อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม – บทที่ 56 เป็นคนโหดเหี้ยม

บทที่ 56 เป็นคนโหดเหี้ยม

“ท่านพูดเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีข้อโต้แย้งนะ” กู้ชูหน่วนผายมือออก

“กระด้างกระเดื่องยิ่งนัก ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าไม่ได้”

“กู้เฉิงเซี่ยง ก่อนที่ท่านจะสั่งสอนข้า ท่านต้องคิดให้ดีๆ หากว่าท่านแตะต้องข้าจะมีผลลัพธ์ตามมาเช่นไร” กู้ชูหน่วนกำลังแย้มยิ้ม ทว่าในรอยยิ้มนั้นกลับเต็มไปด้วยการกล่าวเตือน

บนหลังคา อี้เฉินเฟยกับเซียวหยู่เซวียนลงมาอย่างฉับไว หนึ่งซ้ายหนึ่งขวาอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วน ราวกับกลายเป็นองครักษ์ที่ภักดีที่สุดไปเสียแล้ว

กู้เฉิงเซี่ยงมองไปทางอี้เฉินเฟย มือที่ยกขึ้นเชื่องช้าขยับไม่ลง ใบหน้าเดี๋ยวขาวเดี๋ยวเขียว สุดท้ายได้แต่พูดอย่างไม่พอใจ

“เจ้ามีเงินมากมายขนาดนั้นแล้ว เงินห้าแสนตำลึงนั่นข้าว่าแล้วไปเสียเถิด”

“ท่านบอกว่าแล้วไปก็แล้วไปหรือ? อักษรดำกระดาษเขียนไว้อย่างชัดเจน วันนี้หากพวกท่านไม่จ่ายเงินห้าแสนตำลึงออกมา เชื่อหรือไม่ว่าพรุ่งนี้ข้าจะทำให้จวนเฉิงเซี่ยงเป็นจุดรวมสายตาต่อหน้าทุกคน”

“กู้ชูหน่วน เป็นเจ้าใช่หรือไม่? เป็นเจ้าที่ให้คนไปป่าวประกาศว่าข้าเสียความบริสุทธิ์ ทำให้ข้าสิ้นเกียรติศักดิ์ศรีไปหมด”

กู้ชูหลันใบหน้าดุร้าย พุ่งเข้าใส่กู้ชูหน่วนอย่างโหดเหี้ยม

เซียวหยู่เซวียนใช้พัดขวางไว้ สั่นสะเทือนให้นางถอยกลับไป “สุนัขบ้าจากไหน กัดเห่ามั่วซั่ว ข้าว่าจวนเฉิงเซี่ยงของเจ้าคงไม่มีเชือกคล้องสุนัข? ต้องการให้จวนแม่ทัพของพวกเราส่งมาให้สักเส้นไหม”

ที่เขาพูดคือจวนแม่ทัพ หาใช่ตัวเขาเอง ความหมายจากคำพูดกล่าวเตือนชัดเจนอย่างยิ่ง

หากกล้าแตะต้องกู้ชูหน่วน ก็จะเป็นศัตรูกับจวนแม่ทัพ

กู้เฉิงเซี่ยงเดิมก็รังเกียจกู้ชูหลันอยู่แล้ว เวลานี้เห็นด้านรุนแรงหยาบคายของนาง ก็ไม่ชอบใจยิ่งขึ้นอย่างอดไม่ได้

“คุณหนูห้าเสียสติไปแล้ว จับคุณหนูห้าไปรักษาที่บ้านเดิมในชนบท ไม่มีคำสั่งของข้า ใครก็ห้ามปล่อยนางออกมา”

“ข้าไม่ไป ข้าไม่ได้เสียสติ ท่านพ่อ เป็นนาง เป็นนางที่กรอกสุราเแม้เล้ายพันทิวาให้ข้า เป็นนางที่วางแผนให้ข้าเสียความบริสุทธิ์ แล้วก็เป็นนางเช่นกันที่ปล่อยข่าวลือไปทั่ว ทำให้ข้าเสียเกียรติ ท่านพ่อ ท่านจะต้องทวงความยุติธรรมให้ข้านะเจ้าคะ กู้ชูหน่วน นางหญิงสารเลวผู้นี้ ข้าจะฆ่านาง ข้าจะฆ่านางเสีย”

ดวงตาโตของกู้ชูหลันเบิกกว้าง ผมเผ้ายุ่งเหยิง สูญเสียสติสัมปชัญญะ คิดเพียงจะสู้สุดชีวิตกับกู้ชูหน่วน คนรับใช้ร่างกายแข็งแรงหลายคนเกือบจะรั้งนางไว้ไม่อยู่

อนุภรรยาห้ายิ่งมองหัวใจยิ่งหนาวเหน็บ

นี่มันเวลาไหนแล้ว หลันเอ๋อร์ยังหาเรื่องตายเช่นนี้ ไม่ใช่ยิ่งทำให้นายท่านยิ่งทอดทิ้งนางหรือ?”

อนุภรรยาห้าโขกศีรษะดังขึ้นในแต่ละครั้ง เอ่ยขอร้อง “นายท่าน เห็นแก่ที่ข้าปรนนิบัติรับใช้ท่านอย่างระมัดระวังมาหลายปี ท่านยกโทษให้หลันเอ๋อร์ได้หรือไม่เจ้าคะ?”

“ใครก็ได้ จับอนุภรรยาห้าไปรักษาที่บ้านเดิมในชนบทด้วย”

“ขอรับ”

“นายท่าน ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าไม่ไปบ้านเดิม หากไปแล้ว ท่านคงไม่ให้ข้ากลับมาอีก นายท่าน…”

“ลากตัวไป”

“นายท่าน พวกเราผิดไปแล้ว ขอร้องท่าน ให้พวกเราอยู่ต่อเถิดนะเจ้าคะ พวกเราจะทำความดีลบล้างความผิดอย่างแน่นอน ฮูหยิน ท่านช่วยขอความเมตตาให้พวกเราด้วย ฮูหยิน…”

ฮูหยินใหญ่หัวเราะพรืด นัยน์ตาล้วนเป็นความเหยียดหยาม

หากไม่ใช่เพราะพวกนาง บุตรสาวของนางจะถึงกับถูกยกเลิกสิทธิ์ในรอบชิงชนะเลิศได้อย่างไร

ผู้ที่ได้หน้าได้ตาไร้จำกัดในวันนี้ควรเป็นบุตรสาวของนางถึงจะถูก

แต่เป็นเพราะพวกนาง บุตรสาวของนางไม่เพียงพลาดพลั้งไป ยังได้รับชื่อเสียงเลวร้ายอีกต่างหาก

ทำร้ายอวิ๋นเอ๋อร์อย่างน่าอนาถถึงเพียงนั้น ยังมาขอให้นางร้องขอความเมตตาให้ ไม่มีทาง

อนุภรรยาห้ากับกู้ชูหลันไม่ยินยอม

พวกนางจะอย่างไรก็คิดไม่ถึง ว่าวันหนึ่งจะถูกนางสารเลวที่ตนดูถูกมาแต่ไหนแต่ไรทำลายชีวิตย่อยยับ

หลังจากรู้ว่าไม่มีทางทำให้กู้เฉิงเซี่ยงเปลี่ยนใจได้ กู้ชูหลันก็หัวเราะดังอย่างบ้าคลั่ง ด่าแช่งกู้ชูหน่วนอย่างเหี้ยมโหด

“กู้ชูหน่วน ข้าขอสาปแช่งให้เจ้าไม่ตายดี สาปแช่งเจ้า…”

“เพี้ยะๆๆ…”

ทันใดนั้นเงาสีขาวสายหนึ่งก็วาบผ่านไป ไม่มีใครเห็นว่าอี้เฉินเฟยลงมืออย่างไร เห็นเพียงฟันในปากกู้ชูหลันถูกอี้เฉินเฟยตีจนหลุดหมด เลือดกับฟันตกลงมาช้าๆ เจ็บจนนางร้องไม่ออกสักคำ แก้มบวมฉึ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ฝ่ามือหลายฝ่ามือนี้เทียบกับฝ่ามือของกู้เฉิงเซี่ยงแล้ว หนักกว่าไม่ใช่เพียงเล็กน้อย

กู้ชูหน่วนประหลาดใจเล็กน้อย

กู้ชูหลันด่านาง เกี่ยวอันใดกับอี้เฉินเฟย เขาปั่นป่วนเช่นนี้ไปทำไม?”

นางแหงนหน้ามองอี้เฉินเฟย กลับเห็นอี้เฉินเฟยที่สุภาพอ่อนโยนมาโดยตลอดมีสีหน้ามืดครึ้ม น่ากลัวราวกับผีร้ายที่ปีนขึ้นมาจากขุมนรก เขาพูดลอดไรฟันออกไปหนึ่งประโยค “กล้าด่าแช่งนางอีกคำ ข้าจะเอาชีวิตของเจ้า”

เสียงของเขาราวกับน้ำแข็งหมื่นปี หนาวเหน็บไร้ซึ่งความอบอุ่นแม้เพียงเสี้ยวเดียว ทั้งยังนำพากลิ่นอายน่ากลัววนเวียนอยู่รอบกาย

หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ก็แทบไม่กล้าเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกัน

ทุกคนในที่นั้นล้วนตกตะลึง

ชายผู้นี้คือใครกัน กลิ่นอายบนร่างเขาเหตุใดจึงแข็งแกร่งเช่นนั้น?

อนุภรรยาห้าก็ตะลึงไปแล้วเช่นกัน ขณะคิดจะเอ่ยปาก คางก็ถูกอี้เฉินเฟยปัดทิ้ง เจ็บจนนางน้ำตาไหล พูดอะไรไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ ได้แต่ปล่อยให้คนรับใช้ลากตัวไป

เพียงพริบตาสั้นๆ จิตสังหารน่ากลัวบนร่างของอี้เฉินเฟยก็หายไปสิ้น สิ่งที่มาแทนคือความสง่าอ่อนโยน สุภาพถ่อมตัวราวกับหยก

เซียวหยู่เซวียนกลืนน้ำลาย แล้วยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น “เป็นคนโหดเหี้ยม”

อี้เฉินเฟยยิ้มอย่างอบอุ่น แล้วพูดไปเรื่อยหนึ่งประโยค “พวกนางเอะอะเสียงดังเกินไป”

หัวใจของกู้ชูหน่วนอบอุ่นขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้

ทุกอย่างที่อี้เฉินเฟยเพิ่งทำไปล้วนทำตามจิตใต้สำนึก

ไม่ได้ผ่านการขบคิดใดๆทั้งสิ้น

หากนางเดาไม่ผิด ความสัมพันธ์ของร่างเดิมกับเขาน่าจะดียิ่ง

ดังนั้น…

หลังจากที่นางครองร่างนี้แล้ว จึงได้รู้สึกสนิทสนมกับอี้เฉินเฟยมาก

กลับเห็นอี้เฉินเฟยเดินไปหน้ากู้เฉิงเซี่ยงทีละก้าวๆ ยืนสบตากับเขา นัยน์ตาฉาบไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย แต่คำที่พูดออกมากลับทำให้คนขนพองสยองเกล้า “กู้เฉิงเซี่ยง ห้าแสนตำลึงซื้อหนึ่งตำแหน่ง ท่านว่าคุ้มหรือไม่?”

มีคนช่วยทวงเงินให้นาง กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างผ่อนคลาย

กู้เฉิงเซี่ยงสีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

คำพูดนี้ของอี้เฉินเฟยหมายความว่าอะไร?

ถ้าไม่ให้เงินห้าแสนตำลึง จะไปก่อความวุ่นวายต่อหน้าฝ่าบาทหรือ?”

ตำแหน่งของอี้เฉินเฟยสูงส่ง ทั้งยังเป็นหนึ่งในทูตของแคว้นจ้าว ฝ่าบาทไม่มีทางไม่ให้เกียรติ

กอปรกับความเบิกบานใจกับการเดิมพันเล็กๆในงานชุมนุมแข่งขันบุ๋น เดิมก็ยอมรับเงียบๆอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีสำนึกศึกษาของราชสำนักเป็นพยาน หากก่อความวุ่นวายขึ้นมา เกรงว่าตำแหน่งเฉิงเซี่ยงของเขาคงรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้วจริงๆ

พิจารณาผลได้เสีย กู้เฉิงเซี่ยงก็ฝืนยิ้มออกมา “คุณชายอี้ล้อเล่นแล้ว ชูหน่วนก็เป็นบุตรสาวข้าเช่นกัน เงินห้าแสนตำลึงนี้ไม่ว่าให้ผู้ใดก็ล้วนเป็นทรัพย์สินตระกูลกู้ของเราทั้งนั้น อีกอย่าง ก็แค่เงินเล็กๆน้อยๆเพียงห้าแสนตำลึงเท่านั้น”

กู้ชูหน่วนโบกมือ “ไม่ๆ ข้าไม่ใช่คนในตระกูลเดียวกับท่าน พวกเราตัดสัมพันธ์พ่อลูกกันแล้ว ท่านอ้างสัมพันธ์ทางเครือญาตินี่ให้มันน้อยๆหน่อย”

“เจ้า…”

กู้ชูหน่วนตัดบทเขาอย่างไม้ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย “จะเอาเงินหรือตำแหน่ง ท่านเลือกเอาสักอย่าง คุณหนูอย่างข้าไม่มีเวลามาสิ้นเปลืองกับท่านมากมายหรอกนะ”

เพียงหนึ่งประโยค ก็ทำให้กู้เฉิงเซี่ยงเสียหน้าหมดสิ้น

ลูกคนเล็กของท่านแม่ทัพใหญ่เซียวอยู่ที่นี่คนหนึ่ง

อีกคนก็เป็นทูตของแคว้นจ้าว ยังเป็นเซียนกวีชื่อเสียงก้องโลก บุคคลมีชื่อเสียงของสำนักหรูเจีย

ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด เขาก็ไม่อาจล่วงเกินได้อย่างง่ายดาย

กู้เฉิงเซี่ยงจะไม่ยินยอมพร้อมใจสักเพียงไร ก็ทำได้เพียงกัดฟัน ประสานมือเอาเงินห้าแสนตำลึงให้กู้ชูหน่วนเท่านั้น

ชั่วเวลาที่เอาเงินให้กู้ชูหน่วนนั้น หัวใจของเขากำลังหลั่งเลือด

ในใจคับแค้นจนเขาต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน บนใบหน้ากลับไม่อาจไม่แย้มยิ้ม “หน่วนเอ๋อร์ พ่อรู้ว่าแต่ก่อนปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรม ถึงได้ทำให้เจ้าเศร้าใจ หนีออกจากบ้านไป ต่อไปพ่อจะดูแลเจ้าให้ดีอย่างแน่นอน เจ้าย้ายกลับมาพักที่เรือนเถอะ”

“เก็บมุมปากเสแสร้งของท่านไปเถิด ข้าดูแล้วสะอิดสะเอียน”

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

Status: Ongoing

กู้ชูหน่วน เดิมทีเป็นอัจริยะแพทย์สาวยุคปัจจุบัน การข้ามภพหนึ่ง พาเธอย้อนเวลาไปที่ยุคโบราณที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เพิ่งจะมาถึงสถานที่แปลกหูแปลกตานี้แท้ๆ เธอก็ต้องเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากมีการพัวพันซึ่งกันและกัน เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดว่าแต่นี้ต่อไป ต่างคนต่างไป จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สุดท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เย่จิ่งหานกลับคอยตอแยเธอไม่เลิก โชคชะตาฟ้าลิขิต เธอค่อยๆครอบครองใจของเย่จิ่งหานไปเรื่อยๆ จนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก อย่างโงหัวไม่ขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท