“ข้ามีความชอบอย่างหนึ่ง ข้าชอบบีบบังคับคนอื่นเป็นนิสัย”
“……”
กู้ชูหน่วนรู้สึกว่า เย่จิ่งหานมีความบิดเบือนทางจิตใจ
เขาไม่กลัวว่าจะโดนสวมเขา แล้วนางจะกลัวทำไม
เย่จิ่งหานกวาดตามองผู้คนในหอโคมเขียวอู๋โยวอย่างเย็นชา หยุดอยู่บนตัวระหว่างอี้เฉินเฟย เย่เฟิงและเซียวหยู่เซวียนนานกว่าคนอื่น จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “นำตัวลงไป”
“เจ้า……เจ้าจะบ้าอำนาจแบบนี้ไม่ได้นะ ยัยขี้เหร่ไม่ใช่ของส่วนตัวของเจ้า”
เซียวหยู่เซวียนปากสั่น แต่กลับขวางอยู่ตรงหน้ากู้ชูหน่วนไม่ไปไหน
อี้เฉินเฟยหัวเราะแล้วพูดว่า “ท่านเทพสงคราม ในเมื่อข้าตกลงอยู่กับคุณหนูสามเจ็ดวัน ในเจ็ดวันนี้ก็ต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของนาง”
“ทำไม……สำนักหรูเจียอยากเป็นศัตรูกับข้างั้นเหรอ?” เย่จิ่งหานไม่สนใจเซียวหยู่เซวียน และเลิกคิ้วมองอี้เฉินเฟยด้วยสายตาแหลมคม
“ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องนางแม้แต่ปลายเส้นผม ไม่เพียงแค่สำนักหรูเจียหรอกนะ ทั้งแคว้นจ้าวก็ไม่มีทางตกลงด้วย” อี้เฉินเฟยหัวเราะ และรอยยิ้มนั้นกลับเต็มไปด้วยการตักเตือน
อุณหภูมิโดยรอบลดลงทันที รอบด้านเต็มไปด้วยกองไฟที่ลุกโชน
ทุกคนในหอโคมเขียวอู๋โยวก็รู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น ถูกกดขี่จนหายใจไม่ออก
เทพสงครามดูแข็งแกร่งก็ช่างเถอะ แต่ชายที่อ่อนโยนดั่งเทพบุตร ทำไมถึงดูแข็งกร้าวขนาดนี้ล่ะ
อี้เฉินเฟยกับเย่จิ่งหานเผชิญหน้ากัน สามารถสู้กันได้ทุกเมื่อ กู้ชูหน่วนก็รีบเอ่ยปากพูดขึ้น
“พี่เฉินเฟย เจ้าวางใจเถอะ เขาไม่ทำอะไรข้าหรอก พรุ่งนี้ข้าค่อยมาหาเจ้านะ”
อี้เฉินเฟยครุ่นคิดแล้วมองดูกู้ชูหน่วน ในที่สุดก็ลดความเดือดดาลลง แล้วพยักหน้า
เซียวหยู่เซวียนไม่วางใจให้กู้ชูหน่วนตามเขาไป เขาพูดไม่เต็มเสียงว่า “ท่านเทพสงคราม แม้เจ้าจะมีอำนาจมากแค่ไหน ตระกูลเซียวของเราก็ไม่กลัวเจ้าหรอก ถ้าเจ้าริอ่านแตะต้องยัยขี้เหร่ ข้า……ตระกูลเซียวของเราจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่”
“เจ้ากล้าก็ลองดูสิ”
“เจ้า……”
กู้ชูหน่วนกุมขมับ แม้ตระกูลเซียวจะแกร่งแค่ไหน เย่จิ่งหานก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้คนอื่นรังแกได้ง่ายๆ ขนาดฮ่องเต้เขายังไม่เอาไว้ในสายตาเลย ยิ่งเป็นแค่แม่ทัพอาวุโสเซียวอีก
นางกลัวเซียวหยู่เซวียนจะพูดอะไรจนทำให้เขาโกรธอีก ก็เลยรีบพูดไปว่า “เสียวเซวียนเซวียน เจ้ายังไม่เชื่อใจข้าอีกเหรอ? ดึกมากแล้ว พวกเราเจอกันที่วิทยาลัยพรุ่งนี้นะ พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาคุยกันใหม่”
“เสียวเซวียนเซวียน? เสี่ยวเฟิงเฟิง?”
เย่จิ่งหานปล่อยสัญญาณอันตรายออกมาไป ใครดูก็รู้ว่า เขาโกรธมาก และผลที่ตามมาก็หนักมากด้วย
แต่กู้ชูหน่วนกลับไม่สนใจเขา ชี้ไปยังทุกคนที่กำลังคุกเข่าด้วยเนื้อตัวอันสั่นเทา
“เรื่องของพวกเราสองคน กลับไปคุยกันที่บ้านได้ไหม ดูเจ้าสิ ทำคนทั้งห้องกลัวไปหมดแล้ว”
“กลับจวน”
กลับจวนแค่คำเดียว ทหารซ้ายขวาสองข้างก็รีบกลับเข้าแถว
ด้านหน้าหลังและซ้ายขวาของกู้ชูหน่วนมีแต่คนมีฝีมือเก่งๆ แม้นางจะติดปีกก็หนีไม่รอด
บอกว่ากลับจวน บอกว่าจับนางกลับจวนยังจะดีกว่าอีก
ชิงเฟิงและเจี่ยงเสวียตัวสั่น
ท่านอ๋องได้ยินว่าคุณหนูสามกู้มาเที่ยวสำราญในหอโคมเขียวอู๋โยว สวมเขาให้เขาอย่างเปิดเผย โกรธจนบีบแก้วชาจนแตกละเอียด
พวกเขาคิดว่าท่านอ๋องคงไม่ปล่อยคุณหนูกู้สามไปง่ายๆแน่
ไม่คิดว่า คุณหนูสามกู้บอกกลับจวน ท่านอ๋องก็กลับจวนจริงๆ?
นี่ยังเป็นท่านอ๋องที่ฆ่าใครโดยไม่ลังเล เลือดเย็นอำมหิตคนนั้นไหม?
เซียวหยู่เซวียนอยากจะวิ่งตามออกไป
อี้เฉินเฟยรีบจับแขนเขาไว้ “อ๋องหานแค่โกรธ แต่ไม่คิดฆ่าใคร ถ้าเจ้าตามไปอีก คนที่ตายไม่ใช่คุณหนูสามกู้ แต่จะเป็นเจ้า”
“แต่ยัยขี้เหร่สวมเขาให้เขาขนาดนี้ เขา……นิสัยดีขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
ไหนว่าเทพสงครามอารมณ์ขึ้นๆลงๆ โหดเหี้ยมอำมหิตเกินใครไงล่ะ?
“ข้าเชื่อ นางไม่ทำให้ตัวเองอยู่ในที่อันตรายหรอก” ชีวิตของคนทั้งเผ่าอยู่ในกำมือของนาง นางจะกล้าทำให้ตัวเองเกิดเรื่องได้ยังไง
“นั่นสิ ยัยขี้เหร่ฉลาดเป็นกรด ไม่ถูกรังแกง่ายๆหรอก” แต่คนคนนั้นกลับเป็นเทพสงคราม เขาไม่ไว้ใจน่ะสิ
เย่เฟิงมองดูแผ่นหลังของพวกเขาอย่างครุ่นคิด สายตาที่เย็นชานั้นประกายไปด้วยความสับสน สักพักใหญ่ เขาก็ออกจากหอโคมเขียวอู๋โยว
เทพสงครามไปแล้ว ทุกคนในหอโคมเขียวอู๋โยวก็รู้สึกเหมือนเหงื่อท่วมไปทั่วร่างกาย
เมื่อกี้ พวกเขาคิดว่าตัวเองจะตายแล้วเสียอีก
“เมื่อกี้เขาคือท่านอ๋องหานเทพสงครามฆ่าคนตาไม่กะพริบ เลือดเย็นอำมหิตจริงเหรอ? ไหนว่าเขาป่วยออดแอดไง? ทำไมดูยังแข็งแรงอยู่เลย?”
“ทั่วใต้หล้านี้มีใครกล้าปลอมเป็นท่านอ๋องหานเทพสงครามอีก? ยิ่งไปกว่านั้นเซียนกวีคุณชายอี้กับคุณชายเซียวเรียกเขาว่าเทพสงคราม ทั้งสองมีตำแหน่งที่ใหญ่โต จะจำคนผิดได้ยังไง”
“งั้นผู้หญิงข้างกายเขา หรือว่าจะเป็นคุณหนูสามแห่งจวนเฉิงเซี่ยงที่ได้ที่หนึ่งในงานชุมนุมแข่งขันบุ๋น และเป็นว่าที่ภรรยาของเทพสงคราม?”
“ว่าที่ภรรยาของเทพสงครามกล้ามาเที่ยวหอโคมเขียว แล้วยังสวมเขาให้เทพสงครามอีกด้วย ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม……นางไม่กลัวว่าเทพสงครามจะฉีกนางเป็นชิ้นๆเหรอ”
ทุกคนในหอโคมเขียวอู๋โยวต่างก็ลุกฮือกันขึ้นมา
หนึ่งคือ เทพสงครามไม่ค่อยออกมาพบปะใคร ตำนานเกี่ยวกับเขามีเยอะมาก คนที่เคยเห็นเขาแทบจะนับนิ้วได้
สองคือ กู้ชูหน่วนชื่อนี้ดังไปทั่วใต้หล้า ทุกคนต่างก็รู้ว่านางเป็นปราชญ์หญิงที่เก่งที่อยู่ในประวัติศาสตร์ กวีเกี่ยวกับนาง ดังไปทั่วพระนครในข้ามคืนเดียว ทุกบ้านต้องรู้จักนาง
สามคือ ว่าที่ภรรยาของเทพสงครามกล้ามาเที่ยวในหอนายโลมที่มีชายรูปหล่อเต็มไปหมด ยังไม่ทันได้แต่งเข้าบ้านก็สวมเขาให้เขาขนาดนี้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นข่าวอันไหน ก็เพียงพอต่อการที่ทั่วพระนครจะระเบิดเถิดเทิงได้แล้ว
เซียวหยู่เซวียนถาม “อี้เฉิยเฟย ข้าก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี เจ้าว่าพวกเราไปจวนอ๋องหานกันดีไหม ถ้าเกิดเทพสงครามเกิดคลั่งขึ้นมา ฆ่ายัยขี้เหร่จะทำยังไงล่ะ?”
“ไม่ไป”
เทพสงครามจะฆ่าเจ้าตัวเล็ก เมื่อกี้ก็คงลงมือไปแล้ว จะรอให้ถึงกลับจวนทำไม
“เป็นไปตามที่คิดเลย นอกจากข้าแล้ว พวกเจ้าไม่มีใครเป็นห่วงยัยขี้เหร่เลย”
คืนนี้เรื่องในหอโคมเขียวอู๋โยวน่าตกใจอย่างมาก และแน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องนินทาใหม่ในพระนคร
ภายในจวนอ๋องหาน
เทพสงครามนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก ด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียยืนประกบอยู่สองข้าง ไม่กล้าหายใจเสียงดังด้วยซ้ำ
ชิวเอ๋อร์ตัวสั่นเทา ใบหน้าซีดเซียว
มีเพียงกู้ชูหน่วนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้โดยไม่หวงกิริยา เอียงหัวนอน เสียงหายใจถี่ของนางนั้นทุกคนในจวนคงได้ยินกันหมด
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียหมดคำจะพูดแล้ว
นางตาบอดหรือไง? ไม่เห็นเหรอว่าท่านอ๋องกำลังโกรธอยู่น่ะ? ตามนิสัยของท่านอ๋องแล้ว กู้ชูหน่วนคงตายไปไม่รู้กี่หนแล้วล่ะ
ชิวเอ๋อร์แอบชักแขนเสื้อของกู้ชูหน่วนเบาๆ ร้อนรนจนเหมือนมดน้อยในกระทะทองแดง แต่คุณหนูของนางกลับนอนหลับสบายใจเฉิบ ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น
เย่จิ่งหานแสยะยิ้ม ดีดนิ้วเสียงดัง
เจี่ยงเฟิงพยักหน้า แล้วพูดว่า “ชิวเอ๋อร์เป็นสาวใช้คนสนิท กลับปล่อยให้เจ้านายออกไปเที่ยวหอนายโลม อยู่กับผู้ชายโสด นี่คือความไม่ซื่อสัตย์ บ่าวที่ไม่ซื่อสัตย์ ตามกฎของจวนแล้ว สมควรแก่การลากไปบำเรอพวกทหาร”
ชิวเอ๋อร์ได้ยินแล้วก็ทรุดลงบนพื้น รีบคุกเข่าคารวะ “ขอท่านอ๋องโปรดเมตตา ท่านจะลงโทษข้าน้อยยังไงก็ได้ ขอแค่ท่านอ๋องอย่า……อย่าให้บ้าไปบำเรอใครเลย”
“นำตัวลงไป” เจี่ยงเสวียออกคำสั่งเสียงแข็ง
“คุณหนู……คุณหนูช่วยด้วยเจ้าค่ะ”
ที่นี่เสียงดังเกินไป กู้ชูหน่วนสะดุ้งตื่นทันที
นางรีบลุกขึ้นเตะคนที่ลากชิวเอ๋อร์ด้วยท่าจระเข้ฟาดหาง แล้วตะโกนว่า “ใครกล้าแตะต้องนาง”