เย่จิ่งหานโยนคำพูดอีกประโยคไป และไม่สนใจว่าหัวหน้ากองธงกล้วยไม้จะรับปากหรือไม่
“ข้าจะเอาตัวว่าที่ชายาข้ากลับ หัวหน้ากองธงกล้วยไม้คงไม่ขัดขวางกระมัง?”
กู้ชูหน่วนเดินไปอยู่ข้างตัวเย่จิ่งหาน กะพริบตาเป็นประกายปริบๆ เสริมอีกประโยค “ท่านอ๋องของข้ากล่าวได้ถูกต้อง จะพาตัวข้ากับเย่เฟิง แล้วยังมีองค์ฮองเฮาแคว้นฉู่ไป หัวหน้ากองธงกล้วยไม้คงไม่ขัดขวางหรอกกระมัง?”
ชิงเฟิงกับเจี่ยงเสวียพากันพูดไม่ออก
หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็ใช่ว่าจะเป็นพวกแส่หาเรื่อง หากมิใช่มีความแค้นดั่งขุนเขา เขาจะสังหารฮองเฮาแคว้นฉู่ได้อย่างไร
เป็นที่รู้กันทั่วว่าฮองเต้ฉู่โปรดปรานฮองเฮาของเขาองค์นี้มากที่สุด เพื่อนางแล้ว ฮ่องเต้ฉู่สามารถทำได้ทุกอย่าง
สำหรับเย่เฟิง
เดิมเขาเป็นทาสบำเรอของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ ตามเขากลับเผ่าปีศาจก็เป็นเรื่องที่สมควร หากนายท่านคิดจะพาตัวเย่เฟิงไป เช่นนั้นก็ต้องฉีกหน้ากับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้และเผ่าปีศาจ
ถึงพวกเขาจะไม่กลัวเผ่าปีศาจ แต่ก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
ทว่าว่าที่พระชายาของพวกเขาก็ชอบแหย่รังแตนเสียจริง
ชิงเฟิงกับเจี่ยงเสวียนึกว่านายของพวกเขาต้องคัดค้านแน่ แต่มุมปากนายพวกเขากลับยกขึ้น แล้วยังเผยรอยยิ้มเล็กน้อยอีก
นี่…นี่มันอะไรกันเนี่ย?
“หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ เจ้ามีทาสบำเรออยู่ในมือมากมาย เขาก็แค่เป็นหนึ่งในนั้นเท่านั้น ไยไม่ตัดรักทนความเจ็บปวด มอบเขาให้อาหน่วนของข้าเล่า?” เย่จิ่งหานเลียนแบบวาจาพจน์ของนาง แล้วใช้ ‘ของข้า’ คำนี้
เมื่อนั้นผู้พิทักษ์วชิระที่อยู่ข้างหลังหัวหน้ากองธงกล้วยไม้นามหนึ่งก็เอ่ยด้วยโทสะ “เย่จิ่งหาน! เจ้าอย่ารังแกกันให้มากนักนะ!”
“ท่านหัวหน้ากองธง เย่จิ่งหานโอหังนัก ให้ข้าน้อยไปจัดการมันเถอะขอรับ!”
เย่จิ่งหานยิ้มเยอะ “แม้จอมมารพวกเจ้าจะอยู่ที่นี่ ก็มิกล้าเอ่ยวาจาใหญ่โตเช่นนี้ แล้วเจ้าเป็นแค่ตัวอะไร?”
“ข้าไม่ใช้ตัว!”
กู้ชูหน่วนศอกสะกิดแขนของเย่จิ่งหาน หัวเราะเอ่ยอย่างเข้าขา “ได้ยินหรือยัง? ยังมีคนพูดว่าตัวเขามิใช่ ‘ตัว’ อีกแน่ะ ถุยๆๆ แต่เขาก็ช่างรู้ตัวเองดีนะ ยังรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ ‘ตัว’ ”
“สารเลว! ข้าเป็นตัว!”
“อ้อ…ที่แท้เจ้ามิใช่คน เจ้าเป็นแค่ ‘ตัว’”
“โครม…”
ผู้พิทักษ์วชิระที่ถูกกู้ชูหน่วนทำให้ขายหน้าหัวเสียสุดเหวี่ยง โบกทวนวงเดือนกรีดนภาพุ่งเข้าโจมตีกู้ชูหน่วน
ฝูกวงหัวเราะเย็น สองขาว่องไวหมุนพลิกตัว ชักกระบี่ทั้งสองออกมา
“แช้งๆๆ…”
กระบี่ยาวปะทะกับทวนวงเดือนกรีดนภา ส่งเสียงดังกังวานที่อาวุธกระทบกัน
วิชาตัวเบาของฝูกวงดี เร็วมาก กระบี่ทั้งสองก็ประสานได้อย่างลงตัว ทำให้ทุกรอยกระบี่ว่องไวแม่นยำราวกับธารปุยเมฆน้ำไหล
ผู้พิทักษ์วชิระกำยำมาก ทรงพลัง ทุกการลงมือต่างหนักหน่วงทำลายพสุธาได้ เสียแต่คู่ต่อสู้เขาคือฝูกวงที่วิชาตัวเบาเป็นทักษะชั้นเลิศอีก
ไม่ว่าเขาจะใช้กำลังมากอย่างไรก็ถูกฝูกวงสลายไปได้ด้วยกำลังเพียงนิด เสมือนแรงถ่วงหนักที่ตกสู่ปุยนุ่น ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ราวกับมลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ตึง…”
ผู้พิทักษ์วชิระถูกฝูกวงซัดหนัก ร่างที่ราวกับราชสีห์ยักษ์ล้มลงพื้นโครม เลือดสดทะลักออกมา อยู่นานก็คลานขึ้นไม่ไหว
ผู้พิทักษ์วชิระอีกสามคนต่างขึ้นหน้ามา คิดจะจัดการฝูกวง
แต่หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ห้ามพวกเขาไว้ นัยน์ตาเย็นชาแหลมคมจ้องเย่จิ่งหานเขม็ง
“นางผู้นี้ เจ้าเอาไปได้ แต่เย่เฟิงต้องทิ้งเอาไว้!”
“แล้วถ้าข้าต้องการเอาตัวเย่เฟิงไปด้วยล่ะ?”
“เทพสงคราม เพื่อทาสบำเรอคนเดียว เจ้าจะเป็นศัตรูกับจอมมารเราจริงหรือ?”
“เผ่าปีศาจร้ายกาจนักหรือ? ท่านอ๋อง เอาให้ราบไปเลย” กู้ชูหน่วนดีแต่ปาก น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ ยโสถึงที่สุด
เย่จิ่งหานขมวดคิ้ว
นังคนนี้
จากน้ำเสียง ทำไมเหมือนนางอยากให้เขาสู้กับเผ่าปีศาจสักสามร้อยยกเดี๋ยวนี้เลยนะ?