ไม่รอให้ชายหนุ่มตอบกลับ กู้ชูหน่วนลูบคาง กล่าวอย่างสบายๆ “จากความสามารถของเจ้า เจ้าคิดเองว่าอยากตัดแขนขาทั้งสี่ขอข้า ควักดวงตาทั้งคู่ของข้า ตัดหูของข้า เกรงว่าก็ง่ายเหมือนดั่งขยี้มดตัวหนึ่งเช่นนั้นสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจะทำให้เขาลำบากใจทำไม?”
“หรือว่าเขามีความแค้นกับเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงเกลียดเขา? ถุยถุยถุย ดูท่าทางที่ต่ำต้อยของเขา คิดว่าคงไม่กล้าเป็นศัตรูกับเจ้า ให้ข้าเดาดูหน่อย เจ้าน่าจะริษยาเขาสินะ เจ้าริษยาที่เขาหน้าตาดีกว่าเจ้า หรือว่าริษยาที่เขามีชีวิตอยู่ในเผ่าปีศาจได้ดีกว่าเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เห็นเขาเจ็บปวด”
ทุกประโยคของกู้ชูหน่วน ทำให้สีหน้าของเจียงซวี่ก็ยิ่งไม่น่าดูไม่หนึ่งระดับ ความเคียดแค้นในตาก็สมทบขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ดูท่าข้าจะเดาถูกแล้ว” กู้ชูหน่วนกวาดตามองชายหนุ่ม เหมือนจะเสียใจแทนเขา
“ดูเจ้าสิ ติดตามผู้นำผู้หนึ่งที่เป็นอะไรกัน ไม่เช่นนั้นเจ้าละทิ้งความมืดหันมาทางสว่างเถอะ เห็นแก่ฐานะที่เจ้ารับมีดมากมายขนาดนั้นเพื่อปกป้องข้า ข้าจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมแน่นอน”
ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะมองกู้ชูหน่วนสักแวบเดียว เพียงแค่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ
เจียงซวี่หัวเราะขึ้นมาอย่างฉับพลัน “เดาถูกแล้วยังไง ก็เพราะข้าอยากมองดูเขาดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด ไม่ใช่ว่าเขาจิตใจดีงามหรือ? ข้าก็อยากดูซิว่า เพื่อมีชีวิตรอดเขาจะฆ่าเจ้าหรือไม่”
“ข้าบังอาจเดาดูอีกครั้ง เจ้าน่าจะเป็นผู้นำยอดฝีมือออกมาปฏิบัติการทำภารกิจเป็นครั้งแรกสินะ”
“อ๋อ……รู้ได้อย่างไร?”
“เพราะว่าเจ้าพองตัวเกินไป และใช้กำลังส่วนรวมทำประโยชน์เพื่อตัวเองเกินไป ทั้งๆที่เป้าหมายของเจ้าคือข้า แต่เจ้าก็ยังชักช้าไม่สร้างความลำบากให้แก่ข้าสักที แต่กลับบังคับคนผู้หนึ่งที่บาดเจ็บสาหัสชีวิตอยู่ในอันตรายให้สังหารข้า เพียงแค่ไม่ใช่คนตาบอดก็มองออกแล้วน่ะสิ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ยอดฝีมือชุดดำที่สวมหน้ากากหัวกะโหลกหลายคนต่างพากันมองไปทางเจียงซวี่ โดยเฉพาะผู้เฒ่าสองคนที่อยู่ข้างๆเจียงซวี่
ผู้เฒ่าทั้งสองนั่นลมหายใจแผ่วเบา องอาจห้าวหาญน่าเกรงขามกำยำ แค่มองก็คือปรมาจารย์ที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้
สีหน้าของเจียงซวี่เปลี่ยนไปทันที “เจ้าเพ้อเจ้ออะไรน่ะ เขาขัดขืนคำสั่ง ข้าเพียงแค่จัดการคนทรยศแทนหัวหน้ากองธงก็เท่านั้น”
“อ๋อ…….จัดการต่อหน้าข้าที่เป็นคนนอกผู้นี้หรือ?”
“สารเลว เจ้านับว่าเป็นอะไร นึกไม่ถึงว่าจะกล้าสงสัยข้า นิ่งทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบตัดแขนขาทั้งสี่ข้างของนางอีก”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ไม่ยอมลงมืออยู่เป็นเวลานาน กลับพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้เจียงซวี่เกิดโทสะ
“หัวหน้ากองธงบอกเพียงแค่ต้องการกระดิ่งทลายวิญญาณ และไม่ได้……และไม่ได้พูดว่าต้องการเอาชีวิตของนาง”
“ให้คนมา จัดการไอ้คนทรยศไปพร้อมกัน”
กู้ชูหน่วนยกมือขึ้นสาดผงยาพิษกองหนึ่ง ซ้ายหนึ่งขวาหนึ่งลากเซียวหยู่เซวียนและชายหนุ่ม “ไป”
เซียวหยู่เซวียนกล่าวอย่างรีบร้อน “บนหลังคายังมีมือธนูอีกน่ะ”
“ถูกข้าวางยาให้ล้มไปนานแล้ว”
“แม้เจ้า เจ้าไปวางยาให้ล้มตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมข้าไม่รู้”
เซียวหยู่เซวียนยกเท้าก็รีบวิ่งตามนางไป
แต่ชายหนุ่มกลับไม่กระดิกแม้แต่น้อย ปล่อยให้กู้ชูหน่วนจะกระชากอย่างไรก็ไม่ขยับ
“เป็นบ้าอะไรอยู่น่ะ ยังไม่รีบหนีอีก”
“พวกเจ้าไปเถอะ” ชายหนุ่มพยายามสลัดมือของนาง แต่กลับถูกกู้ชูหน่วนจับไว้อย่างแนบแน่น
“หากว่าเจ้าอยู่ต่อ พวกเขาจะไม่ปล่อยเจ้าไว้”
“นั่นคือชะตาของข้า” ชายหนุ่มไม่อยากทำให้พวกเขาเดือดร้อน ใช้อีกมือหนึ่งแกะมือของกู้ชูหน่วนออก
การสู้รบกันของยอดฝีมือ แค่ชั่วพริบตาเดียว กู้ชูหน่วนเพราะการถ่วงเวลานี้ ถูกคนของเผ่าปีศาจล้อมไว้อีกครั้งแล้ว
“หนี? หนีไปทางไหน?” เจียงซวี่และคนอื่นสกัดทางไปของพวกเขาไว้
ในใจกลับหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
พวกยอดฝีมือยืนอยู่ตรงนี้ตั้งมากมายขนาดนี้ มือธนูที่หลังคาถูกวางยาล้มไปเมื่อไหร่ พวกเขากลับสังเกตไม่ได้แม้แต่น้อย
เด็กสาวคนนี้มีความสามารถมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้
กู้ชูหน่วนถอนหายใจ ราวกับยอมรับชะตากรรมเช่นนั้น “ดูท่า วาสนาของข้าคงไม่ค่อยจะดีนักนะเนี๊ย”