ในห้องส่วนตัวชั้นสูงของหอโคมเขียวอู๋โยว กู้ชูหน่วนไขว้ขา กวาดตามองหญิงสาวหน้าตางดงามผอมบางอวบอ้วนแต่ละแถวที่อยู่ข้างหน้า ก่อนส่ายหน้าอย่างเมินเฉยเล็กน้อย
แม่เล้าโบกมือ รีบเปลี่ยนสาวงามอีกกลุ่มเข้ามา นางยิ้มอย่างงดงามแล้วพูด “คุณหนู พวกนางล้วนเป็นสาวงามอันดับต้นๆในหอโคมเขียวอู๋โยวของเรา หากไม่ใช่ว่าคุณชายเซียวเป็นลูกค้าประจำของพวกเราที่นี่ เป่ามาอย่างข้าคงตัดใจนำออกมาไม่ได้ ท่านดูเถิดมีผู้ที่ต้องตาท่านหรือไม่”
เป่ามาแต่งหน้างามพริ้ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความภูมิใจ
แม่นางเหล่านี้ไม่ว่าคนไหน ก็ล้วนเป็นหญิงงามยากพบพานทั้งสิ้น ชายใดได้เห็นล้วนต้องใจไหวสั่น
พวกนางเป็นไพ่ลับของนางด้วยเช่นกัน ความจริงแล้วไม่รับแขกง่ายๆ
กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วแล้วถามกลับ “เจ้าคิดว่า ข้าที่เป็นหญิงจะชื่นชอบสตรี?”
เป่ามามองเซียวหยู่เซวียนที่อึดอัดใจอยู่ด้านข้าง แล้วมองอี้เฉินเฟยที่ยิ้มบางอย่างอ่อนโยนอีกที ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตีศีรษะไปหนึ่งที “ไอหยา ท่านดูความสะเพร่าของข้าสิ ข้าจะเปลี่ยนชายงามกลุ่มหนึ่งให้ท่านเดี๋ยวนี้”
บนหน้าของนางประดับรอยยิ้ม ทว่าในใจกลับคาดเดาถึงฐานะของกู้ชูหน่วนไม่หยุด
สตรีผู้หนึ่งกล้ามาหาผู้ชายที่หอโคมเขียวอู๋โยวอย่างสง่าผ่าเผย หาได้พบเจอกันบ่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็นสตรีวัยแรกแย้มอีกด้วย
ที่น่าประหลาดที่สุดก็คือ คุณชายเซียวซึ่งก็คือบุตรคนสุดท้องของท่านแม่ทัพใหญ่เซียว ฐานะสูงส่ง ในเมืองหลวงที่กว้างใหญ่มีไม่กี่คนที่ใช้เขาได้
แต่เขาราวกับเป็นเพียงผู้ติดตามของสตรีผู้นั้น
“ตึก”
กู้ชูหน่วนโยนตั๋วเงินปึกใหญ่
เป่ามามองดู กลับเป็นเงินถึงแสนตำลึง นางตกใจจนต้องสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไป
เงินแสนตำลึงมากพอให้ซื้อหอโคมเขียวอู๋โยวทั้งหอ
“จำไว้ว่า ชายงามที่ข้าต้องการแต่ละคนต้องเป็นชั้นยอด แล้วก็อย่าเรียกข้าว่าคุณหนู ข้าฟังแล้วไม่สบอารมณ์ เรียกข้าว่า แม่ทูลหัว”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น แม่ทูลหัวรอสักครู่ ประเดี๋ยวพวกเขาก็มาถึงเจ้าค่ะ”
ชายงามเปลี่ยนไปกลุ่มหนึ่ง
หล่อเหลา มีเสน่ห์แบบร้ายกาจ เย้ายวน เย็นชา แข็งแรงกำยำจะแบบไหนก็มีทั้งสิ้น แต่ละคนหน้าตาเลิศล้ำ
“ แม่ทูลหัว หอของเรากลั่นสุราปิงหลานมาใหม่หนึ่งไห ข้าดื่มเป็นเพื่อนท่านสักจอกดีหรือไม่ขอรับ” ชายหนุ่มหน้าตางดงามพูดพลางทิ้งสายตาให้นาง ร่างนุ่มลื่นไร้กระดูกนั่นอิงแอบมาทางกู้ชูหน่วนอย่างหยั่งเชิง
“ได้สิ ที่รักของข้า” กู้ชูหน่วนถือโอกาสอ้าแขนกว้าง โอบชายงามสองคนไว้ในอ้อมแขน ท่วงท่าอันช่ำชองนั่น ทำให้เซียวหยู่เซวียนกับอี้เฉินเฟยไม่อยากจะเชื่อว่านางมาหอโคมเขียวเป็นครั้งแรก
“ แม่ทูลหัว ท่านเมื่อยหรือไม่ ข้านวดเท้าให้ท่านนะขอรับ”
เห็นกู้ชูหน่วนไม่ขับไล่พวกเขา ชายงามมากมายก็พากันโล่งใจ แย่งกันปรนนิบัติ
“พวกเจ้าช่างถูกใจข้าเช่นนี้ แม่ทูลหัวเลี้ยงจะลูกกวาดพวกเจ้าทุกคน”
กู้ชูหน่วนหยิบตั๋วเงินมากมายออกมา หนึ่งคนมอบให้หนึ่งหมื่นตำลึง
ชายงามจับเงินหมื่นตำลึงตัวสั่นระริก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ให้รางวัลทีหนึ่งก็ให้ถึงหนึ่งหมื่นตำลึง?
สวรรค์ นี่มันหรูหราฟุ่มเฟือยเพียงใดกัน?
เป่ามามองแล้วอิจฉาตาร้อน โกรธที่ตนแปลงร่างเป็นชายงามไปปรนนิบัติด้วยไม่ได้
บ่าวรับใช้กับเหล่าแม่นางคนอื่นในหอโคมเขียวอู๋โยวก็อิจฉาตาร้อนแล้วเช่นเดียวกัน แย่งชิงกันเข้ามาปรนนิบัติ
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างชั่วร้าย โบกมือหนึ่งครั้งเงินแสนตำลึงก็ปลิวว่อนเต็มอากาศ ชักนำให้แม่นางกับนายโลมมากมายพากันแย่งชิง
กระทั่งว่าแขกลูกค้าบางส่วนในหอโคมเขียวอู๋โยวก็มาแย่งชิงด้วย
อี้เฉินเฟยยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
เซียวหยู่เซวียนข่มกลั้นลมในท้อง ดวงตาทั้งสองจ้องชายงามสองคนในอ้อมแขนกู้ชูหน่วนอย่างโหดเหี้ยม แทบอยากจะสับพวกเขาเสีย
เขาไม่สนที่กู้ชูหน่วนโปรยเงิน แต่เขาถือสาที่กู้ชูหน่วนมองชายงามเหล่านั้นอย่างมักมาก ราวกับคนบ้ากามผู้หนึ่ง
ที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าก็คือ ผู้ชายเหล่านั้นยังคิดยื่นมือไปยั่วเย้านาง
ให้ตายเถิด
ข้าทนไม่ไหวแล้ว
“ปัง…” เสียงดังขึ้น เซียวหยู่เซวียนตบโต๊ะอย่างแรง เจ็บจนเขาหน้าตาเหยเก
แต่เขาข่มกลั้นไว้ ก่อนตวาดเสียงดัง “ไปๆๆ ไสหัวไปให้หมด”
ทุกคนมองเขากันให้ควั่ก ไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไร
เป่ามารู้สึกตัวเป็นผู้แรก รีบพูดไกล่เกลี่ย “คุณชายเซียว ในหอมีคนงามเลิศล้ำมาใหม่หลายคน ข้าให้พวกนางมาอยู่เป็นเพื่อนท่านดีหรือไม่”
“ไม่ต้อง เจ้าให้ผู้ชายพวกนั้นไสหัวไปให้หมด ห้ามเข้าใกล้นาง”
เซี่ยวอวี่พูดไปพลางขับไล่ไปพลาง
กู้ชูหน่วนแบะปาก “เสี่ยวเซวียนเซวียน เจ้าทำเช่นนี้ทำให้คนงามของข้าตกอกตกใจหมดแล้ว”
“ไสหัวไป”
ชายงามทั้งหมดมองกู้ชูหน่วนอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ถึงขั้นว่ามีบางคนน้ำตาหยดติ๋งๆ
กู้ชูหน่วนให้เงินพวกเขาอีกคนละหมื่นตำลึงอย่างตรงไปตรงมา แล้วพูดปลอบ “เด็กดี ครั้งหน้า แม่ทูลหัวจะมาหาพวกเจ้าอีก”
หนึ่งคนหนึ่งหมื่นตำลึงอีกแล้ว
ชายงามเหล่านั้นล้วนดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง แทบอยากจะกอดขากู้ชูหน่วนเอาไว้ให้แน่น แต่ก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของนางกับคุณชายเซียวเกรงว่าจะไม่ธรรมดา จึงได้แต่จากไปอย่างอาลัย
เหล่าแม่นางในหอริษยาแทบตายแล้ว
ในอดีตผู้ที่หาเงินล้วนเป็นพวกนาง แต่ตอนนี้ พวกเขาปรนนิบัติเพียงเล็กน้อยอย่างลวกๆ คนหนึ่งก็ได้ไปสองหมื่นตำลึงแล้ว พวกนางเหนื่อยยากมากี่ปี ยังหาเงินได้ไม่ถึงสองหมื่นตำลึงเลย
กู้ชูหน่วนเอียงศีรษะมองเซียวหยู่เซวียนเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “เช่นนี้เจ้าพอใจแล้วหรือยัง?”
เซียวหยู่เซวียนร้องเฮอะอย่างเย่อหยิ่ง
กู้ชูหน่วนหยิบกาสุราขึ้นมา แหงนหน้ากรอกเข้าปาก ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ไม่รู้ใครบอกว่าจะฉลองให้ข้า มีสุราแต่ไร้คนงาม ช่างไร้รสชาตินัก”
“เจ้าตาบอดหรือ? หน้าตาพวกเราสองคนด้อยกว่านายโลมในหอโคมเขียวอู๋โยวหรือไร?”
กู้ชูหน่วนพยักหน้าทำแสร้งว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ “พี่เพิณเฟย เจ้าดีดพิณเป็นไหม?”
“พอรู้อยู่บ้าง”
“เช่นนั้นขอให้เจ้าดีดสักบทเพลงเพิ่มความสนุกสนานได้หรือไม่?”
“ความกรุณาของคุณหนูสาม ผู้แซ่อี้เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
“เชื่อฟังถึงเพียงนี้?” กู้ชูหน่วนดึงแขนเสื้อเขา แล้วหัวเราะร่า “แล้วเจ้าเต้นรำเป็นหรือไม่ การเต้นรำแบบร้อนแรงอะไรเช่นนั้นน่ะ”
เซียวหยู่เซวียนลูบหน้าผาก
สายฟ้าฟาดข้าให้ตายไปเสียเถิด
เขารู้จักสตรีหน้าไม่อายเช่นนี้ได้อย่างไร
อี้เฉินเฟยบุคคลมีชื่อเสียงแห่งสำนักหรูเจีย ผู้ที่ให้ความสำคัญกับคุณธรรม มารยาท ปัญญา ความน่าเชื่อถือเป็นที่สุด ยัยขี้เหร่กลับพูดเรื่องไม่ถูกต้องเช่นนี้ออกมา…
เขาไม่กล้าจินตนาการแล้วว่าสีหน้าของอี้เฉินเฟยจะดำคล้ำเช่นไร
เซียวหยู่เซวียนรออี้เฉินเฟยบันดาลโทสะ คิดไม่ถึงว่าอี้เฉินเฟยจะเพียงยิ้มบางแล้วพูด “คุณหนูสามอยากดูใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ว่านอกจากคุณหนูสามแล้ว คนอื่นๆเกรงว่าจะไม่มีสิทธิ์ดูการเต้นรำร้อนแรงของผู้แซ่อี้”
“ให้ตาย อี้เฉินเฟย เจ้าใช่คุณชายสามแห่งสำนักหรูเจียหรือ? เจ้าพูดเช่นนี้ ไม่อับอายหรือ? สิ่งที่สำนักหรูเจียของพวกเจ้าร่ำเรียนไปไหนเสียหมดแล้ว?”
“คุณชายเซียว ข้าเป็นศิษย์สำนักหรูเจีย หาใช่ศิษย์วัดเส้าหลิน”
ประโยคง่ายๆสบายๆหนึ่งประโยค ทำเอาเซียวหยู่เซวียนสำลักจนพูดไม่ออกไปค่อนวัน ได้แต่ถลึงตาใส่อี้เฉินเฟยด้วยความโมโห
“ยัยขี้เหร่ ชายผู้นี้ชั่วร้ายยิ่งนัก เจ้าอยู่กับเขาให้มันน้อยๆหน่อย จากที่ข้าดู เขาคงเห็นแก่สมบัติของเจ้าถึงได้ติดตามเจ้าอย่างหน้าด้านไร้ยางอาย”
กู้ชูหน่วนจิ้มหน้าผากเขาอย่างขบขัน
“เจ้าโง่หรือ หากเขาทำเพื่อของนั่นจริง เหตุใดถึงยอมแพ้ในรอบชิงชนะเลิศงานชุมนุมแข่งขันบทกวีเล่า”
“ถึงอย่างไรเขาก็ต้องวางแผนชั่วร้ายไว้แน่”
ฟังบทสนทนาของพวกเขา ในกลุ่มคนมีคนส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ
“สวรรค์ ข้ารู้สึกอยู่ตลอดว่าชายที่อยู่ข้างคุณชายเซียวดูคุ้นๆ แต่คิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าเขาเป็นใคร คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นเซียนกวีอี้เฉินเฟย”
“อะไรนะ เขาคือเซียนกวีอี้เฉินเฟยงั้นหรือ? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร…อี้เฉินเฟยไม่ใช่คุณชายสามสำนักหรูเจียหรือ? เขาจะมาเที่ยวเล่นในที่สกปรกอย่างหอโคมเขียวอู๋โยวนี้ได้อย่างไร?”