อี้เฉินเฟยหยุดเป่าขลุ่ย นิ้วมือเนียนขาวเรียวยาวนั้นหมุนขลุ่ยหยกเล่น ท่าทางเคยชินและเป็นธรรมชาติ
มุมปากเขามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นจางๆ น้ำเสียงใสกระจ่างชัดเจน “วันนี้ข้าอยากพาพวกนางไป สหาย ทำไมไม่ไว้หน้ากันเลยเล่า”
กู้ชูหน่วนหรี่ตาสองข้าง ท่าทางการหมุนขลุ่ยหยกของอี้เฉินเฟย ทำไมเหมือนกับประมุขชิงที่เคยช่วยนางไว้ในวันนั้นเลย?
หรือว่าตัวตนของเขาแท้จริงแล้วก็คือประมุขชิงแห่งสำนักสำนักอสุรา
ยอดฝีมือระดับสี่ทำเสียงหึอย่างเย็นชาในลำคอ “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนของสำนักสำนักอสุราหรือไม่ วันนี้ถ้าเจ้าพาพวกเขาไป เจ้าจะกลายเป็นศัตรูกับเผ่าปีศาจ”
“ร้ายแรงขนาดนั้นเชียวเหรอ?” อี้เฉินเฟยหัวเราะแล้วถามกลับ ท่าทีเกียจคร้าน ทำท่าไม่เหมือนเอาพวกเขาไว้ในสายตา
มองดูท่าทีที่จองหองของเขา แล้วนึกถึงพฤติกรรมของเขาอีก คนของเผ่าปีศาจจะไม่โกรธได้อย่างไร
“ฉีโส่ว จับตัวมันไว้”
เขาออกคำสั่งจับตัวไว้ แต่ไม่ได้สั่งว่าฆ่าเขา
เห็นได้ว่าเผ่าปีศาจยังมีความเกรงกลัวสำนักสำนักอสุราอยู่บ้าง ไม่อยากต่อสู้หรือฉีกหน้ากับสำนักสำนักอสุราอย่างจริงจัง
สงครามปะทุขึ้นอีกครั้ง อี้เฉินเฟยมีขลุ่ยอยู่ในมือ ใครก็เข้ามาโจมตีไม่ได้ แม้พวกเขาจะเก่งมากแค่ไหน ก็ไม่อาจข้ามผ่านเข้ามาได้เลย
ขอแค่อดทนอีกสักนิด พวกเขาก็จะไปถึงหอสัญญาณที่หนึ่งแล้ว
ด้านนอกหอสัญญาณที่หนึ่ง กู้ชูหน่วนเชื่อว่า อี้เฉินเฟยจะต้องจัดกำลังคนคอยรับอยู่แน่นอน
เมื่อเวลาผ่านไป เย่เฟิงร้อนรนใจ จับแขนเสื้อกู้ชูหน่วนไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “เร็ว……รีบไป หัวหน้ากองธงกล้วยไม้จะตามมาแล้ว”
“วางใจได้ วันนี้ไม่ว่าใครมา ก็เอาตัวเจ้าไปไม่ได้หรอก”
กู้ชูหน่วนตบไหล่ของเขา เพื่อให้เขาวางใจได้
“โครม……”
แรงอาฆาตที่มาพร้อมกับสายฟ้าฟาด กระหน่ำมาอย่างดุดัน
พลังนี้แข็งแกร่งเกินไป กดดันทุกคนนอกจากอี้เฉินเฟยแล้ว คนอื่นๆก็อดไม่ได้อยากคุกเข่าลงไป
กู้ชูกน่วนสีหน้าเปลี่ยนไป
“เป็นความกดดันที่แข็งแกร่งมาก”
เย่เฟิงสร่างจากอาการเมาเหล้าบ้างเล็กน้อย ร่างกายของเขาอดไม่ได้สั่นคลอน ใบหน้าแดงระเรื่อจากอาการเมาก็ซีดเซียวลงอย่างเห็นได้ชัด
“เขา……เขามาแล้ว……”
แรงอาฆาตใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เสียงขลุ่ยอี้เฉินเฟยเปลี่ยนไป ขัดขวางแรงอาฆาตของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้เอาไว้
“ชึก……”
ไส้เชือกขาดออกจากกัน
รถกระเช้าของพวกทาสบำเรอไปถึงหอสัญญาณที่หนึ่งเรียบร้อยแล้ว
แต่กระเช้าคันสุดท้ายที่พวกเขานั่งอยู่นั้นกลับยังไปไม่ถึง
กู้ชูหน่วนตัดสินใจรวบรวมพลังทั้งหมดไปที่มือ แล้วโยนเย่เฟิงไปยังหอสัญญาณที่หนึ่ง พร้อมกับตะโกนว่า “พี่เฉินเฟย ปกป้องเย่เฟิงแทนข้าด้วย”
กระเช้าไหลลงหุบเหวอย่างรวดเร็ว
กู้ชูหน่วนไม่มีตัวช่วยที่สามารถจับไว้ได้เลย จึงตกตามลงไปด้วย
ในตอนที่ตกลงไปนั้น นางเห็นนัยน์ตาของเย่เฟิงขยายใหญ่ขึ้น มองนางด้วยความตกตะลึง
นางเห็นอี้เฉินเฟยอยากลงมาช่วยนาง แต่กลับมีคนล้อมตัวเอาไว้จึงลงมาช่วยไม่ได้ ตั้งแต่รู้จักกับอี้เฉินเฟยมา นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นอี้เฉินเฟยเสียอาการขนาดนี้
และเป็นครั้งแรกที่เห็นเขาคำรามเหมือนราชสีห์ ความโกรธระเบิดออกมา ฆ่าศัตรูโดยไม่กะพริบตา
นางยังเห็น……
ให้ตายสิ……
ฝูกวงเจ้าโง่นี่ ทำไมกระโดดตามลงมาด้วยล่ะ……
กู้ชูหน่วนกำลังจะด่า
สิ่งที่ทำให้นางตกตะลึงคือ เย่เฟิงที่ยังมีอาการมึนเมา กลับ……กระโดดตามลงมาด้วย
“ให้ตายสิ……”
ตาบ้านี่
เพื่อช่วยเย่เฟิง นางยอมเสียสละตัวเอง แต่เขากลับกระโดดตามลงมาด้วย
สองคนนี้บ้าไปแล้วหรือเปล่า?
ในตอนที่กู้ชูหน่วนยังอยากดูว่าอี้เฉินเฟยจะกระโดดลงมาไหม ร่างกายกระทบกับพื้นดังโครม ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระทบอย่างรุนแรง นางทนไม่ไหวอีกต่อไป แล้วสลบลงไปทันที
รอนางตื่นขึ้นมาแล้ว ร่างกายเหมือนแตะสลายออกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บจนนางสูดหายใจเข้าซี๊ด