“เช่นนั้นบ้านเจ้ายังมีใครอีกหรือไม่?”
“ข้าเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เล็ก”
เมื่อได้ยิน ‘เด็กกำพร้า’ คำนี้ ฮองเฮาฉู่ก็เจ็บดวงใจขึ้นมา
“เด็กที่น่าสงสาร แล้วเจ้าเติบใหญ่มาได้อย่างไร?”
“ข้าโชคดี ได้พบกับคนดีมากมาย พวกเขาเลี้ยงข้าจนโต ข้ายังมีท่านยายอีกคน แม้นางจะตาบอดทั้งสองข้าง แต่นางก็ดีกับข้าราวกับลูกแท้ๆ”
เย่เฟิงยกยิ้ม ในรอยยิ้มเจือน้ำตานิดๆ เห็นแล้วก็ชวนให้สงสารมากกว่าเดิม
ที่ว่าโชคดี ฮองเฮาฉู่ไม่เชื่อโดยสมบูรณ์
เพราะหากโชคดี แล้วเขาจะบาดเจ็บหนักเช่นนั้นได้อย่างไร? แผลที่แขนเขา แผลเก่ากับแผลใหม่ แผลเก่าก็ไม่รู้ว่ากี่ปีแล้ว
เด็กคนนี้…
ตั้งแต่เล็กจนโตต้องรับความลำบากมามากแน่
“ข้าก็มีลูกชายแท้ๆ อยู่คนหนึ่ง เสียแต่วันที่คลอดก็ถูกชิงตัวไปแล้ว ข้า…ยังไม่ทันได้อุ้มเขาสักครั้ง ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ก็คงโตพอๆ กับเจ้านี่แหละ” ฮองเฮาฉู่ซับน้ำตา
ในมุมที่ฮองเฮาฉู่มองไม่เห็น เย่เฟิงกำหมัดแน่น เขาพยายามทำใจให้สงบ แต่ก็ยังสั่นเทา
“เพราะอะไร…เพราะอะไรถึงถูกชิงตัวไปหรือ?”
“ไม่รู้”
นี่เป็นความเจ็บปวดตลอดชีวิตของนาง
นางก็ไม่รู้ว่าคนที่ชิงลูกของนางจะทำเพื่ออำนาจในบัลลังก์ หรือว่าเพื่อแก้แค้นพวกเขากันแน่
ถ้าเพื่อแก้แค้นพวกเขา สิบแปดปีแล้ว ก็น่าจะพอได้แล้ว
แต่หากเพื่ออำนาจในบัลลังก์ ขอเพียงเขามีความสามารถดูแลแคว้นฉู่ ขอเพียงคืนลูกให้นาง พวกเขาก็จะพิจารณาสละตำแหน่งให้
แต่กลับไม่…
คนที่ลักพาหลินเอ๋อร์ของนางไป สิบแปดปีนี้ก็ไม่เคยปรากฏตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะเอ่ยถึงเงื่อนไข
“หากลูกชายท่านรู้ว่าท่านคิดถึงเขาเช่นนี้ เขาต้องปลื้มใจมากแน่”
“จริงหรือ?”
“จริงสิ ถึงข้าจะไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงกลายเป็นกำพร้า แต่ข้าเชื่อมั่นมาตลอด ว่าพ่อแม่ข้าต้องมีเหตุสุดวิสัยถึงได้ละทิ้งข้าแน่ บางทีพวกเขาอาจตามหาข้ามาตลอด”
“เจ้าเป็นเด็กดีจริงๆ ถ้าเจ้าเป็นลูกข้าจะดีสักแค่ไหนนะ?”
เย่เฟิงก้มหน้า ไม่กล้าให้นางเห็นความผิดปกติ
ใครก็รู้ว่าเขาอยากรับนางเป็นแม่ขนาดไหน
แต่เขาทำไม่ได้
อดีตอันโสมมของเขา มิคู่ควรกับฮ่องเต้และฮองเฮาอันสูงส่งที่ปกครองไพร่ฟ้า
“เจ้ารู้ไหม? ก่อนที่เจ้าพูดเรื่องนี้กับข้า ข้าคิดมาตลอดว่าหลินเอ๋อร์ของข้าต้องไม่อภัยให้เราแน่ เขาต้องคิดว่าเราทอดทิ้งเขา หรือไม่เขาก็…ไม่ยอมรับเราเป็นพ่อแม่แน่”
“ฮูหยินคิดมากไปแล้ว พ่อแม่บนโลกนี้ หากมิใช่เพราะจำเป็น ใครจะยอมทิ้งลูกตัวเองเล่า? ลูกของท่านต้องเข้าใจท่านแน่ บางทีเขาอาจกำลังตามหาพวกท่านอยู่ และบางทีเขาก็อาจขอพรให้พวกท่านอยู่เสมอ”
ที่จุดไม่ไกล
กู้ชูหน่วนมองภาพนี้อย่างมีความคิด
นางลูบคางด้วยความเคยชิน
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่?
เย่เฟิงเย็นชา เงียบขรึม ไม่ชอบเข้าใกล้คนแปลกหน้ามาตลอด แต่ทำไมลงมือทำอาหารให้นางกิน แล้วยังออกตัวพูดคุยกับนางมากอย่างนั้นอีก?
หรือว่า…
ผู้หญิงคนนี้จะเป็นแม่บังเกิดเกล้าของเย่เฟิง?
กู้ชูหน่วนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้
“ฝูกวง เจ้าไปสืบสิว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
“นายหญิงกู้ นางเป็นฮองเฮาของแคว้นฉู่ ฮ่องเต้ฉู่อภิเษกกับฮองเฮาองค์เดียวเท่านั้น ทรงมีรักมั่นกับนาง พวกเขามีโอรสด้วยกันองค์หนึ่ง แต่วันที่เพิ่งกำเนิดก็ถูกลักพาตัวไป จนถึงวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย”
“พอองค์ชายแคว้นฉู่ถูกลักพาตัวไปแล้ว ฮองเฮาฉู่ก็คลุ้มคลั่ง พอราชครูรักษาให้แล้วก็สวดมนต์ไหว้พระอยู่ที่วัดเมฆขาวสิบปีเต็ม เนื่องจากคิดถึงลูกมากเกินไป นางจึงแทบไม่รอดหลายครั้ง ฮ่องเต้ฉู่มีงานรัดตัว ไม่อาจอยู่ข้างกายนางได้นาน ดังนั้นจึงใช้กำลังรับตัวฮองเฮาฉู่กลับแคว้นไป”