ยังมีอีก ประโยคครึ่งท่องหลังของเขาหมายความว่าอะไร?
กู้ชูหน่วนเหลือบตาขึ้น สังเกตอาจารย์ใหญ่ อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก แต่กลับเห็นว่าบนใบหน้าของอาจารย์ใหญ่แขวนไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน และไม่ได้มีอะไรต่างไป
เพียงแต่ขณะที่มองไปที่เย่เฟิง ในดวงตาที่แก่ชราคู่นั้นมีร่องรอยแห่งความเจ็บปวดแวบผ่าน ยื่นมืออันเหี่ยวย่นออกมาด้วยความสั่นเทา หยิบไข่มุกอุ่นจิตออกมาจากหน้าอก ส่งไปในมือของเย่เฟิง
กระทั่งลูบศีรษะของเขาด้วยความรักความห่วงใย กล่าวด้วยความสงสารว่า “เด็กผู้น่าสงสาร ที่ผ่านมาเจ้าจะต้องได้รับความลำบากอย่างมากเป็นแน่ พวกเราไม่กลัว เข้าวิทยาลัยแล้ว เจ้าก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดายอีกแล้ว”
กู้ชูหน่วนหรี่ตา
คาดเดาความหมายในคำพูดของอาจารย์ใหญ่
คนในวิทยาลัยทั้งหมดก็ตกใจกันทั้งหมด
คาดไม่ถึงว่าอาจารย์ใหญ่จะมอบไข่มุกอุ่นจิตให้กับเย่เฟิง…….
ไข่มุกอุ่นจิตเป็นของศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงเชียว เพียงแค่ขยับไข่มุกอุ่นจิต ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใด ก็สามารถหายสนิทได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นที่สุด
ใต้หล้านี้มีไข่มุกอุ่นจิตเพียงแค่สองเม็ดเท่านั้น เม็ดหนึ่งอยู่ในมือของฮองเฮาแคว้นฉู่ เม็ดหนึ่งอยู่ในมือของอาจารย์ใหญ่
โดยปกติแล้วอาจารย์ใหญ่จะหวงแหนไข่มุกอุ่นจิตมาก ไม่เคยหยิบออกมาอย่างง่ายดาย คนอื่นอยากดูแวบหนึ่งก็เป็นเรื่องยาก แต่ตอนนี้กลับมอบให้คนผู้หนึ่งที่เคยพบหน้ากันแค่ครั้งเดียวอย่างง่ายดาย
นี่…….
นี่ก็ช่างใจกว้างไปแล้วนะ
อาจารย์สวีกล่าวเตือน “อาจารย์ใหญ่ นี่เป็นไข่มุกอุ่นจิตเชียวนะขอรับ ท่านหยิบผิดไปแล้วหรือไม่”
“ข้ายังไม่ได้แก่จนเลอะเลือนนะ”
มือที่ถือไข่มุกอุ่นจิตของเย่เฟิง ราวกับมีน้ำหนักห้าร้อยกิโลกรัม
เขาเงยหน้าขึ้น กลับเห็นอาจารย์ใหญ่ในชุดคลุมขาวทั้งตัว ผมขาวโพลนผ่านบนไหล่ไปอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน และไม่มีการคิดเล็กคิดน้อยแม้สักนิด มีเพียงความสงสารอย่างสุดหัวใจเท่านั้น
เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น ก้นบึ้งหัวใจที่สงบนิ่งของเขา ราวกับถูกก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนโยนหนึ่งลงไป ไม่สามารถสงบลงได้เป็นเวลานาน
ความเป็นห่วงเป็นใยที่ไม่ได้พบเจอมานานชนิดนี้ ในช่วงชีวิตของเขาแทบจะไม่เคยปรากฏขึ้น
“ไข่มุกอุ่นจิตล้ำค่าเกินไปขอรับ เย่เฟิง……ไม่สามารถรับไว้ได้ขอรับ”
เขาเอาไข่มุกอุ่นจิตคืนให้อาจารย์ใหญ่
“ก็เพียงแค่ไข่มุกอุ่นจิตเม็ดเล็กๆแค่นั้น ถือว่าเป็นของขวัญในการพบหน้ากันที่ข้ามอบให้เจ้า”
อาจารย์ใหญ่ผลักไข่มุกอุ่นจิตกลับไป กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าก็ทำเหมือนวิทยาลัยเป็นบ้านของตัวเอง หากว่ามีคนรังแกเจ้า เจ้ามาหาข้าได้ตลอดเวลา ปู่จะแก้แค้นแทนเจ้า”
ร่างกายของเย่เฟิงสั่นเทา
คนอื่นกลับตกใจขึ้นมาแล้ว “ปู่? หรือว่าอาจารย์ใหญ่จะรับเขาเป็นหลานชายงั้นหรือ?”
“โอ้สวรรค์ วาสนาของเย่เฟิงจะดีเกินไปแล้วนะ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้อาจารย์ใหญ่รับเขาเป็นหลานชายได้ ทำไมข้าถึงไม่มีวาสนาที่ดีเช่นนี้บ้าง”
กู้ชูหน่วนกล่าวพึมพำ “ท่านผู้เฒ่า ท่านก็ลำเอียงเกินไปแล้วล่ะมั้ง ที่หนึ่งของงานชุมนุมแข่งขันบุ๋นเป็นข้านะ ทำไมไม่เห็นท่านจะมอบของขวัญในการพบหน้าอะไรให้ข้าสักนิดเลยล่ะ”
“คุณหนูสามพูดติดตลกแล้ว เมื่อครู่ข้าไม่ได้มอบประโยคหนึ่งให้ท่านแล้วหรือ?”
“…….”
ก็แค่คำพูดไร้สาระประโยคหนึ่ง ความหมายคืออะไรนางก็ล้วนไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
เทพหมากกระดานหยิบหมากรุกสีขาวดำธรรมดาๆออกมาจากในหน้าอกกระดานหนึ่ง ทำมือเคารพยืนไปด้านหน้าของกู้ชูหน่วน กล่าวอย่างจริงจัง “อาจารย์ หมากรุกตัวนี้เป็นหมากรุกตัวแรกที่ข้าใช้ตอนเรียนหมากรุกครั้งแรก มีความหมายลึกล้ำต่อข้า ข้าเอามันมอบให้ท่าน”
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาว
นางจะเอาหมากรุกของเขาไปทำอะไร?
สามารถกินเป็นอาหารได้หรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น รับหมากรุกของเขาแล้ว ไม่แน่ว่าจะต้องโดนเขาตามตื๊อจนกลายเป็นอะไรอีก
“ข้าขอบใจท่านละกันนะ แต่ข้าเลิกเล่นหมากรุกแล้ว หมากรุกของท่านก็เก็บไว้เองเถอะ”
“อาจารย์ ท่านจะเลิกเล่นหมากรุกได้อย่างไรล่ะ เล่นหมากรุกคือ…….”
“หยุดหยุด ข้าปวดหัว”
“เช่นนั้นจะไปหาหมอเดี๋ยวนี้”
พูดแล้ว ก็ไม่ได้รอให้กู้ชูหน่วนตอบสนอง เทพหมากกระดานก็วิ่งออกไปหาหมอแล้ว
บรรดาผู้คนต่างพากันอิจฉากู้ชูหน่วน
แต่กู้ชูหน่วนกลับจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง
“อาจารย์ใหญ่……” มุมปากของเย่เฟิงขยับแล้วขยับอีก อยากจะพูดอะไรหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
อาจารย์ใหญ่ตบไหล่ของเขา ถอนใจอย่างห่อเหี่ยว “เจ้าเป็นเด็กดี สวรรค์จะดูแลเอาใจใส่เจ้า หากว่าเจ้าไม่รับไข่มุกอุ่นจิต เช่นนั้นก็เป็นการดูถูกข้าคนแก่ผู้นี้แล้ว”