“ในเมื่ออดีตเจ้านายของเจ้าดีขนาดนี้ แล้วทำไมเจ้าต้องให้ข้าเป็นเจ้านายเจ้าล่ะ แถมยังปกป้องข้าอย่างสุดความสามารถขนาดนี้อีก?”
“ไม่ทราบเหมือนกัน อาจเป็นเพราะนายหญิงเหมือนกับอดีตเจ้านายของข้าน้อยมาก”
กู้ชูหน่วนอยากจะฟาดเขาสักป๊าบจริงๆ “พูดมาตั้งนาน ที่แท้ข้าก็เป็นได้แค่ตัวแทนของคนอื่นนี่เอง ฝูกวงนะฝูกวง เจ้าทำร้ายจิตใจข้ามากเลยนะ”
“นายหญิงไม่ใช่ตัวแทนของใครขอรับ นายหญิงเป็นเจ้านายของข้าน้อย ข้าน้อยก็มีนายหญิงเป็นเจ้านายคนเดียวด้วย”
“พอแล้วๆ แค่ล้อเล่นเอง ไม่ต้องจริงจังขนาดนี้ก็ได้ ไม่ว่าเจ้าจะมองว่าข้าเป็นเจ้านายของเจ้าหรือไม่ ขอให้เจ้าจำไว้ว่าอย่าริอ่านทรยศข้าเด็ดขาด ทั้งชีวิตนี้ของข้าเกลียดการถูกทรยศมากที่สุด”
ตอนที่กู้ชูหน่วนพูดคำสุดท้ายนั้น นางก็จ้องมองฝูกวงด้วยสีหน้าเข้มงวด
ชาติก่อนของนางถูกคนที่ไว้ใจที่สุดทรยศ ถึงได้ตายแล้วข้ามภพมาที่นี่
ฝูกวงคุกเข่าคารวะอย่างเคารพสามที แล้วพูดสาบานว่า “ข้อน้อยจะไม่มีวันทรยศนายหญิงไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน หากผิดคำพูดจะต้องถูกฟ้าผ่าตายทันที”
“ลุกขึ้นมาเถอะ หนุ่มหล่อหน้าตาดีอย่างเจ้า ถ้าโดนฟ้าผ่าจริง ข้าคงปวดใจแย่”
ฝูกวงหน้าแดง
แม้เมื่อกี้กู้ชูหน่วนจะเป็นคนอารมณ์แปรปรวน แต่เขารู้สึกว่า นี่แหละคือนิสัยที่แท้จริงของนายหญิง
“นายหญิง ท่านพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อน ข้าน้อยไปสำรวจเส้นทางเอง”
“เดี๋ยวก่อน ที่นี่ทางแยกเยอะเกิน พลัดกันได้ง่าย จะไปก็ไปด้วยกันดีกว่า”
“ขอรับ”
เย่เฟิงจนถึงตอนนี้แล้วเขาเพิ่งจะตื่นขึ้นมาอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาเย็นชาของเขาล่อกแล่ก ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ทันใดนั้นก็จ้องมองพวกกู้ชูหน่วน
เห็นพวกเขาไม่เป็นไร เขาก็ถึงโล่งอก
กู้ชูหน่วนหัวเราะแล้วพูดว่า “ในที่สุดก็ตื่นได้สักทีนะ ดูเจ้าสิ ทำฝูกวงของข้าเหนื่อยขนาดนี้ สร่างเมาแล้ว ต้องชดใช้ด้วยนะ”
เย่เฟิงตบหัวที่หนักอึ้ง ถูกกรอกเหล้าเยอะเกินไป จนถึงตอนนี้เขายังรู้สึกเวียนหัวอยู่เลย
“พวกเรา……หนีออกไปได้หรือยัง?”
“ถ้าเจ้าไม่โดดลงมาจากหน้าผา เจ้าคงหนีรอดไปได้แล้วล่ะ” กู้ชูหน่วนพูดจาไม่ชัดเจน เขาไม่รู้นางกำลังจะสื่อถึงอะไร
ฝูกวงหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณชายเย่วางใจได้ แม้พวกเราจะยังหนีออกไปไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกนั้นก็ยังไล่ตามพวกเราไม่ทันอยู่ดี”
“อืม”
เย่เฟิงตอบเสียงเบาคำเดียว นึกถึงเรื่องอาละวาดที่เผ่าปีศาจก่อนจะสลบ เขาก็ขมวดคิ้วอย่างกังวล ร่างกายสั่นคลอนอย่างอดไม่ได้
เห็นท่าทางแบบนี้ของเขาแล้ว กู้ชูหน่วนกับฝูกวงก็มองด้วยแววตาที่เป็นห่วง
กู้ชูหน่วนกระตุกมุมปาก “เจ้าคงไม่ได้คิดที่จะกลับไปหรอกนะ?”
เย่เฟิงไม่ได้ตอบ แค่กอดเข่าตัวเองไว้แน่น ยอมรับทุกอย่าง
กลับเผ่าปีศาจเป็นชะตาของเขา เขาหนีไม่พ้นหรอก
“ทาสบำเรอพวกนั้นถ้าไม่เป็นอะไร ก็น่าจะมีคนของอี้เฉินเฟยรับออกไปแล้วนะ พิษของท่านยายเจ้า ข้าจะหาทางถอนพิษให้เอง เจ้าจะกลับไปที่เผ่าปีศาจทำไม”
“เจ้าช่วยข้าถอนพิษท่านยายได้เหรอ?”
“พิษของนางซับซ้อนมาก แม้ข้าจะแก้ในเวลาสั้นๆไม่ได้ แต่ข้าสามารถช่วยให้ตอนที่อาการนางกำเริบไม่เจ็บปวดขนาดนั้น ให้เวลาข้าอีกสักหน่อย ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน”
อาการตึงเครียดของเย่เฟิงก็ผ่อนคลายลงไปบ้าง แม้จะยังคงกังวลอยู่ แต่ก็ไม่ได้เศร้าหมองเหมือนเมื่อกี้แล้ว
“ฟังข้านะ ต่อไปอย่ากลับไปแบบคนโง่อีก”
“ได้……”
เย่เฟิงมองดูกู้ชูหน่วนจับมือตัวเองไว้อย่างตกตะลึง ปมในใจก็คลี่คลายลงไปมาก
“ใช่แล้ว กระดิ่งทลายวิญญาณโดนแย่งไปเหรอ?”
“ใช่ วันนั้นที่แยกย้ายกับเจ้าแล้ว มีคนมาขวางทางข้าไว้ อีกฝ่ายสวมหน้ากาก ข้ามองหน้าไม่ออก ฝีมือการต่อสู้เขาเก่งกาจมาก เก่งกว่าหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ด้วย กระดิ่งทลายวิญญาณก็เลยถูกเขาแย่งเอาไป”
“ต่อสู้เก่งกว่าหัวหน้ากองธงกล้วยไม้งั้นเหรอ? เทียบกับฝูกวงล่ะ?”
“ฝูกวง เกรงว่าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาเหมือนกัน คุณชายอี้อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วย”
การต่อสู้ของอี้เฉินเฟย ทุกคนต่างก็เห็นกับตาแล้ว
ถ้าเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ งั้นคนผู้นั้นจะเก่งกาจจนฝืนกฎธรรมชาติถึงขั้นไหนกันนะ
“เขาตั้งใจมาเอากระดิ่งทลายวิญญาณ ไม่ได้อยากมาฆ่าคน ไม่งั้นข้าคงไม่มีชีวิตมาจนถึงตอนนี้หรอก”