“นายท่านโปรดเมตตา ท่านตีข้าจนตายได้ แต่คุณหนูอ่อนแอมาก คงทนรับห้าสิบทีไม่ได้ นางจะรับไม่ไหวเอานะเจ้าคะ”
กู้ชูหน่วนจับตัวชิวเอ๋อร์ไว้ แล้วพูดอย่างโมโหว่า “ใช้ไม่ได้เลย ทำข้าขายหน้าหมด ข้าบอกเจ้าแล้วไง นอกจากข้าแล้ว เจ้าไม่ต้องคุกเข่าให้ใครอีก”
“คุณหนู……”
ชิวเอ๋อร์ร้องไห้ เวลานี้แล้ว คุณหนูยังทำอะไรโง่ๆอีก
“ยังนิ่งอยู่ไย ลงมือเข้าสิ”
กู้เฉิงเซี่ยงโมโหจัด เขาไม่เชื่อว่า วันนี้เขาจะจัดการลูกสาวของตัวเองไม่ได้
กู้ชูหลันและคนอื่นๆต่างก็มองด้วยสีหน้าสมน้ำหน้า รอกู้ชูหน่วนถูกตีจนคุกเข่าร้องขอชีวิต
พวกคนใช้เดินเข้ามาอย่างดุดัน กู้ชูหน่วนควักป้ายประกาศิตทองออกมาอย่างเชื่องช้า ด้านบนเขียนว่าคำสั่งตัวใหญ่ๆ
เห็นป้ายประกาศิตนี้แล้ว พวกข้ารับใช้ต่างก็ชะงักทันที
สีหน้าของเฉิงเซี่ยงก็เปลี่ยนไปด้วย
ป้ายประกาศิตนี้ฮ่องเต้องค์ก่อนประทานให้องค์หญิงจาวหลิงไม่ใช่เหรอ?
ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงโปรดปรานองค์หญิงจาวหลิงมาก แทบจะประเคนของทั่วราชอาณาจักรให้กับนาง ป้ายประกาศิตนี้ก็ตกอยู่ในมือองค์หญิงจาวหลิงไปด้วย
หลังจากองค์หญิงจาวหลิงตายแล้ว เขาก็ตามหาป้ายประกาศิตนี้อยู่ตลอด แต่หายังไงก็หาไม่เจอ ตอนนี้ทำไมถึงมาอยู่ในมือกู้ชูหน่วนได้?
กู้ชูหน่วนจับป้ายประกาศิตนั้นเล่นอย่างเกียจคร้าน แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถ้าข้าจำไม่ผิด ฮ่องเต้องค์ก่อนเหมือนจะบอกว่า ใครที่เห็นป้ายประกาศิตนี้ก็เหมือนได้เห็นตัวท่านเอง แม้ฮ่องเต้องค์ก่อนจะจากไปแล้ว แต่ข้าว่า ป้ายประกาศิตนี้น่าจะยังมีผลอยู่นะ?”
อนุภรรยาห้าแค้นจนกัดฟันกรอด
วันนี้กะว่าจะลงโทษนางหนักๆเสียหน่อย แต่ไม่รู้ว่านางเอาป้ายประกาศิตของฮ่องเต้องค์ก่อนมาจากที่ไหน
กู้ชูหลันยังค่อนข้างเด็ก ไม่รู้ว่าป้ายประกาศิตนี้มาจากไหน ก็เลยด่าไปว่า “กู้ชูหน่วน เจ้าเอาป้ายประกาศิตบ้าๆนี่มาข่มขู่ท่านพ่อเหรอ?”
“บังอาจ เจ้ากล้าดูถูกป้ายประกาศิตฮ่องเต้องค์ก่อนงั้นรึ แค่คำพูดเดียวของเจ้า ก็เพียงพอต่อการประหารชีวิตทั้งตระกูลกู้แล้ว”
ป้าย……ป้ายประกาศิตของฮ่องเต้องค์ก่อน?
หรือว่าป้ายประกาศิตนี้จะได้รับการประทานจากฮ่องเต้องค์ก่อนจริงๆ?
กู้ชูหน่วนชูป้ายประกาศิตขึ้นสูงๆ ทำหน้าเย็นชาแล้วพูดอย่างเข้มงวดว่า “ป้ายประกาศิตของฮ่องเต้องค์ก่อนอยู่ที่นี่ พวกเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าอีก”
สีหน้ากู้เฉิงเซี่ยงโมโหจนหน้าดำไปหมด
ต่อหน้าป้ายประกาศิตของฮ่องเต้องค์ก่อนอยู่ที่นี่ เขาไม่กล้าขัดคำสั่ง
แต่ว่า……
เขาเป็นถึงเฉิงเซี่ยง แถมยังเป็นพ่อนางอีก มีพ่อแท้ๆที่ไหนคุกเข่าให้ลูกสาวตัวเอง? ถ้าแพร่ออกไปคงได้อับอายกันแน่?
ฮูหยินใหญ่ก็ยิ่งคุกเข่าให้ผู้น้อยไม่ได้เลย
นางหัวเราะแหะๆแล้วพูดว่า “คุณหนูสาม เป็นคนบ้านเดียวกัน ไยต้องเอาป้ายประกาศิตฮ่องเต้ออกมาด้วยล่ะ”
“พูดแบบนี้ พวกท่านไม่เคารพคำสั่งของฮ่องเต้องค์ก่อนงั้นหรือ? ช่างเถอะ ในเมื่อป้ายประกาศิตนี้ใช้ไม่ได้ผล ตอนนี้ข้าจะไปหาฝ่าบาท ให้ฝ่าบาททำลายป้ายประกาศิตนี้เสีย”
ว่าแล้ว นางก็กลับหลังหันเดินออกไป
ฮูหยินใหญ่ตกใจจนรีบเข้าไปขวางทางนางไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็นว่า “คุณหนูสามอย่าโมโหสิ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าหมายความว่าพวกเราเป็นคนบ้านเดียวกัน ทำไมต้องทำให้เรื่องมันวุ่นวายด้วยเล่า”
“เหอะ……คนบ้านเดียวกันงั้นเหรอ? ข้ากู้ชูหน่วนคงไม่มีวาสนามากพอกับครอบครัวของพวกท่าน”
ทันใดนั้น กู้ชูหน่วนก็พูดเสียงแข็ง พลังแห่งราชาลุกโชนออกมาจากร่างกาย น้ำเสียงก็พูดโดยไม่อาจขัดคำสั่งได้ “จะคุกเข่าหรือไม่”
ทุกคนตกใจกับคำพูดของนาง
แล้วมองสายตาที่เย็นชาของนางอีกครั้ง ทุกคนไม่กล้าสงสัยอะไร ถ้าพวกเขาปฏิเสธ กู้ชูหน่วนจะต้องไปฟ้องเรื่องนี้ในราชวังแน่
กู้เฉิงเซี่ยงแค้นจนกัดฟันกรอด แต่ต่อหน้าคำสั่งของฮ่องเต้ เขาจะไม่ทำตามก็ไม่ได้ จึงต้องคุกเข่าลงไป คารวะอย่างไม่พอใจ
กู้เฉิงเซี่ยงคุกเข่าลง ทุกคนจะไม่คุกเข่าได้ยังไงล่ะ ต่างก็คุกเข่าตามกันหมด
หนึ่งในนั้นที่โมโหมากที่สุดก็คงจะเป็นพวกฮูหยินและคุณหนู
กู้ชูหน่วนเป็นคนที่พวกเขาไม่ไว้ในสายตามากที่สุด พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งพวกเขาต้องคุกเข่าให้กู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนกลับไม่ให้พวกเขาลุกขึ้นทันที แค่ถือป้ายประกาศิตเล่นอย่างเบื่อหน่าย แล้วบ่นพึมพำว่า “ป้ายประกาศิตนี้น่าสนุกจริงๆ ต่อไปข้าจะเอาออกมาเล่นทุกวันเลย”
ทุกคนโกรธจนแทบกระอักเลือด
เอาออกมาทุกวัน?
นางพูดออกมาได้อย่างไร?
มีใครที่ไหนเอาป้ายประกาศิตของฮ่องเต้องค์ก่อนออกมาเล่นพร่ำเพรื่อกัน?
กู้ชูหลันกับอนุภรรยาห้าและคนอื่นๆต่างแค้นจนกัดฟันกรอดกันใหญ่
คุกเข่านานขนาดนี้แล้ว กู้ชูหน่วนตาบอดหรือเป็นใบ้กันแน่ ยังไม่รีบให้พวกเขาลุกขึ้นมาอีก?
รออยู่นานสักพักใหญ่ กู้ชูหน่วนก็ยังไม่ยอมพูดอะไร กู้ชูฉิงอดไม่ได้ ตะคอกอย่างโมโหว่า “เจ้าจะให้พวกข้าคุกเข่าแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่กัน?”
“ทำไม เจ้าไม่ยอมคุกเข่าให้ฮ่องเต้องค์ก่อนงั้นรึ? งั้นพวกเราไปหาฝ่าบาทกันไหม ให้ฝ่าบาทประทานสิทธิ์พิเศษให้กับเจ้า”
“กู้ชูหน่วน เจ้าแกล้งข้ารึ?”
“แปลกจัง ข้าแกล้งเจ้ารึ? คนที่ให้พวกเจ้าคุกเข่าคือฮ่องเต้องค์ก่อน ไม่ใช่ข้างเสียหน่อย”
เลือดพุ่ง……
ฮ่องเต้องค์ก่อนเสียไปนานหลายปีแล้ว เขาจะให้พวกนางคุกเข่าได้ยังไง?
ก็เพราะกู้ชูหน่วนที่เป็นสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ
แม้ชิวเอ๋อร์จะตกใจที่คุณหนูของตัวเองเอาป้ายประกาศิตนี้มาจากไหน แต่นางก็กลัวว่าเรื่องจะเลยเถิดไปกันใหญ่ จึงรีบพูดว่า
“คุณหนู นายท่านยังคุกเข่าอยู่นะเจ้าคะ กลางคืนลมพัดเย็น ให้นายท่านลุกขึ้นมาก่อนดีไหมเจ้าคะ”
“ก็ได้ เห็นแก่หน้าเจ้านะ ฮ่องเต้องค์ก่อนจะปล่อยพวกเขาไปก่อน พวกเจ้าทุกคนลุกขึ้นมาได้แล้ว”
ทุกคนต่างกระอักเลือดอีกครั้ง
อะไรคือฮ่องเต้องค์ก่อนปล่อยพวกเขาไปก่อน
“เจ้าลูกอกตัญญู” เฉิงเซี่ยงตะคอกอย่างโมโห
ทั่วอาณาจักรนี้มีใครเอานามฮ่องเต้องค์ก่อนออกมา ข่มขู่ให้พ่อแท้ๆตัวเองคุกเข่ากัน?
นางไม่กลัวจะถูกฟ้าผ่าหรือไง
เขาคิดมาตลอดว่ากู้ชูหน่วนกลับมาคุกเข่าขออภัย แต่เขาไม่คิดว่า กู้ชูหน่วนจะทำแบบนี้กับเขา
“เหอะ ในเมื่อท่านไม่คิดว่าข้าเป็นลูกสาว เหตุใดข้าถึงต้องคิดว่าท่านเป็นพ่อข้าด้วยเล่า ความสัมพันธ์พวกเราก็เหมือนดั่งผ้าบางๆ ตั้งแต่นี้ไปก็ให้มันตัดขาดไปเลย”
กู้ชูหน่วนฉีกปลายกระโปรงตัวเองออก แล้วโยนขึ้นฟ้าไป
การกระทำเช่นนี้เด็ดขาดมาก ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว
กู้ชูหน่วนนางบ้าไปแล้วหรือ?
นางรู้หรือไม่ ผู้หญิงในยุคนี้ต่ำต้อยแค่ไหน นางเป็นผู้หญิงถ้าไม่มีจวนเฉิงเซี่ยงเป็นที่พึ่ง คงได้ลำบากแน่
“คุณหนู คุณหนูโดนผีเข้าสิงหรือเจ้าคะ พวกเขาจะออกจากจวนเฉิงเซี่ยงไม่ได้นะเจ้าคะ” ชิวเอ๋อร์พูดอย่างร้อนรนใจ
“กู้ชูหน่วน เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”
“ทราบเจ้าค่ะ พวกเราไม่ใช่พ่อลูกกันอีกแล้ว ท่านรู้สึกว่าข้าเป็นก้างขวางคอของท่านมาตลอด แถมยังเป็นความอัปยศของท่านไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ก็ดีแล้วไง ต่อไปข้าก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่านอีกแล้ว”
อนุภรรยาห้ากลัวว่าจะเอาสองแสนกลับมาไม่ได้ จึงรีบกระซิบเสียงเบาว่า “นายท่าน ข้าว่าคุณหนูสามไม่อยากคืนสองแสนตำลึงให้หลันเอ๋อร์มากกว่า และไม่อยากเอาเงินที่ชนะองค์หญิงออกมาด้วย ถึงตั้งใจตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูก”
กู้ชูหลันก็พูดตามว่า “ท่านพ่อเจ้าคะ พี่สามคิดว่าพวกเรากำลังแย่งเงินนางหรือเปล่าเจ้าคะ? เงินสองแสนตำลึงที่ท่านตาให้หลันเอ๋อร์มา หลันเอ๋อร์ไม่เคยคิดเก็บไว้คนเดียวเลยเจ้าค่ะ ตอนแรกหลันเอ๋อร์ยังอยากเอาให้ท่านพ่อเพื่อครอบครัวของเรา แต่พี่สาม……นาง……นางวางแผนแย่งเงินไปก่อนเจ้าค่ะ”
กู้เฉิงเซี่ยงเหมือนจะเข้าใจอะไรแล้ว
เขายังเดาว่าทำไมนิสัยของกู้ชูหน่วนถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ที่แท้ก็มีเงินหนึ่งล้านกว่าตำลึงเป็นที่พึ่งนี่เอง
ก็ใช่ หนึ่งล้านกว่าตำลึงก็เพียงพอต่อทั้งชีวิตของนางแล้ว
“เจ้าจะตัดขาดสายใยพ่อลูกกับข้าก็ได้ แต่ข้ามีอยู่สองเงื่อนไข หนึ่ง เอาเงินที่เจ้าชนะองค์หญิงกับหลันเอ๋อร์ออกมา สอง ขึ้นเกี้ยวจากตระกูลกู้ไปลงที่จวนอ๋องหาน”