สำหรับกู้ชูหน่วน ทุกครั้งที่เจอหน้า เขาก็แทบอยากบี้นางให้ตายไปเสีย
แต่ทุกครั้ง…เขาก็ใจอ่อน
เย่จิ่งหานโมโหเอ่ย “จัดตัวกู้ชูหน่วนไว้! จับมาไม่ได้ พวกเจ้าก็ไม่ต้องกลับมา”
“ขอรับ!”
เย่จิ่งหานกวาดตามองฮองเฮาฉู่ที่ราวกับวิญญาณออกจากร่างแวบหนึ่ง จากนั้นก็จากไปแบบฮึดฮัด
ฮองเฮาฉู่เอ่ยเสียงสั่น “เด็กๆ เด็กๆ!”
“ฮูหยิน…”
“สืบ! สืบอย่างละเอียดมาให้ข้า ข้าต้องการรู้ข้อมูลชาติกำเนิดทั้งหมดของเย่เฟิง ห้ามละเลยไปแม้แต่เรื่องเดียว!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
“ออกเดินทาง เราไปที่หมู่บ้านสายธาร เร็ว!”
“ขอรับ…”
วัดเมฆขาว วัดที่ใหญ่ที่สุดในตำบลชิงหง
เมื่อครู่ยังมีคนมากมายมารวมตัวกัน พริบตาเดียวก็สลายตัวไปจนหมด
เส้นทางที่ไปหมู่บ้านสายธาร มีรถม้าสองคันเร่งตามกันไป
ด้านนอกรถม้ามียอดฝีมือหลายสิบคนขี่ม้าเร็วอารักขา
พวกเขาจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ แววตาล้ำลึก ที่ขี่อยู่ก็เป็นม้าเหงื่อโลหิตทั้งหมด แค่เห็นก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
ที่นั่งอยู่รถม้าคันแรกคือกู้ชูหน่วนกับเย่จิ่งหาน
ส่วนที่นั่งอยู่บนรถม้าคันที่สองคือเย่เฟิง
เย่เฟิงใจร้อนดั่งไฟ แทบอยากถึงหมู่บ้านสายธารเสียเดี๋ยวนี้ แต่ประการแรกเขาถูกคนของเย่จิ่งหานใช้กำลังขวางเอาไว้
ประการที่สองร่างกายบาดเจ็บหนัง จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่หาย ขี่ม้าแพล็บเดียวก็กระชากถูกบาดแผลบนตัว เลือดสดไหลออกมา กู้ชูหน่วนไม่ยอมให้เขาขี่ม้า จึงได้แต่นั่งรถม้ากลับไป
มองทางหมู่บ้านสายธารที่อยู่ไกลๆ สองมือเย่เฟิงสั่นไม่หยุด ยิ่งเข้าใกล้หมู่บ้าน เขาก็ยิ่งไม่กระวนกระวาย
ในรถม้าคันแรก
กู้ชูหน่วนชงชาเสวี่ยให้เย่จิ่งหาน กะพริบตาโตเป็นประกายปริบๆ ยิ้มเอ่ยราวกับสุนัขเลียแข้ง “ท่านอ๋อง เมื่อครู่ข้าพูดผิดไป ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี อย่าเอาความผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างข้าเลยนะ”
เย่จิ่งหานเชิดหน้าออกไปทางนอกหน้าต่าง ปฏิเสธการขอขมาและชาเสวี่ยของนาง
กู้ชูหน่วนเอี้ยวไปตรงหน้าเขา แล้วมอบชาเสวี่ยให้อีกครั้ง “ข้ารับรอง ต่อไปจะไม่ว่าขาที่สามท่าน…”
“ซี๊ด…”
ยังไม่ทันพูดจน อุณหภูมิในรถม้าก็ลดลงอีกหลายองศา
กู้ชูหน่วนปิดปากอย่างรู้ความ
ไอ้ผู้ชายปากอย่างใจอย่างนี่ ขี้น้อยใจจริงๆ!
ก็แค่พูดไปอย่างนั้น ไม่ได้เล็กลงจริงๆ สักหน่อย!
“ท่านอ๋อง ท่านไม่รู้ ตอนที่ท่านยังไม่มา ข้ากลัวแค่ไหนที่ต้องเผชิญหน้ากับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ เกิดข้าต้องเป็นอย่างเย่เฟิง ถูกจับไปที่เขาสูบวิญญาณ เช่นนั้นมิต้องขายหน้าท่านแย่หรือ?”
อารมณ์โกรธเย่จิ่งหานไม่ลดทั้งยังเพิ่มขึ้นอีก
มุมปากเขาหัวเราะ
กลัว?
เขาไม่เห็นนางว่าจะกลัวสักนิด
แต่กลับเห็นนางยโสโอหังถึงที่สุด ไม่รู้ว่านางเอาความมั่นใจจากไหนมาโอหังเช่นนั้น
“ท่านอ๋อง หากยังไม่ดื่มอีก ชาเสวี่ยนี่ก็จะเย็นแล้วนะ”
เย่จิ่งหานยังเชิดหน้าอยู่
รอยยิ้มที่ราวกับสุนัขเลียขาของกู้ชูหน่วนหายไปทันที ชาเสวี่ยในมือก็วางลงกับโต๊ะหนักจนน้ำชาเฉาะออกมา
“เย่จิ่งหาน จะโกรธก็ต้องมีขอบเขตบ้าง อย่าเอาแต่ทำหน้าบึ้งทั้งวัน อยู่อย่างกับผีดิบพันปี”
นอกรถม้า ชิงเฟิงกับเจี่ยงเสวียหมดคำพูดแล้ว
โลกนี้ก็มีแต่นางที่กล้าพูดเช่นนั้นกับท่านอ๋อง
ท่านอ๋องกำลังโกรธอยู่ เอาใจมากสักหน่อยก็หายแล้วไม่ใช่หรือ?
หากท่านอ๋องคิดจะเอาชีวิตนาง จะยอมให้นางอยู่มาถึงตอนนี้หรือ?
นึกถึงตอนนี้ท่านอ๋องได้ยินข่าว ว่าคุณหนูสามกู้พาอี้เฉินเฟยบุกเขาสูบวิญญาณ แม้ท่านอ๋องจะไม่เอ่ยอะไร แต่กลับรอคนกลับมารายงานข่าวล่าสุดตลอด
ถัดมา เมื่อข่าวที่คุณหนูสามกู้บุกเข้าส่วนลึกของเขาทิ้งวิญญาณแพร่มา ท่านอ๋องก็นิ่งเฉยไม่ได้อีก รุดหน้าไปตำบลชิงหงในคืนนั้น เกรงว่านางจะพบกับจอมมาร
นางพบแล้ว
แต่ไม่เพียงไม่ถูกจอมมารสังหาร
ทั้งยังหลอกจอมมารมาอีก
ท่านอ๋องโมโหจนหน้าเขียวปัด