ตอนที่ 208 เสี่ยงต่อการถูกเล่นงาน (1)
เหยาเหยียนอี้ยังไม่ทันครุ่นคิด ของก็อยู่ในมือแล้ว รอให้เขาได้สติกลับมาก็สายเกินไป “อ๊ะ…นี่…” ใต้เท้าเหยารู้สึกเหมือนมีสิ่งมีชีวิตที่อ่อนนุ่มกำลังขยับ ทันใดนั้นเขาก็ขนลุกขึ้นมาทันทีเลยหันไปขอความช่วยเหลือ
โชคดีที่ชุ่ยเวยถือตะกร้ามาเลยรับขวดนั้นมาใส่เข้าไปในตะกร้า
“เว่ยเสี่ยนจวิน!” ใต้เท้าเหยาจับจ้องเรือนร่างของเว่ยจางด้วยความโมโหแล้วกัดฟันกรอด ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
จากนั้นก็มีคนขุดเจอหนอนอย่างไม่ขาดสาย ต่างก็เอาไปให้เหยาเยี่ยนอวี่ดู หลังจากที่เหยาเยี่ยนอวี่มองหนอนที่แตกต่างกันสิบกว่าชนิด สุดท้ายก็แน่ใจเพียงหนึ่งในหลายชนิดเหล่านั้น “ชนิดนี้แหละ! จดจำเอาไว้ เอาแค่ชนิดนี้เท่านั้น”
เหยาเหยียนอี้สั่งให้คนจดจำเอาไว้แล้วขุดต่อไปสักระยะ พอขุดดักแด้ดินได้ทั้งหมดสิบกว่าตัวฟ้าก็สลัวลงแล้ว ในวันที่ฝนตกฟ้าย่อมมืดเร็วกว่าปกติเสมอ
“ควรกลับได้แล้ว” เหยาเหยียนอี้พูดอย่างประหม่า “หากค่ำกว่านี้ก็คงจะเดินทางกลับเมืองยาก”
“ไม่ได้บอกว่าพักอยู่ที่นี่ได้หรือ” เว่ยจางขมวดคิ้ว เพิ่งจะได้อยู่กับยัยหนูแค่ครึ่งวันก็ต้องส่งนางกลับไปแล้ว ถึงแม้เขาจะถูกรับสั่งให้มาคุ้มกันความปลอดภัยของเหยาเยี่ยนอวี่ ทว่าก็คงไม่เหมาะสมที่เขาจะพักอาศัยอยู่ในจวนข้าหลวงใหญ่
ตลอดทางที่เดินทางมาถึงจวนข้าหลวงใหญ่ แม่ทัพเว่ยเพิ่งจะรู้ตัวว่าสองวันนี้ที่ไม่ได้เจอแม่นาง ภายในใจก็รู้สึกเฝ้าคำนึงถึงนางยิ่งนัก
การเฝ้าคิดคำนึงถึงเช่นนี้ไม่เหมือนความรู้สึกตอนอยู่ในเมืองหลวง ก่อนหน้านี้เขาแค่แอบหลงชอบนาง ตอนนี้เขากลับเฝ้าคำนึงถึงนางอย่างแท้จริง
“วันพรุ่งนี้ที่จวนจัดงานเลี้ยง แม่ทัพเว่ยก็มาร่วมดื่มสุราด้วยกันเถอะ” เหยาเหยียนอี้ก็ไม่อยากกลับไป ทว่าเขาคือตัวหลักของงาน หากไม่กลับไปฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินต้องไม่เห็นชอบแน่นอน
“วันนี้ก็ถือว่าไม่ได้มาเสียเที่ยว” เหยาเยี่ยนอวี่ไม่อยากคิดถึงเรื่องอื่น แค่ดักแด้ทองขวดนั้น แล้วยังมียาสมุนไพรชนิดอื่นๆ ที่ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงเด็ดมา ภายในใจก็รู้สึกปลาบปลื้มมากแล้ว
เว่ยจางมองใครบางคนที่กำลังรื่นเริงยินดีครู่หนึ่ง ภายในใจก็พร่ำบ่นอย่างเงียบๆ ยัยหนูคนนี้ช่างไม่มีหัวใจ
ระหว่างทางกลับวัดผู่จี้ เหยาเยี่ยนอวี่บอกใต้เท้าเหยา “พี่รอง เรื่องในจวนหากสะสางเสร็จแล้ว หลายวันต่อจากนี้ข้ายังจะตามท่านออกไป”
“นี่ก็คงไม่มีเหตุจำเป็นหรอกกระมัง เรื่องต่อจากนี้ มีพี่ชายคอยจับตาดูก็พอแล้ว แค่ของสองชนิดเท่านั้น ไม่ผิดพลาดหรอก” แม่นางออกบ้านบ่อยๆ ก็คงไม่ค่อยดีไหม เหยาเหยียนอี้มองเว่ยจางอีกพริบตาหนึ่งแล้วครุ่นคิดในใจ งานสมรสนี้สุดท้ายก็ไม่ได้ถูกกำหนด ทว่าก็คงหลีกเลี่ยงไปตลอดไม่ได้หรอก
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว “ข้ามีของที่ข้าต้องการ พวกเจ้าก็ไม่รู้จัก ข้ายังมีสูตรปรุงยาหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำ”
หากปรุงยาออกมาแล้วก็คือเงินทั้งนั้น! เหยาเหยียนอี้อุทานในใจทันที เขาจึงไม่สนใจเรื่องข้อควรระวังระหว่างชายหญิงอีกแล้วพยักหน้า “ได้ ถึงเวลาจะพาเจ้าออกไปด้วย”
ตอนนี้เหยาเยี่ยนอวี่มั่นใจว่าพี่รองของตนเองคิดอะไรอยู่จึงเร่งด้วยรอยยิ้ม “ทางฝั่งฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินท่านพี่ก็ไปพูดด้วยนะ”
เหยาเหยียนอี้อุทานขึ้น “ตามสถานการณ์ในตอนนี้ของเจ้า เจ้าไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าเองนางก็คงไม่มีทางไม่ตอบตกลงแน่นอน”
“เกียรติยศของข้าจะยิ่งใหญ่เท่าของท่านพี่ได้อย่างไร อย่างไรฮูหยินผู้เฒ่าก็รักใคร่ท่านที่สุดอยู่แล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่หัวเราะร่าเริง คุณชายรองแห่งตระกูลเหยาเป็นคนช่างพูด แค่เกลี้ยกล่อมเข้าหน่อยก็ทำให้ทุกคนในจวนโปรดปรานเขาได้คือเรื่องจริง
เหยาเหยียนอี้ยิ้มอย่างประหม่าแล้วไม่ได้มากความอะไรอีก
คนกลุ่มนี้กลับถึงวัดผู่จี้ฟ้าก็มืดลงแล้ว อีกทั้งฝนยังเริ่มตก เดิมทีเหยาเหยียนอี้คิดว่าจะรีบกลับไปก็ทำได้เพียงล้มเลิกแผนการ เลยขอให้ท่านอาจารย์ในวัดผู่จี้ช่วยทำความสะอาดอารามให้พวกเขาเข้าพักในวัด
เพื่อความปลอดภัยเป็นหลัก เหยาเยี่ยนอวี่จึงถูกสั่งให้อาศัยในเรือนปีกที่เป็นเรือนรับรองเรือนหนึ่ง อย่างไรเสียนางก็พาชุ่ยเวยและชุ่ยผิงสาวใช้สองคนนี้มาเท่านั้น พวกนางทั้งสามคนพอจะเบียดกันนอนในเรือนเดียวกันได้อยู่แล้ว
อารามในวัดตกแต่งภายในอย่างเรียบง่าย มีฟูกและผ้าห่มที่แม้ว่าจะดูสะอาดทว่าก็ทำด้วยผ้าหยาบ ชุ่ยเวยกลัวว่าเหยาเยี่ยนอวี่จะไม่คุ้นเคยจึงรีบไปเอาผ้าห่มที่นำมาเองบนรถม้ามาปู
มื้อค่ำเป็นอาหารมังสวิรัติที่ทางวัดส่งมาให้ หมี่กึง เต้าหู้ แล้วยังมีผักสีเขียวที่ทางวัดปลูกเอง อาหารจานหลักคือข้าวสวย ถึงแม้เหยาเยี่ยนอวี่จะไม่เลือกอาหาร ทว่าตอนกลางคืนก็แทบจะไม่มีอะไรให้กิน ทำได้เพียงดื่มน้ำแกงเห็ดไปไม่กี่คำ
หลังจากทานอาหารเสร็จ นางก็เอาพืชสมุนไพรที่เด็ดได้ในวันนี้ออกมาสังเกตอย่างละเอียด สิ่งสำคัญที่สุดก็คือดักแด้ทองขวดนั้น คุณหนูเหยาที่ปลาบปลื้มใจเหลือเกินกลับไม่กล้าไปแตะต้องมันมาก ดังนั้นจึงวางขวดขนาดเล็กไว้บนโต๊ะแล้วเอามือเท้าคางพลางจับจ้องขวดนั้นไว้
ชุ่ยเวยได้ยินแล้วว่าหนอนที่ทำให้คนหวาดผวามีสรรพคุณอะไร ทว่ายังถามอย่างไม่น่าเชื่อ “คุณหนูเจ้าคะ หนอนเหล่านี้อัศจรรย์ขนาดนั้นเลยหรือ”
“แน่นอน กลับไปหากนำสมุนไพรบดเป็นผงลองดูก็จะรู้เอง” เหยาเยี่ยนอวี่ไม่เคยสงสัยสิ่งที่บันทึกไว้ใน ‘ตำรารวบรวมสมุนไพร’
แท้จริงแล้วตอนแรกจุดประสงค์ในการไปครั้งนี้ก็คือไปแอบขุดหาหนอนเหล่านี้กลางหุบเขาอยู่แล้ว จึงได้ลองผิดลองถูกกับยาสมุนไพรชนิดอื่นๆ เป็นผลพอลยได้ ถึงได้ค้นพบว่าดักแด้ดินก็มีสรรพคุณเช่นเดียวกัน ทว่าพูดถึงตอนสุดท้ายก็ยังไม่ล้ำค่าเท่าดักแด้ทองที่เจริญเติบโตในเปลือกไม้
ขวดกระเบื้องสีนิลขนาดเล็กนี้ ข้างๆ มีผ้าที่เป็นชายเสื้อสีเขียวอยู่หนึ่งผืน นั่นเป็นผ้าที่ฉีกออกจากเสื้อของเว่ยจาง
นัยน์ตาของเหยาเยี่ยนอวี่มองไปยังชายเสื้อผืนนั้นแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องที่ไอ้สารเลวนั่นเอาหนอนมากลั่นแกล้งตัวเองให้ขวัญเสีย ดังนั้นนางจึงพร่ำบ่นเสียงต่ำ “เหอะ! กล้ากลั่นแกล้งข้า! ต้องมีสักวันที่เจ้าต้องเจอดี!”
เหยาเยี่ยนอวี่นิ่งงันถึงจะได้สติกลับมาเห็นว่าผ้าเช็ดหน้าของตนเองถูกคนๆ นั้นเอาไป นี่ไม่ใช่เป็นการมอบของใช้ส่วนตัวให้คนอื่น และคนๆ นั้นก็ได้รับไปโดยทางอ้อมหรือ!
วันพรุ่งนี้ต้องไปขอกลับมาจากเขาให้ได้ เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิดอย่างขุ่นเคืองใจ
ยุ่งมาทั้งวัน ทุกคนต่างก็เหน็ดเหนื่อย เหยาเยี่ยนอวี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและเพิ่งจะขึ้นเตียงเข้านอนก็ได้ยินเสียงเคาะประตู จังหวะการเคาะเหมือนจะเร่งรีบยิ่งนัก
ชุ่ยเวยตะลึงงัน “ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังมีเรื่องอะไรอีก”
ข้างนอกมีคนไปถาม เหยาเหยียนอี้และเว่ยจางยังไม่ได้หลับ ทั้งสองจึงเดินออกจากประตูไปพร้อมกัน
เหยาเยี่ยนอวี่เดินไปข้างหน้าต่างแล้วเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เป็นเสียงของสะใภ้ซานว่าง “คุณชายรอง แย่แล้วเจ้าค่ะ! เถียนอี๋เหนียง…ป่วยหนัก! เหล่าพระอาจารย์ต่างก็ไม่มีวิธี ท่านถามว่าจะเชิญคุณหนูรองไปดูอาการเสียหน่อยได้หรือไม่”
“เหตุใดถึงไม่สบายเล่า ตอนกลางวันยังดีๆ อยู่เลย?” เหยาเหยียนอี้เอ่ยถามอย่างโมโห แม่นางเหล่านี้ไม่ได้ทำการสำคัญอะไร เหตุใดยังสร้างเรื่องสร้างปัญหาอีก!
สะใภ้ซานว่างตกใจจนน้ำเสียงเปลี่ยนไป “ก็ไม่รู้ว่ากินอะไรผิดไปเจ้าค่ะ ทั้งอาเจียนและท้องร่วง…ปล่อยต่อไปเช่นนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้…”
เหยาเยี่ยนอวี่หันไปสั่งการชุ่ยผิง “เอาเสื้อตัวนั้นมา”
“คุณหนูเจ้าคะ คุณชายรองยังไม่พูดอะไรออกมาเลยนะเจ้าคะ” ชุ่ยผิงไม่ชอบขี้หน้าเถียนซื่อจึงเตือนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เหยาเยี่ยนอวี่ว่า “ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ควรตายแบบนี้”
ชุ่ยเวยก็ดึงชุ่ยผิงไว้ “ช่วยชีวิตคนก่อนค่อยว่ากัน นางป่วยที่นี่แล้วพวกเราก็มาพักอาศัยอยู่ที่นี่พอดี หากไม่สนใจนางกลับไปก็ไม่รู้จะสู้หน้านายท่านผู้เฒ่าอย่างไร”