“พวกเจ้า…พวกเจ้าใช้กำลังจับประชาชน ในสายตาพวกเจ้าไม่มีกฎหมายหรือ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น บรรดาฉีโส่วทั้งหลายในกระเช้าก็หัวเราะ
“กฎหมาย? เจ้าพูดกฎหมายกับเรา? เย่หวงยังทำอะไรพวกเราไม่ได้เลย เจ้ายังจะอ้างกฎหมายกับเราอีก? ไอ้น้อง เจ้าช่างไร้เดียงสาเสียจริง ดูท่ายังไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนละสิ?”
หนุ่มน้อยจ้องพวกเขาด้วยความเดือดดาล
หลังจากผ่านพ้นภูเขาลูกแล้วลูกเล่า พวกเราก็รู้ขึ้นมา ว่ายิ่งตรงไป โอกาสที่พวกเขาจะหนีก็ยิ่งน้อยลงทุกที
ก็ขณะที่ทุกคนสนใจอยู่กับหนุ่มน้อยอายุสิบสามสิบสี่คนนั้น ด้วยความไม่ระวัง จู่ๆ ชายหนุ่มอีกคนก็พรวดพราดขึ้นมา กัดต้นขาของผู้คุมอย่างแรง กัดจนต้นขาเขามีเลือดไหลเป็นทาง
“เจ็บ…เจ็บจะตายอยู่แล้ว ปล่อยเดี๋ยวนี้ เด็กๆ! ถีบมันออกไป!”
ฉีโส่วจำนวนมากพากันกระชากชายงามออก แต่ชายงามผู้นั้นกลับไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ไม่ว่าพวกเขาจะกระชากอย่างไร เขาก็กัดไม่ปล่อย ดวงตาที่เปี่ยมด้วยความแค้นคู่นั้น แทบอยากกัดขาผู้คุมให้ขาดเสีย
“แชว๊ง…”
“ฉึก…”
ผู้คุมจ้าวชักดาบของคนถือธงออกมาแทงเข้าที่ท้องของเขา เลือดสดไหลออกมาตามคมมีด ด้วยความเจ็บปวดชายงามจึง
ผู้คุมจ้าวเกิดโทสะ กระทืบชายงามครั้งแล้วครั้งเล่า ปากก็ก่นด่า “ไอ้ทาสสารเลว! ถึงขนาดกล้ากัดขาข้า ข้าจะกระทืบเจ้าให้ตายไปเลย!”
“พวกเจ้า…พวกเจ้ามันคนชั่วช้าสามานย์ สวรรค์ต้องไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่ อ้า…”
กระทืบอีกครั้งหนึ่ง เหยียบอยู่บนบาดแผลหนัก เขาเจ็บจนสูดลมเย็น ดวงตาเพลิงเคียดแค้นคู่นั้นจ้องแต่ผู้คุมจ้าว
หากสายตาสามารถเอาชีวิตคนได้ เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าผู้คุมจ้าวจะถูกฆ่าไปสักกี่ครั้งแล้ว
กู้ชูหน่วนอยากช่วยคน
แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ในกระเช้าเดียวกัน กอปรกับจะถึงยอดเขาต่อไปแล้ว ไม่ทันกาล อีกทั้งชายงามผู้นั้นยังถูกแทงเข้าที่จุดตาย โอกาสที่จะช่วยให้รอดแทบจะเป็นศูนย์ ดังนั้นจึงได้แต่กลั้นเพลิงโทสะนี้
ผู้คุมจ้าวยังคงไม่สาแก่ใจ หิ้วคอเสื้อของเขาแล้วโยนลงไปในบัดดล
“อ้า…”
เสียงอเนจอนาถดังก้องหุบเขา
ชายงามที่เหลือพากันตกใจหวาดกลัวสั่นพั่บๆ แม้แต่หนุ่มน้อยวับสิยสามสิบสี่คนนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ตัวสั่นเทาคุดคู้อยู่กับพื้น
ใบหน้าอี้เฉินเฟยที่อยู่ข้างใต้หน้ากากขรึมลงเล็กน้อย อายสังหารแวบผ่าน
ทั้งสองสบตากันครั้งหนึ่ง ต่างเข้าใจบางอย่างจากดวงตาของต่างฝ่าย
กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น
มองผู้คุมจ้าวประหนึ่งมองคนตาย
และในที่สุด…
ก็ถึงเขาลูกที่หกแล้ว กระเช้าก็หยุดลง ไม่ไปยอดเขาลูกที่เจ็ดอีก
กู้ชูหน่วนจึงได้แต่หยุดอยู่ที่ยอดเขาลูกที่หกด้วย กุมตัวเหล่าทาสบำเรอไปหอฉิวเฟิ่งพร้อมกับคนอื่นๆ
หอฉิวเฟิ่ง ไม่เพียงแต่กักขังชายงาม ยังมีสาวงามต่างๆ นานา กระทั่งผู้เยาว์ด้วย
เห็นว่าทาสบำเรอที่ส่งมาให้หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ล้วนถูกกุมขังอยู่ที่นี่
เอาไว้อบรมเสร็จแล้วถึงส่งไปหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ที่ยอดเขาหลัก
กู้ชูหน่วนชายตาถาม “เจ้าว่าเย่เฟิงจะอยู่ที่เขานี้หรือเปล่า?”
“ครึ่งต่อครึ่งกระมัง”
การคุ้มกันยอดเขาที่หกหนาแน่นมาก มีการตรวจสอบเป็นชั้นๆ หากมิใช่เพราะอี้เฉินเฟยคุ้นเคยกับที่นี่ถึงที่สุดแล้ว แค่กู้ชูหน่วนก็คงแทรกซึมเข้ามาได้ยากมาก
หลังจากส่งทาสบำเรอเข้าไปแล้ว ภารกิจของกู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟยก็ถือว่าสำเร็จ
ที่ไม่ไกลจากหอฉิวเฟิ่งมีห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งฉีโส่วจำนวนมากจับกลุ่มเล่นพนันด้วยกันพลางวิพากษ์วิจารณ์
“เห็นว่าทาสบำเรอที่ส่งมาเที่ยวนี้ แต่ละคนท่วงท่าหน้าตาไม่เลว ไม่รู้ว่าจะมีที่หน้าตาดีกว่าเย่เฟิงไหม?”
กู้ชูหน่วนได้ยินคำว่า ‘เย่เฟิง’ สองคำนี้แล้วฝีเท้าก็หยุดชะงักเล็กน้อย