เซียวหยู่เซวียนเล่นลูกไม้ หาก้อนหินก้อนหนึ่งนั่งลง “ข้าเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ พวกเราพักที่นี่กันก่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินต่อเถอะ”
“เจ้าไม่กลัวหมาป่าจะคาบเจ้าไปหรือ”
“หมาป่า หมาป่าอยู่ที่ไหน “เซียวหยู่เซวียนตกใจจนไปหลบอยู่หลังนาง
กู้ชูหน่วนเหลือกตาให้เขาทีหนึ่ง ยังคงเดินหน้าต่อไป “เหลือเวลาที่พวกเราจะไขคดีไม่มากแล้ว ถ้าไม่ไปเยี่ยมท่านยายของเย่เฟิง ข้าก็ไม่วางใจ เข้าอดทนอีกนิดเถอะ”
“ยังขี้เหร่ เจ้าว่าชายหนุ่มที่ปกปิดใบหน้าในคืนนั้น เป็นเย่เฟิงจริงหรือไม่”
“ไม่เช่นนั้นเล่า”
“แล้วทำไมเขาต้องฆ่าอาจารย์ใหญ่ ทำไมคนในราชวิทยาลัยจึงได้พูดถึงเย่เฟิงเช่นนั้น”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”
“แล้วเจ้าทำไมจึงเชื่อเขา”
“เพราะเขาเป็นคนที่ข้าแน่ใจว่าเป็นเพื่อน ในเมื่อเป็นเพื่อน ไม่ว่าจะมีหลักฐานยืนยันตรงหน้ามากมายว่าเขาเป็นฆาตกร ข้าก็เชื่อเขา”
กู้ชูหน่วนลูบเส้นผมที่ถูกลมเย็นพัดจนสยายตัวออก ดวงตาคู่นั้นที่เป็นประกายขึ้นเล็กน้อยมีแววแห่งความเชื่อมั่นสายหนึ่งแฝงอยู่
เซียวหยู่เซียนรีบเก็บท่าทีหมดสภาพของตัวเองทันที บนใบหน้าไม่เหลือเค้าแห่งความหยอกล้อเหมือนที่ผ่านมา กลับมีแววหนักอึ้งอยู่สายหนึ่ง “ยัยรี้เหร่ ถ้าหากมีวันหนึ่ง คนทั้งใต้หล้าต่างก็ใส่ร้ายข้า หวังจะกำจัดข้าเพื่อความสบายใจ เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่ ”
กู้ชูหน่วนเอียงศีรษะ มองใบหน้าที่หนักอึ้งของเขา หัวใจกระตุกเล็กน้อย แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้ม”เจ้าทำเรื่องชั่วอะไรไว้ คงไม่ใช่เรื่องที่เจ้าแอบไปหอโคมเขียวอู๋โยวเพื่อเสพสุขคนเดียวกระมัง”
ได้ยินประโยคนี้ มุมปากของเซียวหยู่เซวียนก็กระตุกเล็กน้อย
“เจ้ายังไม่ตอบคำถามของข้าเลย”
“คำถามงี่เง่าเช่นนี้ ข้าปฏิเสธที่จะตอบ”
“……”
คำถามนี้งี่เง่ามากอย่างนั้นหรือ
เงยหน้าขึ้น กลับเห็นกู้ชูหน่วนที่กำลังมองไปยังยอดเขาที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ พลางก็วาดแผนที่ที่จะเดินทางไปยังหมู่บ้านสายธารบนพื้น ราวกับไม่สนใจคำถามเมื่อครู่ของเขาเลยแม้แต่น้อย
เซียวหยู่เซวียนเริ่มไม่แน่ใจในความหมายของคำพูดเมื่อครู่ของกู้ชูหน่วน
“ยัย……ยัยขี้เหร่ ข้างหน้าเหมือนมีความเคลื่อนไหว คงไม่ได้มีหมาป่าจริงๆกระมัง”
กู้ชูหน่วนดับคบเพลิงที่อยู่ในมือ กลั้นลมหายใจ ดวงตาที่ราวกับเหยี่ยวจ้องมองไปข้างหน้า
คบหากับเซียวหยู่เซวียนมานานขนาดนี้ นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเซียวหยู่เซวียนจะมีสถานะอื่นอีก ยิ่งไม่เคยสงสัยอะไรเขามาก่อนด้วย
แต่เวลานี้ กู้ชูหน่วนกลับไม่อาจจะไม่พิจารณาเซียวหยู่เซวียนใหม่อีกครั้ง
การฟังของนางดีมากมาแต่ไหนแต่ไร แต่นางกลับไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่อยู่ข้างหน้า แต่ลูกผู้ลากมากดีอย่างเซียวหยู่เซวียนกลับได้ยินเสียง
นี่หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่าเบื้องหลังความเป็นผู้ลากมากดีนั้น บางทีอาจมีวรยุทธที่คนอื่นคาดไม่ถึงก็ได้
กู้ชูหน่วนหรี่ตาลง
คนทุกคนล้วนมีความลับไม่มากก็น้อย นางไม่อยากไปค้นหา ยิ่งไม่อยากจะทำลายความสัมพันธ์อันสวยงามนี้
ด้านหน้ามีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นมาเบาๆไม่ค่อยชัดเจนนัก ร่วมกับเสียงไอแหบแห้งที่ฟังดูเจ็บปวดทรมาน
เสียงไอนั้นไม่เหมือนกับเสียงของคนเป็นโรค มีเสียงที่ราวกับจะไอออกมา แต่ก็ถูกกลืนกลับเข้าไปในลำคอ ไม่ว่าอย่างไรก็ไอไม่ออก แม้จะไอออกมาได้ แต่เสียงแทบจะไม่มีเลย ราวกับผีที่เศร้าเสียใจ
กู้ชูหน่วนสงสัย
ดึกดื่นค่ำคืนเช่นนี้ แล้วยังอยู่ในป่าลึกเช่นนี้ ทำไมจึงมีคนมาปรากฏอยู่ที่นี่
คงไม่ใช่ว่าหลงทางเหมือนพวกเขากระมัง
“ไอขนาดนี้ ไม่ใช่ผีกระมัง”เซียวหยู่เซวียนกำแขนเสื้อของนางไว้แน่น เอ่ยอย่างสั่นเทา
ผี
ผีอะไรกัน
แกล้งหลอกผีหรือ
แต่นางไม่เชื่อ ว่าบนโลกนี้มีผี
คนคนนั้นเดินได้ช้ามาก ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง สามารถมองเห็นเงาคนที่เดินโซเซ ไม่มั่นคงตรงเข้ามาใกล้ เขาเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส เดินได้ช้ามาก ทุกทุกก้าว ราวกับได้สูบเอาพลังทั้งหมดที่มีมาใช้แล้ว