ก็ขณะที่เย่เฟิงเดินไปถึงปากประตูวิหาร เขาก็ต้องตกตะลึงด้วยบทสนทนาของฮองเฮาฉู่ นัยน์ตาหดเล็ก ฝีเท้าย่างเท้าไม่ออกราวกับหนักพันชั่ง
“ฮูหยิน คุณชายน้อยหายสาบสูญไปตั้งหลายปีแล้ว ถึงเวลานี้เขาจะยืนอยู่ตรงหน้าท่าน ก็เกรงว่าจะจำกันไม่ได้ นี่จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”
“ตอนนั้นถึงข้าจะคลอดยากสลบไป แต่ก่อนที่ข้าจะสลบก็เห็นที่บ่าเขามีดอกเหมยดอกหนึ่ง เป็นดอกเหมยตูม ตอนนั้นข้ายังคิดอยู่เลยว่าเด็กผู้ชายจะมีปานดอกเหมยที่บ่าได้อย่างไร”
ปาน…ปานดอกเหมย?
ลมหายใจเย่เฟิงกระชั้น
เขาแทบต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดถึงทำให้ตัวเองยืนอยู่หลังประตูได้
เขาร่างกายเย็นเฉียบแนบกับประตูบานใหญ่ ราวกับหากไม่ทำเช่นนี้ก็จะยืนมั่นคงไม่ได้
ก็มีปานดอกเหมยเหมือนกัน แล้วยังเป็นดอกเหมยตูม…
ท่านยายบอก ว่าตั้งแต่เขาเกิดมาก็…มีแล้ว…
“อาศัยแค่ปานดอกเหมยก็รู้ตัวคุณชายน้อยแล้วหรือเจ้าคะ? เช่นนั้นหากมีคนปลอมแปลงล่ะเจ้าคะ?”
“เป็นไปไม่ได้ ดอกเหมยดอกนั้นไม่เหมือนกับดอกเหมยอื่น กลีบของมันน้อยกว่าดอกเหมยทั่วไปกลีบหนึ่ง นอกจากข้ากับหมอตำแยก็ไม่มีผู้ใดรู้”
“เช่นนั้นก็ให้ฝ่า…ให้นายท่านตามหาคนที่มีปานดอกเหมยก็ได้แล้วนี่เจ้าคะ”
“ไม่ได้ หากมีคนประสงค์ร้ายรู้เข้า เกรงจะเป็นภัยต่อหลินเอ๋อร์”
“ฮูหยิน หากไม่หา…ชะ…เช่นนั้นจะทราบได้อย่างว่าใครคือคุณชายน้อย ปานอยู่ที่บ่าหลัง เราจะถอดเสื้อผ้าคนที่เจอก็ไม่ได้นะเจ้าคะ”
“นอกจากปาน ข้ายังถักไหมผีเสื้ออันหนึ่งวางบนตัวเขา ไหมถักผีเสื้อนั้นเป็นคู่ มิได้มีราคา แต่มันเป็นของแทนใจระหว่างข้ากับท่านพี่ ส่วนอีกชิ้นหนึ่งข้าก็อยากมอบให้ฮูหยินของเขาในอนาคต”
ว่าแล้วฮองเฮาฉู่กับล้วงไหมถักผีเสื้อออกมาจากหน้าอก
ไหมถักผีเสื้อถักได้งดงามมาก แต่ไม่รู้ว่าลูบคลำอยู่ในมือมานานหรืออย่างไร ไหมถักผีเสื้อเสียดสีจนเรียบหมด เห็นได้ว่าเป็นของรักของนาย
เย่เฟิงเห็นไหมถักผีเสื้อนั้นจากร่องประตู ขมขื่นสุดประมาณ
ราวกับรู้สึกได้ถึงความระทมในการคะนึงหาบุตรของฮูหยิน
เขาไม่มีไหมถักผีเสื้อ มีเพียงปานดอกเหมย และไม่รู้ว่าเมื่อก่อนในตัวจะมีไหมถักผีเสื้อหรือไม่
ท่านยายไม่ได้บอก พวกท่านอากับท่านป้าก็ไม่เคยเอ่ยถึง
แต่เขาแน่ใจได้ เป็นไปได้มากว่านางจะเป็นแม่บังเกิดเกล้าของเขา
ตั้งแต่จำความได้ เขาก็อยากตามหาพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองมาตลอด บัดนี้นางอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่เย่เฟิงไม่อาจระงับความตื่นเต้นในใจได้
เขาทั้งดีใจ ทั้งกังวลใจและกลัว อารมณ์สารพันผสมปนเป สุดท้ายควบแน่นเป็นหยาดน้ำตา ไหลลงติ๊กเสียงหนึ่ง
“ฮูหยิน หมอบอกว่าท่านคิดถึงลูกจนป่วย กังวลจนเป็นโรค หากไม่ปรับอารมณ์ให้ดี เกรงว่า…ซิ่งเอ๋อร์ขอร้องล่ะเจ้าค่ะ อย่าได้ตำหนิตัวเองอีกเลย ที่คุณชายน้อยถูกชิงไปจะโทษท่านก็ไม่ได้ ต้องโทษโจรพวกนั้นที่อำมหิตนัก”
“เจ้าไม่เข้าใจ”
“ฮูหยิน…หากท่านยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่ายังหาคุณชายน้อยไม่พบ ร่างกายท่านจะไม่ไหวไปก่อนนะเจ้าคะ”
ฮองเฮาฉู่คุกเข่าด้วยศรัทธา โขกศีรษะดังสามครั้ง เอ่ยภาวนา “พระทรงโปรด โปรดคุ้มครองลูกข้าให้ปลอดภัยแข็งแรง ขอเพียงเขาปลอดภัย ขอเพียงให้ข้าตามหาเขาพบ ข้ายินดีอายุสั้นยี่สิบปี ชีวิตที่เหลือจะสวดมนต์ไหว้พระ อยู่กับศาสนาตลอดชีวิต ขอพระแสดงพุทธศักดิ์สิทธิ์ด้วยเถิด”
“ฮูหยิน ท่านมีเมตตาขนาดนั้น พระต้องคุ้มครองท่านแน่ และคุ้มครองคุณชายน้อยให้แคล้วคลาดปลอดภัยด้วยเจ้าค่ะ”
“ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะ”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่เจ้าค่ะ คุณชายน้อยเป็นถึงองค์ชาย แล้วยังเป็นองค์ชายเพียงองค์เดียวของแคว้นฉู่ด้วย สวรรค์จะไม่คุ้มครองบุตรแห่งมังกรได้อย่างไร?”