ชิวเอ๋อร์ตกตะลึงแทบแย่
“คุณชายเซียว ท่านมีเงิน แต่คุณหนูข้าไม่มีเงินหรอกนะเจ้าคะ ท่านสั่งอาหารเอง ก็จ่ายเองด้วยนะคะ”
“กลัวอะไร คุณหนูของเจ้าน่ะมีเงินเยอะจนใช้ไม่หมดเลยล่ะ”
“นี่อาจจะเป็นเงินก้อนสุดท้ายของคุณหนูแล้วนะเจ้าคะ” ถ้าไม่ใช่ครั้งก่อนโชคดี คุณหนูของนางจะมีเงินเยอะขนาดนั้นได้ยังไง
ที่น่าหดหู่คือ คุณหนูให้เงินเก้าแสนห้าหมื่นตำลึงถ้วนอย่างง่ายดาย
หลังจากที่นางรู้เรื่องนี้ ก็เกือบสลบหน้าทิ่มเลยล่ะ
“เจ้าวางใจได้เลย คุณหนูของเจ้าฉลาดจะตาย กะอีแค่เงินหนึ่งล้านตำลึง นางไม่เอาไว้ในสายตาด้วยซ้ำ”
“คุณหนู……”
ชิวเอ๋อร์มองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างร้อนใจ
นางมีเพื่อนประสาอะไรกัน?
คุณชายเซียว คุณชายอวี่ คุณชายหลิวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญที่สุดในพระนคร อยู่กับพวกเขา ชื่อเสียงของนางจะพลอยด่างพร้อยไปด้วย
กู้ชูหน่วนคาบหญ้าหางหมาจิ้งจอกไว้ สองมือพาดไว้หลังหัว นั่งไขว่ห้างอย่างสบายใจ ไม่มีความเป็นหญิงผู้ดีเลย
นางยิ้มอย่างเกียจคร้าน “ชีวิตเราเมื่อปีติควรสนุก อย่าให้จอกทองว่างเปล่าคู่แสงจันทร์”
พอพูดแบบนี้ออกไป เซียวหยู่เซวียนกับชิวเอ๋อร์ก็ตะลึง
เด็กเสิร์ฟที่ยกอาหารมาก็ชะงักเล็กน้อย เงยหน้ามองกู้ชูหน่วนด้วยแววตาที่สงสัย นานมากกว่าจะเสิร์ฟอาหารต่อ
“ยัยขี้เหร่ บทกลอนนี้ฟังดูไม่เลวเลยนะ เจ้าไปเรียนมาจากไหนเหรอ?”
“พี่ใหญ่ของเจ้าอย่างข้ายังมีความสามารถอีกเยอะ”
“เจ้ารอก่อน” ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็ตะโกนเรียกเด็กเสิร์ฟ
กลับเห็นเด็กเสิร์ฟคนนี้แม้จะแต่งตัวเหมือนคนใช้ แต่ก็ปกปิดความสง่าในตัวไม่ได้
ชายคนนี้ รอบตัวแผ่ซ่านไปด้วยกลิ่นอายของหนังสือ แม้จะดูเย็นชา แต่ก็สง่างามกว่าใคร ตาคมคิ้วเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ
“ท่านมีเหตุอันใดหรือ”
“เจ้าดูคิ้วสวยตาคม และยังหล่อมากเลยนะ ไม่รู้ว่าปีนี้อายุเท่าไหร่ ชื่อสกุลว่าอะไร บ้านอยู่ที่ไหนหรือ” กู้ชูหน่วนหัวเราะแหะๆ
เซียวหยู่เซวียนแทบหน้าทิ่ม
สายตายัยขี้เหร่นี่มันยังไงกัน?
เซียวหยู่เซวียนเงยหน้ามองเด็กเสิร์ฟ ก็ตกใจจนตะเกียบร่วง “เย่เฟิง ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ?”
เย่เฟิง?
ชื่อนี้คุ้นหูจัง?
นางนึกได้แล้ว
เหมือนจะเป็นจ้วงจื่อยากจนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายนะ?
“ลูกค้าถ้าไม่มีเหตุใดแล้ว ข้าน้อยขอตัวนะขอรับ”
เย่เฟิงแม้จะทำงานต่ำต้อยและพูดจาถ่อมตัว แต่เขายืดหลังตรง พูดจาไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง บุคลิกสง่างามมาก ไม่ว่าจะดูยังไง ก็ไม่อาจมองเขาเป็นเด็กเสิร์ฟที่ประจบประแจงอย่างไม่รู้สึกละอายได้เลย
“ข้าให้เจ้าไปแล้วเหรอ? พี่เด็กเสิร์ฟ ตอนนี้พวกเราเป็นลูกค้าพิเศษของเจ้านะ”
“แม่หญิงมีเรื่องรับสั่งอันใด?” คิ้วดกดำของเย่เฟิงขมวดเล็กน้อย
“นั่งลง ดื่มเหล้ากับข้า”
กู้ชูหน่วนมือเท้าคาง มองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาโดยไม่กะพริบตา แววตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
เซียวหยู่เซวียนใจสั่น
ยัยขี้เหร่นี่ คงไม่ได้ชอบเย่เฟิงหรอกนะ?
นางเป็นผู้หญิงนะ
และ นางยังเป็นว่าที่ภรรยาของท่านอ๋องหานเทพสงครามอีกด้วย
นี่ยังไม่ทันได้แต่งงานกันเลย ก็สวมเขาให้อ๋องหานเสียแล้ว นางไม่กลัวว่าอ๋องหานจะฆ่านางเหรอ
“ขออภัย ข้าไม่ดื่มกับแขก” ว่าแล้ว เขาก็กลับหลังหันเดินจากไป
ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็ตะโกนว่า “เถ้าแก่”
“ขอรับ มาแล้วๆ มีอะไรให้รับใช้ขอรับ”
กู้ชูหน่วนโยนเงินหนึ่งพันตำลึงออกไป ชี้ตัวเย่เฟิงแล้วพูดว่า “ข้าต้องการให้เขามาดื่มเหล้ากับข้า”
เถ้าแก่มองเงินหนึ่งพันตำลึงด้วยสายตาที่อึ้ง แววตาเปล่งประกาย แล้วพูดเยินยอว่า “คุณหนูวางใจได้ ขอแค่เป็นคำสั่งของคุณหนู ทางร้านจะบริการให้เต็มที่เลย เย่เฟิง เจ้ารีบนั่งลงดื่มกับคุณหนูท่านี้เร็วเข้า”
เย่เฟิงไม่โต้แย้งอะไร แววตาคู่นั้นใจเย็นจนมองไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ข้ารับผิดชอบแค่เสิร์ฟอาหาร ไม่ได้ทำงานดื่มเหล้ากับลูกค้า”
“เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้ายังอยากทำงานนี้อยู่ไหม? วันนี้ถ้าเจ้าไม่ดื่มเหล้ากับคุณหนูท่านนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องมาทำงานที่หอหยุนจุ้ยแล้ว”
เถ้าแก่โมโหจัด
ก็แค่ดื่มไม่แก้วก็ได้เงินหนึ่งพันตำลึงแล้ว เรื่องดีๆแบบนี้ จะไปหาที่ไหนได้อีก?
สีหน้าของเย่เฟิงยังคงเย็นชาเหมือนเดิม แต่มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกลับกำหมัดไว้แน่น แสดงถึงความไม่พอใจของเขา
ชิวเอ๋อร์ดึงแขนเสื้อกู้ชูหน่วนแรงๆ แล้วกระซิบพูดว่า “คุณหนู คุณหนูเป็นผู้หญิง มีผู้หญิงที่ไหนให้ผู้ชายมาดื่มเหล้าด้วย ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คุณหนูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเจ้าคะ?”
“หน้าของข้าก็อยู่ที่หน้าข้าตลอด อีกอย่าง ถึงแม้จะไม่มีเรื่องนี้ ชื่อเสียงของข้าก็ไม่ได้ดีไปถึงไหนหรอก”
“คุณหนู……”
คุณหนูตีเซี่ยหยู่ตายคามือ แล้วยังหาเรื่องคุณหนูห้ากู้ อนุภรรยาห้า รวมไปถึงฮูหยินใหญ่อีกด้วย
ตอนแรกชีวิตนางก็ลำบากมากพอแล้ว กลับจวนก็ไม่รู้ว่าต้องถูกลงโทษอีกเท่าไหร่ ตอนนี้ยังให้ผู้ชายดื่มเหล้ากับตัวเองอีก นี่……นี่……นี่มันเรื่องอะไรกัน เหลวไหลกันไปใหญ่แล้ว
กู้ชูหน่วนมองดูเย่เฟิงอย่างละเอียด
รองเท้าของเขาทั้งเสียทั้งเก่า แถมยังมีนิ้วเท้าโผล่ออกมาด้วย แม้เขาจะมีบุคลิกของคนเรียนหนังสือ แต่ผิวหนังสองมือกลับเต็มไปด้วยหนังด้าน เขาคงทำงานหนักมาหลายปีถึงได้เป็นแบบนี้
ผู้ชายคนนี้คงมีชีวิตลำบากน่าดู
ถ้าไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับให้ตกในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแบบนี้ คนอย่างเขาจะยอมเป็นคนใช้ที่ให้คนดูถูกได้ยังไง
“ได้ ข้าตกลง”
ทันใดนั้นน้ำเสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้น เถ้าแก่ดีใจแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนู เย่เฟิงไม่เพียงแต่หล่อเท่านั้น แถมยังเก่งมากเลยด้วย มีความรู้สึกความสามารถ ว่ากันว่าเขาเคยเข้าร่วมงานชุมนุมแข่งขันบุ๋นด้วย มีคนมากมายอยากดื่มเหล้ากับเขา เขาไม่ยอมตกลงเลย ตอนนี้เขายอมตกลง แสดงว่าเขากับคุณหนูมีพรหมลิขิตต่อกันนะขอรับ”
เหอะ ถ้าเถ้าแก่รู้ว่าเขาได้เข้ารอบสุดท้าย ยังกล้าพูดจาแบบนี้กับเขาอีกเหรอ?
กู้ชูหน่วนโยนเงินไปอีกสองร้อยตำลึง “อาหารกับเหล้าที่เหลือรีบทำให้เสร็จได้แล้ว”
“ขอรับๆ”
ไม่นานก็มีคนมาเพิ่มถ้วยและตะเกียบอีกหนึ่งชุด
กู้ชูหน่วนชี้ที่นั่งข้างๆ กะพริบตาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เด็กเสิร์ฟ นั่งลงสิ ไม่ต้องเกรงใจไป ข้าไม่กินเจ้าเสียหน่อย”
เซียวหยู่เซวียนกับชิวเอ๋อร์รู้สึกสับสนไปหมด
ท่าทีเจ้าสำราญแบบนี้ ดูยังไงก็ไม่เหมือนผู้หญิง
เย่เฟิงนั่งลงอย่างสง่างาม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ต้องดื่มกี่แก้ว?”
“ดื่มสามแก้วก่อนแล้วกัน”
เย่เฟิงเทให้ตัวเองหนึ่งแก้ว แล้วดื่มรวดเดียว ต่อมาก็ดื่มรวดเดียวอีกสองแก้ว
แม้จะดื่มเหล้า แต่ตอนที่เขาดื่มเหล้า ก็เอาแขนเสื้อมาปิดด้วย ท่าทีสง่างามจนดูเชี่ยวชาญ
“ดูเจ้าจะเชี่ยวชาญมากเลยนะ เจ้าดื่มเหล้ากับคนอื่นบ่อยเหรอ?”
เย่เฟิงชะงัก ต่อมาก็วางแก้วเหล้าลง เหมือนกำลังรอคำสั่งของนาง
“เจ้าเข้ารอบสุดท้ายแล้วนี่? ทำไมถึงมาทำงานที่โรงเตี๊ยมนี่ล่ะ?”
“คุณหนูถ้าอยากให้เย่เฟิงดื่ม อยากให้ดื่มกี่แก้วก็สั่งมาได้เลย”
“มีคนเคยบอกเจ้าไหมว่า เจ้าไม่รู้ความรักของชายหญิงเลย”
เย่เฟิงนั่งหลังตรง ไม่ตอบอะไร
ไม่รู้ว่าทำไม กู้ชูหน่วนถึงรู้สึกว่าร่างกายของของเขาแผ่ซ่านไปด้วยความโศกเศร้า เหมือนกับชื่อของเขา เย่เฟิง ที่เศร้าโศกเสียใจในฤดูใบไม้ร่วง
เซียวหยู่เซวียนมองค้อนอย่างไม่เกรงใจ “นี่ เจ้าไม่คิดจะสนใจข้าเลยหรือไง?”