กู้ชูหน่วนจับอุณหภูมิในกระถางทองสัมฤทธิ์ เย็นจนมือนางแข็งไปหมด
“จิ๊ๆๆ ไม่รู้ว่าจริงๆว่าหลายปีมานี้ ทำไมเจ้าไม่แข็งตาย”
“คุณหนูสามกู้” ชิงเฟิงเตือน
“ตะโกนเสียงดังทำไม ข้าไม่ได้หูหนวกสักหน่อย เอาผงยานี้สาดไปที่รอบกระถางทองสัมฤทธิ์ แล้วเอางูพิษแมงป่องพิษเทเข้าไปให้หมด”
“ว่าไงนะ……ไม่ได้จะฆ่าแล้วเอามาทำยาเหรอ? นี่มันยังมีชีวิตอยู่เลยนะ” ถ้ากัดท่านอ๋องขึ้นมาจะทำยังไง?
“ยังไม่ตายข้าจะเอามาทำไม เร็วๆ เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นน้ำแข็งอีกหรอก พวกเจ้าจับงูพิษมามากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ”
“ท่านอ๋อง……”
เรื่องแบบนี้พวกเขาไม่กล้าทำหรอก ต่างก็หันไปมองเย่จิ่งหาน รอคำสั่งจากเขา
แววตาของเย่จิ่งหานเป็นประกาย แล้วพูดออกมาช้าๆว่า “ทำตามนั้น”
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียปาดเหงื่อ
เหงื่อที่ปาดครั้งนี้กลับเป็นเหงื่อเย็น
ในตอนที่เทตะขาบแมงมุมและสัตว์มีพิษลงไป พวกเขาก็ปากสั่นใจสั่นไม่ไหว
สัตว์มีพิษเทลงไปด้วยกัน แค่ว่ายในกระถางทองสัมฤทธิ์ ไม่ได้กัดเย่จิ่งหาน แถมยังหลบเย่จิ่งหานอีกด้วย
พวกมันอยากหนีออกจากกระถางทองสัมฤทธิ์ และก็กลัวผงยารอบๆขอบกระถางทองสัมฤทธิ์ จึงต้องว่ายต่อไปอย่างหวาดกลัว
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียรออยู่นานมาก ก็ไม่เห็นสัตว์มีพิษตัวไหนกัดท่านอ๋อง ใจที่สั่นเท่านั้นก็ถึงหายสั่นช้าๆ
คุณหนูสามกู้ก็ถือว่าพึ่งพาได้บ้าง ไม่งั้นสัตว์มีพิษพวกนี้กัดท่านอ๋องเข้า พวกเขาไม่รู้ว่าจริงๆว่าควรทำยังไง
“นิ่งอยู่ไย เอายาอีกถ้วยป้อนให้ท่านอ๋องสิ”
กู้ชูหน่วนนั่งไขว่ห้าง ออกคำสั่งอย่างขี้เกียจ
เจี่ยงเสวียเอายามา
เย่จิ่งหานกวาดตามองยาสีดำๆนั้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย สุดท้ายก็ดื่มลงไปรวดเดียว
“โยน……”
กู้ชูหน่วนโยนผลไม้แช่อิ่มไป หาวแล้วพูดว่า “กินผลไม้แช่อิ่มหนึ่งเม็ด ปากจะได้ไม่ขม ใจก็จะได้ไม่ขมด้วย”
เย่จิ่งหานรับเอาไว้ มองดูผลไม้แช่อิ่มในมือ ในใจก็รู้สึกสับสน
เขามีพิษติดตัวมาแต่เกิด ตั้งแต่เขาจำความได้ก็กินยามาตลอด ทั้งชีวิตนี้สิ่งที่เขาไม่ชอบมากที่สุด ก็คือการกินยา
ไม่มีใครรู้ว่าเขากลัวขม ขนาดเสด็จแม่เขายังไม่รู้เลย
หลายปีมานี้ เขาชินกับการแข็งแกร่งต่อหน้าผู้คน ดังนั้นไม่เคยกินผลไม้แช่อิ่มมาก่อน
ผู้หญิงคนนี้ ให้เขากินยาสองครั้ง และให้ผลไม้แช่อิ่มเขาสองครั้ง
นาง……รู้ได้ยังไงว่าเขากลัวขม?
แม้กู้ชูหน่วนทำให้เขาโกรธจนแทบกระอักเลือดตาย ตอนนี้ภายในใจเย่จิ่งหานกลับรู้สึกดีต่อกู้ชูหน่วนเล็กน้อย
แต่ความรู้สึกดีนี้เป็นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น
เพราะหลังจากที่เขาดื่มยาถ้วยนี้เสร็จแล้ว สัตว์มีพิษพวกนั้นก็เหมือนเห็นเหยื่อ รีบกระโจนเข้ามากัดเขา
“อา……”
เย่จิ่งหานเจ็บจนร้องในลำคอ ยกมือขึ้นอยากจะไล่พวกสัตว์มีพิษออกไป แต่เขากลับเห็นว่าร่างกายตัวเองอ่อนเพลียไปหมด ขนาดแรงจะยกมือยังไม่มีเลย
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียตะลึง ชักดาบออกมาชี้ไปที่คอของกู้ชูหน่วน “เจ้าทำอะไรกับท่านอ๋อง?”
เจี่ยงเสวียกลับวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจอะไร อยากจะประคองตัวเทพสงครามขึ้นมาจากน้ำ
กู้ชูหน่วนพูดเสียงทุ้มว่า “ถ้าเจ้าเอาตัวเขาขึ้นมาตอนนี้ ข้ารับประกันได้เลยว่า คืนนี้เขาไม่รอดแน่”
คำพูดเดียว ทำเอามือของเจี่ยงเสวียสั่นไม่หยุด
เขาจะประคองขึ้นมาก็ไม่ได้
ไม่ประคองก็ไม่ได้
จึงต้องหยุดยืนที่เดิม
“เจ้าตั้งใจทำร้ายท่านอ๋องใช่หรือไม่?” ชิงเฟิงตะคอกเสียงดัง
“หนามยอกเอาหนามบ่ง กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตเจ้ารู้ไหม ถ้าไม่มีสัตว์มีพิษพวกนี้ พิษในตัวเขาจะถูกกระตุ้นได้ยังไง”
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็มองค้อนกู้ชูหน่อยอย่างระมัดระวัง
เย่จิ่งหานกัดฟันอดทนกับความเจ็บปวดนี้ แล้วกัดฟันพูดว่า “ปล่อยนาง”
“ท่านอ๋อง……”
เย่จิ่งหานหลับตาลง
ความเจ็บปวดหลายปีมานี้เขายังทนได้เลย แค่ถูกสัตว์มีพิษกัดแค่นี้ เขาจะทนไม่ไหวได้ยังไง
ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน เขาก็ต้องกัดฟันทน
จนกระทั่ง…………
“โอ๊ย……”
ให้ตายสิ งูพิษพวกนั้นกัด “น้องชาย” ของเขาไม่ยอมปล่อย
เจ็บจนเข้ากระดูก ทำเอาเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ
“กู้ชูหน่วน……”
เสียงตะคอกดังจนทำเอาคนในห้องสะดุ้งกันหมด และทำเอาคนทั้งจวนสะดุ้งด้วย รวมไปถึงคนไม่น้อยในพระนครที่ต่างก็สั่นตามไปด้วย
นี่คือความกดดันจากอำนาจราชา