกอมาก่อน เขาจึงรีบถามขึ้นไม่หยุด “คุณหนูเหยา รู้สึกอย่างไรบ้างแล้ว” พูดไป ก็สั่งการเฉินซินไม่หยุด “รีบสั่งให้คนยกน้ำโสมมาหนึ่งถ้วย!”
เฉินซินที่กำลังสับสนงุนงง เนื่องจากนางมองเหยาเยี่ยนอวี่จนเหม่อลอยไป พอถูกซูอวี้ผิงตะคอกเสียงดัง จึงรู้สึกตกใจจนได้สติกลับมา แล้วรีบหันหลังวิ่งออกไปข้างนอก
โชคดีที่ช่วงนี้เหยาเยี่ยนอวี่ได้ฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรงตามสิ่งที่ ‘คัมภีร์ไท่ผิง’ เขียนไว้ ร่างกายของนางจึงดีกว่าแต่ก่อน นางพิงอยู่กลางอ้อมกอดของชุ่ยเวยแล้วพักผ่อนไปสักพัก หลังจากดื่มน้ำโสมไปครึ่งถ้วยก็ทำให้นางดูมีชีวิตชีวาขึ้น
ซูอวี้ผิงเห็นเช่นนี้จึงรู้สึกสบายใจขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงถาม “นี่ก็ดึกมากแล้ว อากาศข้างนอกก็เหน็บหนาว หากไม่ถือสา ก็เชิญคุณหนูพักอยู่ในจวนชั่วคราวเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่ชำเลืองมองเหยาเหยียนอี้ เหยาเหยียนอี้จึงพูดขึ้น “ท่านซื่อจื่อกล่าวมีเหตุผล ทว่าที่นี่มีหลายอย่างที่ไม่อำนวยความสะดวก พวกเราสองพี่น้องจึงจะไปพักอาศัยในเรือนของคุณชายสาม”
ซูอวี้ผิงเข้าใจในความคิดของเหยาเหยียนอี้ จึงไม่เหมาะที่จะกล่าวมากความ จากนั้นก็สั่งให้คนยกเกี้ยวเบาะนุ่มมาตรงประตู แล้วให้เฉินซินและเหล่าสาวใช้พยุงเหยาเยี่ยนอวี่ขึ้นไปนั่ง แล้วสั่งให้ผัวจื่อที่มีร่างกำยำยกเกี้ยวของเหยาเยี่ยนอวี่ส่งไปที่เรือนฉีเสียง จากนั้นก็ประสานมือคารวะให้เหยาเหยียนอี้
เหยาเหยียนอี้พลันยื่นมือไปพยุงไว้ “พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน ก็ไม่ควรพูดจาเกรงใจใส่กัน ท่านซื่อจื่อไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ระหว่างทางที่เดินทางมา ข้าก็แค่หยอกท่านซื่อจื่อเล่นก็เท่านั้น ท่านฮูหยินสามารถหายดีโดยได้รับการรักษาจากน้องสาวของข้า นี่ก็ถือว่าเป็นบุญวาสนาของทุกคนแล้ว”
ทั้งสองพูดจาเกรงอกเกรงใจกันไปสักพัก เหยาเหยียนอี้ก็กล่าวอำลากับซูอวี้ผิง จากนั้นก็ไปเรือนฉีเสียงเพื่อไปพบเหยาเฟิ่งเกอ
ตอนที่สองพี่น้องติดตามซูอวี้ผิงเข้ามาในจวนโหว เหยาเฟิ่งเกอก็ได้รับข่าวสารแล้ว ทีแรกนางที่นอนหลับไปแล้ว ตอนนี้ก็ตื่นมาอีกครั้ง แล้วแต่งกายให้เรียบร้อย หลังจากที่เก็บกวาดทุกอย่างเสร็จ แล้วเตรียมอาหารมื้อดึกไว้ แค่รอคอยการมาถึงของพี่ชายและน้องสาวเท่านั้น
พอเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น เหยาเฟิ่งเกอจึงตกใจยิ่งนัก นางไปจูงมือน้องสาวแล้วถามอย่างกระวนกระวาย “นี่เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดถึงรักษาคนแล้วกลับกลายเป็นผู้ป่วยเอง”
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้มอย่างอ่อนแอ แล้วพูดขึ้น “พี่สาวอย่าร้อนใจไปเลย ข้าก็แค่เหนื่อยเกินไป มีน้ำร้อนหรือไม่ ข้าอยากอาบน้ำเสียก่อน”
ซูอวี้เสียงที่อยู่ข้างๆ ได้ยิน จึงไม่รอให้เหยาเฟิ่งเกอพูดอะไรก็รีบสั่งการ “รีบไปเตรียมน้ำร้อนให้กับคุณหนูรองอาบน้ำ”
เหยาเฟิ่งเกอเหลือบมองซูอวี้เสียงเพียงพริบตา แล้วไม่พูดอะไรออกมา นัยน์ตาเจือด้วยความไม่พอใจ หลี่หมัวมัว ซานหูและคนอื่นๆ จึงรีบเข้ามาช่วยชุ่ยเวยและเฝิงหมัวมัวพยุงเหยาเยี่ยนอวี่ไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อที่ด้านหลัง
เหยาเฟิ่งเกอเห็นทุกคนจากไป จึงส่งยิ้มอันนิ่งเฉยให้ซูอวี้เสียง “หลายวันก่อนพี่สะใภ้ใหญ่บอกข้า หากร่างกายของนางไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็อยากให้พี่ใหญ่สู่ขอเยี่ยนอวี่มาเป็นภรรยาคนต่อไป”
“อะ…อะไรนะ” ข่าวนี้กะทันหันเกินไป จึงทำให้คุณชายสามตระกูลซูรู้สึกอึ้งไปทันที
“พี่สะใภ้ใหญ่รู้สึกว่าเยี่ยนอวี่เหมาะสมกับพี่ใหญ่มากกว่าน้องสาวอนุภรรยาของนาง และจะต้องดูแลอวิ๋นเอ๋อร์ได้ดีกว่าแน่นอน” เหยาเฟิ่งเกอไม่ได้สนใจสีหน้าที่ดูอึ้งทึ่งของซูอวี้เสียง จากนั้นก็หันไปนั่งลงที่เก้าอี้
“ทำเยี่ยงนี้ได้อย่างไร!” ซูอวี้เสียงได้สติกลับมา สีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที “นี่มันเรื่องอะไรกัน ทีแรกเป็นน้องสาว กลับจะให้ข้าเรียกว่าพี่สะใภ้ ความสัมพันธ์เช่นนี้ไม่ยุ่งเหยิงไปหน่อยหรือ!”
[1] จุดอิ่นไป๋ คือจุดฝังเข็มตรงด้านในของนิ้วหัวแม่เท้า
[2] จุดซานอินเจียว คือ เหนือยอดตาตุ่มด้านใน 3 ชุ่นชิดขอบด้านหลังกระดูก
[3] จุดโล่วกู่ คือ จุดลั่วของเส้นม้าม อยู่ที่ขาด้านใน เหนือยอดตาตุ่มใน 6 นิ้ว ตรงขอบหลังของกระดูกแข้ง สามารถแก้แน่นท้อง ท้องร้อง ปัสสาวะขัด ฝันเปียก ไส้เลื่อน ขาลีบ และขาอ่อนแรง
[4] จุดตี้จี คือ จุดซี่ของเส้นม้าม อยู่ที่ขาด้านใน ใต้ยินหลิงเฉวียน 3 นิ้ว ตรงขอบหลังของกระดูกแข้ง สามารถแก้ปวดท้อง ท้องเสีย รอบเดือนผิดปกติ และไส้เลื่อน
[5] จุดเซวี่ยไห่ คือ จุดฝังเข็มบริเวณต้นขาด้านหน้า อยู่เหนือขอบในของฐานกระดูกสะบ้าขึ้นไป 2 นิ้ว ตรงส่วนนูนของกล้ามเนื้อ ช่วยรักษาประจำเดือนมามาก ประจำเดือนมากะปริดกะปรอย ประจำเดือนไม่มา แผลอักเสบเรื้อรังบริเวณหน้าแข้ง และลมพิษ”