เห็นเพียงเย่จิ่งหานที่ราวกับดวงจันทร์กลางหมู่ดาวมีชิงเฟิงเป็นคนเข็นเขาออกมา ข้างกายยังมีเจี่ยงเสวียที่น่าเกรงขามติดตามมาด้วย ส่วนสองแถวนั้นเป็นองครักษ์ของจวนอ๋องหาน
ใบหน้าของเย่จิ่งหานเย็นยะเยือก ไอเย็นที่น่ากลัวสายหนึ่งล้อมรอบตัวเขาเอาไว้
เขากำลังโกรธ
แต่กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าเพราะอะไร รู้สึกว่าในความโมโหของเขาแฝงความคับแค้นใจเอาไว้ด้วย คับแค้นใจราวกับผู้หญิง
นางยกเนื้อจานหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า สองตาหรี่ลง ฉีกยิ้มออกมา “ท่านอ๋อง ท่านจะมากินข้าวด้วยกันหรือ”
เย่จิ่งหานเลิกคิ้วขึ้น มองอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะกับชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งขนาบอยู่สองข้าง อดไม่ได้ที่จะกลัวนาง
เขายังไม่ตายเลยนะ
นางก็เริ่มเสาะบุปผาหาต้นหลิวแล้ว
“เห็นที พระชายาของข้าคงจะดื่มด่ำมาก ”
เย่จิ่งหานเน้นหนักไปที่คำว่าพระชายาและดื่มด่ำ น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแฝงแววแจ้งเตือน
ชิงเฟิงกับเจี่ยงเสวียจ้องมองไปทางกู้ชูหน่วนอย่างไม่พอใจ
แค่ทำหูทวนลมในสิ่งที่ท่านนายพูดก็แล้วไปเถอะ
คาดไม่ถึงว่าแก้พิษให้ท่านนายมาถึงครึ่งทางแล้ว ก็โยนทิ้ง นี่หลงลืมท่านนายไปแล้วหรือ
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างอายๆ”ก็พอใช้ได้”
หลังจากทะลุมิติมา จนถึงตอนนี้นางยังไม่เคยได้นอนอย่างจริงจังและปลอดภัยเลยสักครั้ง มีความปลอดภัยที่ไหนกัน
เห็นสีหน้าของเย่จิ่งหานที่ไม่เป็นมิตร
กู้ชูหน่วนรู้ เรื่องในคืนนี้คงไม่จบอย่างง่ายดายแน่นอน
นางทำปากยื่น “ท่านบอกว่าพ่อของท่านตามหาท่านมิใช่หรือ ท่านยังไม่รีบกลับไปอีก”
เซียวหยู่เซวียนกลืนกับข้าวคำสุดท้ายเข้าไป พูดอย่างคลุมเครือว่า “ใช่ พ่อข้ากำลังตามหาข้า ข้าขอตัวกลับไปก่อนแล้วกัน”
พูดจบ เซียวหยู่เซวียนก็ออกไปจากเรือนอุ่นทันที ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง
กู้ชูหน่วนนิ่งอึ้ง
เมื่อก่อนตอนที่เทพสงครามมาหาเรื่องนาง เขาจะช่วยรับมือบ้าง ทำไมวันนี้จึงได้หนีไปเฉยๆเลย
หรือว่าเขาเดาอย่างมั่นใจว่าเทพสงครามจะไม่ทำอะไรนางอย่างนั้นหรือ
เย่เฟิงลุกขึ้นอย่างรู้สถานการณ์ ให้พวกเขาอยู่กันตามลำพัง
กู้ชูหน่วนพูดเสียงดุว่า “กินโจ๊กให้หมดก่อน อย่าให้เหลือแม้แต่หยดเดียว”
เขารู้หรือไม่ว่าโจ๊กแพงแค่ไหน โจ๊กหนึ่งถ้วยสามารถซื้อเรือนพักร้อนได้หนึ่งหลังแล้ว
ตอนที่นางต้มโจ๊ก อยากจะกินเองแทบตาย แต่ก็ไม่กล้ากินสักคำ
ถ้าหากเย่เฟิงกินไม่หมด ก็รู้สึกผิดกับเขามาก
เย่เฟิงมองเทพสงคราม แล้วมองไปที่กู้ชูหน่วน กินโจ๊กอย่างเงียบๆไปจนหมด
“เจ้า พาเขาไปพักผ่อนที่ห้องรับแขก”กู้ชูหน่วนชี้ไปที่บ่าวรับใช้
ไม่ช้า ในลานบ้านก็เหลือแค่กู้ชูหน่วนกับพวกเย่จิ่งหานเท่านั้น
“บัวหิมะพันปี ปิงฮั่วจื่อพันปี หลิงจือไฟพันปี ยังมีจั่กจั่นพันปี คุณหนูสามกู้ ช่างมือเติบจริงๆ แค่ปิงฮั่วจื่ออย่างเดียว
กู้ชูหน่วนส่งสายตา ให้บ่าวรับใช้เก็บถ้วยไป
ก็แค่โจ๊กยาธรรมดาเท่านั้น ไหนเลยจะเกินจริงอย่างที่ท่านพูด ถ้าหากข้ามีของดีเช่นนี้ เช่นนั้นคงจะเก็บไว้แอบกินคนเดียวแล้ว อีกอย่าง นับประสาอะไรกับเย่เฟิง ท่านหล่อเหลา สง่างาม
ชิงเฟิงกับเจี่ยงเสวียต่างก็กลอกตาขึ้นพร้อมกัน
นางยังจะไร้ยางอายอีกหรือ
คำพูดโกหกเหล่านี้ นางพูดได้คล่องมากขนาดนี้ ไม่ระวังปากบ้างเลย
“เจ้ายังจำคำพูดที่ข้าเคยพูดกับเจ้าก่อนหน้านี้ได้หรือไม่”
คำพูดอะไร
เขาเคยพูดตั้งมากมาย ที่นางจำได้มีประโยคไหนบ้าง
มองดูท่าทีสงสัยของนาง ไฟโทสะของเย่จิ่งหานก็ค่อยๆปะทุขึ้นมา
“กู้ชูหน่วน ในสายตาของเจ้ายังมีข้าอยู่หรือไม่”
“ในสายตาข้ามีแต่ท่าน ทำไมท่านจึงต้องสงสัยข้าด้วย ข้ายังต้มโจ๊กไว้อีกถ้วยหนึ่ง เดิมคิดว่าจะยกมาให้ท่านกิน แต่หนทางยาวไกล และดึกแล้วด้วย เกรงว่าท่านจะหลับไปแล้ว จึงไม่กล้าเอาไปให้ท่าน”