กู้ชูหน่วนแบ่งยาเม็ดออกเป็นสองส่วน กินไปครึ่งเม็ด ส่วนครึ่งหนึ่งก็บดแล้วทาลงบนใบหน้าของนาง
นางมองเข้าไปในกระจกทองเหลือง ดูตุ่มหนองบนใบหน้าค่อยๆหายไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดูไม่น่าขยะแขยงขนาดนั้นแล้ว และผิวของนางก็เรียบเนียนขึ้นมาก
เหลือเพียงรอยแผลเป็นที่ตัดผ่านใบหน้านาง
หากรอยแผลเป็นเหล่านี้ไม่หายไป ใบหน้าของนางก็ยังน่าอนาถจนทนมองไม่ได้ อัปลักษณ์ถึงที่สุด
“ดูท่าทางต้องรีบคิดหาวิธีค้นหาหญ้านรกให้เร็วที่สุด”
กู้ชูหน่วนผลักประตูออกไปอย่างหงุดหงิด แล้วออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์
เดิมทีนางยังมีความหวังอยู่เล็กน้อยว่าใช้สมุนไพรน้อยลงก็คงไม่เสียหาย แต่ตอนนี้ดูแล้ว นางคงจะมองโลกในแง่ดีเกินไป
“ยัยขี้เหร่ ในที่สุดข้าก็เจอเจ้าสักที เจ้ามาหลบอยู่ที่นี่ทำอะไร? ตอนนี้ใกล้ถึงยามจื่อ(ช่วงเวลา ๒๓.๐๐ น.-๑.๐๐ น)แล้วนะ เจ้ายังไม่รีบกลับไปที่จวนอ๋องหานอีก ถ้าเทพสงครามหักขาเจ้าขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง?”
เขากล้าหัก?
เว้นแต่ว่าเขาไม่ต้องการที่จะแก้พิษแล้ว
กู้ชูหน่วนบิดขี้เกียจแล้วพูดเรียบว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าบาดเจ็บอยู่นะทำไมยังไม่กลับไปพักผ่อนอีก?”
“ก็ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเจ้ารึไง? สตรีอย่างเจ้าทำแต่ละเรื่องน่าเชื่อถือที่ไหนกัน”
กู้ชูหน่วนกอดคอของเขาแล้วหัวเราะเหอะๆ “เจ้ากลัวว่าหากข้ากลับจวนอ๋องหานดึกแล้วขาสองข้างของข้าจะถูกหัก หรือกลัวว่าข้าจะเจอกับนักฆ่า หรือกลัวว่าข้าจะไปหอโคมเขียวอู๋โยวแล้วไม่พาเจ้าไปด้วย?”
เซียวหยู่เซียนผลักมือของนางออก
คำพูดของสองประโยคแรกนั้นยังดีหน่อย แต่ประโยคหลังนี่มันอะไรกัน?
“ข้าส่งเจ้ากลับไปแล้วกัน”
“รีบอะไร? อาจารย์ใหญ่นัดเย่เฟิงมาพบที่หอตำราคืนนี้ไม่ใช่รึไง? ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยกันจบรึยัง พวกเราไปดูกันหน่อยดีกว่า”
“เจ้ายังจะไปอีก? เจ้าไม่กลัวเทพสงครามจะโมโหจนหักขาทั้งสองเจ้าจริงหรือ?”
“ตอนนี้ก็ยังไม่ถูกหักไม่ใช่รึไง? ไป!”
กู้ชูหน่วนดึงคอเสื้อของเขาแล้วลากเขาไปที่หอตำรา
เซียวหยู่เซียนขัดขืน
เขาเป็นชายร่างใหญ่คนหนึ่ง ถูกสตรีดึงคอเสื้อลากไปนี่มันอะไร?
ขณะที่กำลังจะพูดอะไร ระฆังในราชวิทยาลัยก็ดังขึ้นหลายครั้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ
สีหน้าของเซียวหยู่เซียนเปลี่ยนไป แล้วมองไปยังทิศทางของระฆังด้วยความตกใจ
กู้ชูหน่วนปล่อยมือ แล้วถามด้วยความสงสัย “มีอะไร?”
“ราชวิทยาลัยเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ได้ยินว่าจะมีคนตาย?”
“มีคนตาย?”
“ระฆังไม่เคยถูกตีง่ายๆ หากเขาตีหกครั้งติดต่อกัน แสดงว่ามีเรื่องเร่งด่วนเกิดขึ้นในราชวิทยาลัย ถ้าดังเสียงเจ็ดครั้ง แสดงว่ามีอาจารย์หรืออาจารย์ใหญ่เสียชีวิต แล้วระฆังเมื่อครู่ก็ดังขึ้นเจ็ดครั้งพอดี แปลกมาก! ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์หรืออาจารย์ใหญ่ทุกคนก็มีสุขภาพแข็งแรง และวิทยายุทธในราชวิทยาลัยก็โดดเด่นเหนือผู้คน พวกเขาจะตายได้อย่างไร?”
เซียวหยู่เซียนและกู้ชูหน่วนก็มองหน้ากัน
คิดถึงความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือถูกฆ่า
ทั้งสองคนวิ่งไปทางระฆัง
ทุกคนในราชวิทยาลัยตื่นตระหนก ใบหน้าหลายคนมีความหวาดกลัว
กู้ชูหน่วนดึงใครบางคนไว้แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“อาจารย์ใหญ่ถูกฆ่าตายแล้ว”
“อะไรนะ…ถูกฆ่าตายแล้ว?!” เมื่อวานยังดีๆอยู่เลยไม่ใช่หรือ แล้วยังมอบไข่มุกอุ่นจิตให้เย่เฟิงด้วยตัวเองอีก
เซียวหยู่เซียนถามอย่างกังวล “ใครคือฆาตกร”
“เย่เฟิง เย่เฟิงเป็นคนฆ่าอาจารย์ใหญ่”
“พูดไร้สาระอะไรของเจ้า เย่เฟิงจะฆ่าอาจารย์ใหญ่ได้ยังไง?”
“จริงๆนะ มีคนเห็นเย่เฟิงออกมาจากหอตำรา”
กู้ชูหน่วนผลักเขาออกไปแล้ววิ่งไปที่หอตำราด้วยตัวเอง
หอตำรามีอาจารย์รวมตัวอยู่มากมาย
รวมถึงอาจารย์ซ่างกวน อาจารย์ซวี อาจารย์หรง และอาจารย์หลายท่านที่คุ้นเคยแต่ไม่สามารถระบุชื่อได้ และแม้แต่นักเรียนหลายคนที่พักที่ราชวิทยาลัย