กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเย็นชา
ไทเฮาเช่นนี้คือยิ่งปกปิดความจริงก็ยิ่งเผยออกมาอย่างชัดแจ้งหรือ?
หากว่าหยกชิ้นนี้ธรรมดาขนาดนี้จริงๆ เช่นนั้นนางจะร้อนใจอะไร?
ฮ่องเต้องค์ก่อนประทานให้องค์หญิงตังตังก็ไม่ได้มีสิ่งของเพียงชิ้นเดียว ในเงินตำลึงของนางที่องค์หญิงตังตังได้คืนให้ มีสิ่งของหลายสิ่งที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทิ้งไว้ให้นางเชียวนะ
กู้ชูหน่วนไม่ได้พูดจา
เหมือนว่าไทเฮาจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ยิ้มและกล่าว “แน่นอน ข้าจะไม่เอาเปล่าๆ ไม่ใช่ว่าตังตังแพ้เจ้าอยู่เป็นเงินสิบเอ็ดล้านตำลึงหรือ? ข้าจะแลกหยกเสี้ยวจันทร์กับเจ้าด้วยเงินยี่สิบสี่ล้านตำลึง”
ตื้ด…….
ทั้งเหตุการณ์ล้วนเป็นการสูดหายใจด้วยความตกใจ
ยี่สิบสี่ล้านตำลึง……..
นี่ก็ช่างมากเกินไปแล้วล่ะมั้ง?
องค์หญิงตังตังกระโดดขึ้นมาโดยตรง “เสด็จแม่ หยกเสี้ยวจันทร์อันหนึ่งเท่านั้น คุ้มค่ากับเงินยี่สิบสี่ล้านตำลึงที่ไหนกันเพคะ”
ไทเฮาตะคอกตำหนิ “เจ้าจะรู้เรื่องอะไร นั้นเป็นถึงของขวัญที่ฮ่องเต้องค์ก่อนมอบให้”
“แต่ว่า…….”
องค์หญิงตังตังยังอยากจะพูดอะไรอีก สีหน้าของไทเฮาไม่พอใจขึ้นมาทันที ในแววตานั้นเห็นการเตือนอย่างชัดเจน องค์หญิงตังตังตกใจจนไม่กล้าพูด
นางไม่เข้าใจจริงๆ
แค่หยกชิ้นเดียว ต้องร้อนใจขนาดนั้นเชียวหรือ?
หยกร้ายๆชิ้นนั้น นางอยากโยนทิ้งไปตั้งนานแล้ว
เซียวหยู่เซวียนตกใจมากจนเกือบกระโดดขึ้นมา พยายามดึงแขนเสื้อของกู้ชูหน่วนอย่างแรง กล่าวอย่างรีบร้อย “ยัยขี้เหร่ เจ้ายังจะตะลึงอะไรอยู่ รีบตอบรับสิ ยี่สิบสี่ล้านตำลึง ไม่น้อยแล้ว”
กู้ชูหน่วนสะบัดมือของเขาออก
ไม่กลัวคู่ต่อสู้เหมือนกับเทพเซียน กลัวเพียงเพื่อนร่วมขบวนที่เหมือนหมู คำพูดนี้ไม่ผิดสักนิด
ยิ่งไทเฮาร้อนใจ ก็พิสูจน์ได้ว่าหยกชิ้นนี้ยิ่งไม่ธรรมดา
ถ้าหากเป็นเพียงความสงสัยก่อนหน้านี้ เช่นนั้นตอนนี้ นางก็มั่นใจได้ว่าหยกเสี้ยวจันทร์ชิ้นนั้นไม่ธรรมดา
กู้ชูหน่วนหัวเราะอยู่นาน แสร้งทำเป็นกลุ้มใจ “ไทเฮา พระองค์ตรัสมาขนาดนี้แล้ว ตามหลักหม่อมฉันควรเอาหยกเสี้ยวจันทร์คืนให้พวกท่าน แต่หยกชิ้นนั้นหม่อมฉันยิ่งมองก็ยิ่งชอบ ตัดใจไม่ได้จริงๆเพคะ”
องค์หญิงตังตังชี้หน้านางแล้วด่า “กู้ชูหน่วน เจ้าอย่าไว้หน้าแล้วไม่เอาหน้า เงินยี่สิบสี่ล้านตำลึงนะ เจ้ายังกล้ารังเกียจอีก?”
“คำพูดนี้ขององค์หญิงก็แปลกแล้วเพคะ หยกเสี้ยวจันทร์เป็นข้าที่ชนะมาได้ เช่นนั้นเจ้าของของมันในตอนนี้ก็เป็นข้า ข้าอยากเปลี่ยนกับพวกท่านก็เปลี่ยน ไม่อยากเปลี่ยนกับพวกท่าน ข้าก็ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดนี่เพคะ? หรือว่าฐานะของพวกท่านสูงส่งกว่าข้า ก็สามารถที่จะบังคับให้ข้าเปลี่ยนกับพวกได้แล้วงั้นหรือเพคะ?”
องค์หญิงตังตังกระทืบเท้า “เสด็จแม่ ข้าบอกแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่นางจะยอมคืนหยกเสี้ยวจันทร์ให้พวกเราง่ายๆเป็นแน่เพคะ ผู้หญิงคนนี้ก็คือคนปลิ้นปล้อนผู้หนึ่ง ปลิ้นปล้อนอย่างไม่มีเส้นตายเพคะ”
ไทเฮายั้งอารมณ์สีหน้าไว้ไม่ได้แล้ว ขยับริมฝีปากสีแดงของนางเล็กน้อย “เงินสามสิบหกล้านตำลึง ข้าเสนอราคาเป็นเงินสามสิบหกล้านตำลึง แลกหยกชิ้นนี้กับเจ้า”
ตื้ด…….
คนของราชวิทยาลัยตกตะลึงอีกครั้งแล้ว
แม้แต่เย่เฟิงและซ่างกวนฉู่กับคนอื่นๆก็ใช้สายตาที่แตกต่างไปมองดูไทเฮา
เงินสามสิบหกล้านตำลึงแลกหยกชิ้นหนึ่ง?
ไม่ว่าเบื้องหลังหยกชิ้นนี้จะมีความหมายอะไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีค่าเป็นเงินสามสิบหกล้านตำลึง
องค์หญิงตังตังรู้สึกเพียงแค่เสด็จแม่ของตัวเองเสียสติไปแล้ว
หยกชำรุดชิ้นหนึ่ง นางอยากทิ้งตั้งนานแล้ว ใส่ไว้บนตัวไม่กี่ปีมานี้ ถูกองค์หญิงลูกคุณหนูคนอื่นๆหัวเราะเยาะไม่น้อย ตอนนี้กลับต้องจ่ายเงินมากขนาดนี้ไปแลก
นางยิ่งคิดก็ยิ่งขาดทุน
เซียวหยู่เซวียนร้อนใจจะตายอยู่แล้ว “ยัยขี้เหร่ พอประมาณก็หยุดเถอะ สามสิบหกล้านตำลึง เจ้าก็ได้กำไรมากมายแล้ว”
หลิวเยว่ อวี่ฮุย รวมถึงทุกคนในวิทยาลัยล้วนร้อนใจแทนนาง
กลัวเพียงกู้ชูหน่วนยังลังเลอีก ไทเฮาจะกลับคำแล้ว
แต่บังเอิญกู้ชูหน่วนที่เป็นคู่กรณีก็ไม่ได้ร้อนใจแม้แต่น้อย มีความเกียจคร้านบนใบหน้า ทั้งยังส่ายศีรษะอยู่บ่อยๆอีก “เงินสามสิบหกตำลึง ไม่น้อยจริงๆ แต่ว่า…….งานชุมนุมแข่งขันบุ๋นเมื่อวาน ข้าชนะได้เงินไม่น้อย ตอนนี้ก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินขนาดนั้น หยกชิ้นนั้นข้าก็ชอบมากจริงๆ มีความสับสนเล็กน้อยนะสิ”
“เงินสี่สิบล้านตำลึง”
ตื้ด…….
เงินสี่สิบล้านตำลึง…….
โอ้สวรรค์……
ไทเฮาเสียสติไปแล้วหรือ?