เซียวหยู่เซวียนกล่าวอย่างสั่นๆ “ยัยขี้เหร่ หากว่ามีเพียงข้าอยู่ในห้องกับเทพหมากกระดาน เจ้าจะช่วยข้าโกงยังไง?”
“แม้แต่ห้องข้าก็เข้าไปไม่ได้ จะช่วยเจ้าโกงได้ยังไง? เดินเองสิ”
เซียวหยู่เซวียนแทบอยากจะเป็นลมตาย
เขายังคิดว่ายัยขี้เหร่ได้วางแผนการการเดินหมากข้างหลังไว้แล้วซะอีก จะแอบชี้แนะเขา คิดไม่ถึงว่าจะให้เขาเดินเองจริงๆ
อะไรเขาก็ไม่เข้าใจ เดินกับผีน่ะสิ
“ไทเฮาเพคะ เซียวหยู่เซวียนไม่เข้าใจหลักการหมากรุก ให้เวลาข้าสอนเขาสักสิบนาทีได้หรือไม่เพคะ”
“ได้”
ไทเฮาก็ตอบรับโดยตรง
เพียงแค่สิบนาที นางไม่เชื่อว่ากู้ชูหน่วนยังจะสามารถสอนคนที่ไม่เข้าใจศิลปะหมากรุกโดยสิ้นเชิงให้กลายเป็นปรมาจารย์ได้
ไม่มีใครรู้ว่ากู้ชูหน่วนกับเซียวหยู่เซวียนแอบพูดอะไรกันบ้างตรงที่ไกลๆ เห็นเพียงขณะที่เซียวหยู่เซวียนกลับมามีใบหน้ากลัดกลุ้มใจ
หลิวเยว่กล่าวอย่างร้อนใจ “พี่ใหญ่ ท่านเรียนเข้าใจแล้วหรือ?”
เซียวหยู่เซวียนเกาหัว “ซับซ้อนเกินไปแล้ว ฟังไม่ค่อยเข้าใจ”
ทุกคนหัวเราะฮ่าๆยกใหญ่
อาจารย์ในวิทยาลัยตั้งมากมายขนาดนั้นสอนมาตั้งนาน เซียวหยู่เซวียนล้วนฟังไม่เข้าหู กู้ชูหน่วนเพิ่งจะสอนได้ครู่เดียว เขายังจะชนะเทพหมากกระดานได้งั้นเชียวหรือ
ได้ยินคำพูดนี้ ไทเฮาและองค์หญิงตังตังก็วางใจแล้ว
แต่ไทเฮายังคงถามไปทางอาจารย์ใหญ่อย่างถ่อมตัว “อาจารย์ใหญ่คิดว่า รอบนี้ของข้าจะแพ้หรือว่าชนะล่ะ?”
“ทักษะหลักการเดินหมาก รู้ผลก็ไม่สนุกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อการสิ้นเปลืองแรงคิดคำนวณการแพ้ชนะของการเดินหมากรอบเล็กๆนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นการไม่คุ้มค่าหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ ไทเฮาลองดูไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
ความหมายนอกเหนือคำพูดของอาจารย์ใหญ่ก็คือการปฏิเสธแล้ว
อาจารย์ใหญ่เป็นราชครูของแคว้นเย่ และเป็นอาจารย์ใหญ่ของราชวิทยาลัย แม้ว่าจะเป็นราชครูก็ต้องไว้หน้าเล็กน้อย ยิ่งไปว่านั้นดูจากภายนอก ก็เป็นการเดิมพันที่ไม่ได้สำคัญอะไร อาจารย์ใหญ่ปฏิเสธก็สมเหตุสมผล ไทเฮาจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
การเดิมพันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
เซียวหยู่เซวียนและเทพหมากกระดานทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกันในห้องที่สวยงามห้องหนึ่ง ข้างประตูห้องมีคนสนิทของไทเฮาเฝ้าอยู่หนึ่งคน เอาการเดินหมากทุกก้าวของพวกเขารายงานออกมา
ในห้องโถงหลัก ผู้เล่นหมากรุกขาวดำสองคน รายงานการวางตำแหน่งหมากรุกโดยคนสนิทของไทเฮา เริ่มการเดินหมากบนกระดานใหม่ เพื่อให้ทุกคนได้ชม
ในห้องโถงหลัก ทุกคนต่างพากันดูกระดานหมากด้วยความตื่นเต้น
ห้าสิบล้านตำลึงของการเดิมพันครั้งใหญ่ ทั้งชีวิตนี้ก็เกรงจะสามารถเห็นได้เพียงครั้งเดียวแล้ว
พวกเขาอยากดูว่าเซียวหยู่เซวียนจะถูกตีจนแพ้ยับเยินได้อย่างไร
แต่กลับคิดไม่ถึง ว่าจะเป็นเทพหมากกระดานที่โดนจับมัดห้อยแล้วเฆี่ยนตี
หมากที่เซียวหยู่เซวียนวาง ทุกก้าวล้วนสกัดช่องทางของเทพหมากกระดานอย่างไม่อ่อนข้อ แล้วบังเอิญก็ไม่ได้ฆ่าเขาทันที กลับเหมือนแมวหยอกหนูเช่นนั้นแกล้งเขา
ทุกคนล้วนอึ้งตาค้าง
“นี่เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าเซียวหยู่เซวียนไม่เข้าใจหมากรุกหรือ? ทำไมพริบตาเดียวเขาก็เปลี่ยนเป็นเก่งกาจขนาดนี้ได้แล้ว? หรือว่าเขาเหมือนคุณหนูสามกู้เช่นนั้น ทำเป็นโง่เหมือนหมูเพื่อหลอกกินเสือ?”
“เป็นไปไม่ค่อยได้น่ะสิ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเซียวหยู่เซวียนมาตั้งนานแล้ว ยังจะไม่รู้ว่าเขาไม่เข้าใจหมากรุกจริงๆอีกงั้นหรือ?”
“โอ้พระเจ้า คงไม่ใช่ว่าคุณหนูสามกู้ใช้เวลาสิบนาที สอนให้เขากลายเป็นปรมาจารย์หมากรุกผู้หนึ่งแล้วหรอกนะ”
“เวลาสิบนาทีสั้นๆ เกรงว่าเซียวหยู่เซวียนจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะวางหมากรุกอย่างไร แล้วจะชนะเทพหมากกระดานได้อย่างไรกันล่ะ”
สีหน้าขององค์หญิงตังตังดูไม่ได้เป็นที่สุด เดินกลับไปกลับมาด้วยความร้อนใจ แทบอยากจะผลักประตูเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
สีหน้าของไทเฮาก็ไม่ค่อยน่าดูนัก เพราะความกังวลใจจึงได้มีเหงื่อไหลออกมาที่ฝ่ามือ
หากแพ้แล้ว ไม่เพียงเอาหยกเสี้ยวจันทร์กลับมาไม่ได้ ยังจะต้องเสียเงินห้าสิบล้านตำลึงอีก
นั่นเป็นเงินถึงห้าสิบล้านตำลึงเต็มๆเชียวนะ ล้วงบ้านของนางจนเกลี้ยง ก็ไม่แน่ว่าจะมีเงินถึงห้าสิบล้านตำลึงได้
อาจารย์สวีมองไปทางอาจารย์หรงด้วยความตกใจ “เซียวหยู่เซวียนเปลี่ยนเป็นเก่งกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ไม่กี่วันก่อนขณะที่เรียนวิชาทักษะหมากรุก เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่เข้าใจอะไรเลย”
อาจารย์หรงก็มีความสงสัยอยู่เต็มท้องเหมือนกัน