“หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ เป็นหัวหน้ากองธงสูงสุดของสายเลือดกองธงกล้วยไม้ เขามีนิสัยโหดเหี้ยม ฆ่าคนเป็นผักปลา ชอบทรมานคน โดยเฉพาะยังมีความชื่นชอบในบางด้านเป็นพิเศษ สงสารเย่เฟิงที่เพิ่งจะอายุห้าขวบ ก็ถูกเขาทำลายแล้ว”
ท่านยายเย่พูดจึงจุดที่สะเทือนใจ ก็ปวดใจจนต้องกุมที่หน้าอกของตนเองเอาไว้ อารมณ์อ่อนไหว
กู้ชูหน่วนกับเซียวหยู่เซวียนต่างสบตากัน นึกถึงร่องรอยบาดแผลจากการทำรักเหล่านั้นบนร่างของเย่เฟิง ต่างก็เข้าใจที่ว่าทำลายนั้นหมายความว่าอย่างไร
ทั้งสองคนสีหน้าไม่ดีนัก เซียวหยู่เซวียนอารมณ์ปะทุขึ้นมา “เพิ่งจะห้าขวบ เขาเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือ ทำไมจึงทำลงไปได้”
“ข้าเป็นแม่ครัวคนหนึ่ง เดิมทีมีหน้าที่ทำอาหารให้กับเหล่าองครักษ์อยู่ที่ลานทาส เพราะทำกับข้าวได้อร่อย จึงถูกยกเว้นและย้ายให้ไปทำกับข้าวในกองธง วันนั้น ข้าเห็นกับตาว่าเย่เฟิงถูกทรมานจนเกือบจะสิ้นลม น่าอนาถมาก เด็กห้าขวบคนหนึ่งถูกทรมานถึงขั้นนี้ ช่างน่าอนาถจริงๆ”
ไม่รู้ว่านึกถึงอะไร ร่างของท่านยายเย่สั่นเทาไปหมด
“ข้าอยากจะส่งยาให้เขา แต่ก็กลัวว่าจะเดือดร้อนด้วย ได้แต่มองเขาที่ต้องเก็บความทุกข์และความเจ็บปวดไว้เองจากที่ไกลๆ ครั้งนั้น เขานอนบาดเจ็บอยู่บนเตียงเป็นเวลาครึ่งเดือน เกือบจะต้องสูญเสียชีวิตน้อยๆของเขาไปแล้ว”
“ข้ายังเห็นว่าเย่เฟิงคิดจะฆ่าตัวตาย คนเหล่านั้นขู่เขา ถ้าหากไม่ปรนนิบัติรับใช้หัวหน้ากองธงกล้วยไม้อย่างเชื่อฟัง ก็จะฆ่าทุกคนที่อยู่ในลานทาสให้หมด”
“คนในลานทาสรับผิดชอบขุดเหมืองทอง ฆ่าตายหมดแล้วจะหาใครมาขุดเหมืองทอง ข้าคิดว่าพวกเขาแค่ข่มขู่เท่านั้น เย่เฟิงเองก็คิดว่าพวกเขาแค่ขู่ แต่สุดท้าย ต่อหน้าเย่เฟิง พวกเขาได้ฆ่าผู้มีพระคุณของเย่เฟิงทีละคนอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าเขา ไม่ว่าเย่เฟิงจะอ้อนวอนเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์”
กู้ชูหน่วนกับเซียวหยู่เซวียนฟังแล้วรู้สึกกลัวจนขนลุก
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งคิดไม่ถึงก็คือ จากการบอกเล่าของท่านยายเย่ นี่เพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตอันแสนจะน่าเศร้าของเย่เฟิง
“เย่เฟิงยอมประนีประนอม ความเป็นจริงทำให้เขาไม่สามารถไม่ประนีประนอมได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลายเป็นของเล่นของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้อย่างแท้จริง ถูกรังแกอยู่เสมอ ขอเพียงไม่ได้ดั่งใจเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็จะลงมือกับคนในลานทาส ครั้งแล้วครั้งเล่า ทาสเก่าแก่ในลานทาสล้วนตายหมดด้วยเหตุนี้”
“แม้เขาจะอายุยังน้อย แต่กลับเป็นคนให้ความสำคัญกับความรักและความยุติธรรม ขอแค่เป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเขาเพียงเล็กน้อย ล้วนต้องตายอย่างอนาถ ฉะนั้นเขาจึงไม่กล้าคบเพื่อน และไม่กล้าคุยกับคนอื่นมากนัก เกรงว่าจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย”
“พวกผู้ชายบำเรอเหล่านั้น ล้วนใช้กฎการลงโทษหมู่ในการควบคุม สิบคนเป็นหนึ่งกลุ่ม ขอเพียงมีคนคิดอยากจะหนี ลอบสังหาร หรือบางทีอาจปรนนิบัติได้ไม่ถูกใจ หรือแม้กระทั่งตาย อีกเก้าคนก็จะเดือดร้อนตามไปด้วย จะถูกลงทัณฑ์อย่างรุนแรง”
“วิธีของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ช่างน่ากลัวมาก แม้อยากจะมีชีวิตอยู่ แต่ก็ทนการทรมานของเขาไม่ได้ มีคนที่ทนไม่ไหว ตายไปอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต เย่เฟิงจึงได้รับความเดือดร้อนถูกลงโทษมาตลอด ”
และกลัวว่าตนเองจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย ฉะนั้นทุกครั้งที่ปรนนิบัติหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ จึงระมัดระวังมาก พยายามทำให้เขาพอใจ และเขาก็ไม่กล้าตาย เกรงว่าถ้าเขาตายแล้ว คนอื่นๆอีกเก้าคนจะทนต่อความทรมานไม่ไหว
เซียวหยู่เซวีนโมโหจนต้องเลิกแขนเสื้อขึ้น ด่ากราดว่า ” หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ไม่ใช่คน หั่นศพเขาเป็นหมื่นชิ้นก็ไม่เพียงพอในการระบายความโกรธ”
สายตาของกู้ชูหน่วนมีแววเย็นยะเยือก ร่างกายเย็นจนแทบจะไร้อุณหภูมิ
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมเขาจึงเรียกข้าว่ายาย ทำไมจึงดีกับข้าเช่นนี้”
“เพราะอะไร”