กู้ชูหน่วนแย้งกลับอย่างจริงจังมีเหตุมีผล “จะเป็นไปได้อย่างไร! ภูมิหลังเขาน่าสงสารขนาดนั้น ใครเห็นก็ต้องมีความรู้สึก ข้าแค่เห็นเขาเป็นสหายเฉยๆ”
“เช่นนั้นหรือ? แล้วเซียวหยู่เซวียนล่ะ?”
“นั่นก็เพื่อนพ้อง”
“อี้เฉินเฟยล่ะ?”
“นั่นเป็นพี่น้อง”
“ซือโม่เฟยล่ะ?”
“นั่นลูกน้องข้า”
“ซ่างกวนฉู่ล่ะ?”
“นั่นเป็น…อาจารย์ข้า”
ทีแรกกู้ชูหน่วนจะพูดว่าเพื่อน แต่คิดแล้วรู้สึกไม่ค่อยเหมาะสม จึงเปลี่ยนเป็นอาจารย์
ไม่พูดถึงซ่างกวนฉู่ยังพอว่า แต่พอพูดถึงกู้ชูหน่วนก็นึกถึงโฉมหน้างามๆ ของเขาขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
“เฮอะ…ล่อลวงไปทั่ว”
เย่จิ่งหานเย้ยเย็น
ไม่นับยังแล้วไป ครั้นนับชายงามที่อยู่ข้างกายนางแล้วก็ได้มาเป็นพรวน แล้วยังมีอีกมากอย่างเช่นฝูกวงที่เขายังไม่ได้นับรวมเข้าไปอีก
“ท่านอ๋อง ที่ควรถามก็ถามไปหมดแล้ว ควรรีบส่งคนไปหมู่บ้านสายธารได้แล้วหรือยัง? หากไปช้านิดเดียว แล้วเกิดโศกนาฏกรรมบนแดนมนุษย์จะทำอย่างไร?”
“ไม่ไป”
“ไม่ไปจริงหรือ?”
กู้ชูหน่วนถกแขนเสื้อ ระหว่างคิ้วเจือความโกรธเป็นชั้นๆ
เพื่อให้เขาส่งคนไปหมู่บ้านสายธาร นางถึงกับอยู่ให้เขาบ่นเป็นนานสองนาน จนน้ำลายจะแห้งแล้ว
ไอ้คนขี้งอนปากไม่ตรงกับใจนี่ก็ยังไม่สั่นคลอนอีก
“หยุดรถ! ให้ม้าเร็วข้าสองตัว ข้าจะไปกับฝูกวงเอง”
เย่เฟิงเลิกผ้าม่านขึ้น เสียงเย็นชาปนความร้อนรน “ข้าด้วย ข้าจะไปกับเจ้า”
บาดแผลเขาปริ เดิมควรปวดมาก แต่ใบหน้าเขากลับไม่เห็นความเจ็บปวดสักนิด ที่มีนั้นมีแต่ความร้อนใจ
“ไม่มีคำสั่งของข้า ใครก็อย่าได้ไปจากที่นี่” เย่จิ่งหานไม่ปรายตาสักนิด สั่งด้วยความเย็นชา
“รู้แล้ว!”
กู้ชูหน่วนเดือดดาล
ฝูกวงขี่ม้ามาที่ข้างหน้าต่างรถไม้ เอ่ยเสียงต่ำ “นายหญิงกู้ ม้าของเทพสงครามก็เป็นม้าเหงื่อโลหิตชั้นดีที่สุด ตอนนี้ก็เร่งแม้ลงแส้แล้ว ถึงเราจะแยกกับพวกเขาก็ไม่เร็วกว่ากันเท่าไรหรอกขอรับ”
กู้ชูหน่วนหรือจะไม่รู้เหตุผลนี้
แต่นางก็กลัวเหมือนกัน
เย่เฟิงรู้จักหนักเบา หากไม่มั่นใจว่าหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ต้องทำอะไรกับหมู่บ้านสายธารแล้ว เขาก็จะไม่ตื่นตระหนกเช่นนั้นเด็กขาด
เมื่อมองม้าเร็วสี่ตัวของรถม้าของพวกเขา ม้าสี่ตัวนี้ยังดีกว่าม้าที่พวกเขาขี่มาก คนขับรถม้าก็โบกสะบัดแส้เร่งอยู่ตลอด
นี่…
ถึงขีดสุดแล้ว
เย่จิ่งหานไม่ได้จงใจให้เวลาเสียเปล่า
กู้ชูหน่วนจึงได้แต่รบเร้า “เร็วอีกหน่อยแล้วกัน”
“ขอรับ!”
“อีกนานเท่าไรถึงจะถึงหมู่บ้านสายธาร?”
“ข้ามเขาลูกนี้ไปก็ถึงแล้ว”
“ได้ เร็วอีกหน่อยเถอะ”
“ขอรับ…” คนขับรถม้าอยากพูด ว่านี่ก็เร็วที่สุดแล้ว แต่เขากลั้นเอาไว้ แส้ม้าเหวี่ยงฟาดอีกเป็นครั้งๆ เร่งความเร็วต่อ
พิราบสื่อสารตัวหนึ่งบินมา เจี่ยงเสวียดึงกระดาษออก แล้วส่งมาตรงหน้าเย่จิ่งหานด้วยความนอบน้อม
เมื่อเย่จิ่งหานเปิดออก นัยน์ตาเย็นชาก็หดเล็ก
สัญชาตญาณกู้ชูหน่วนรู้สึกถึงลางสังหรณ์ “มีอะไร? เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“จวนอ๋องมีเรื่อง เลี้ยวกลับจวนอ๋อง” เย่จิ่งหานออกคำสั่ง
“ท่านอ๋อง ข้างหน้าก็เป็นหมู่บ้านสายธารแล้ว”
“หันหัวกลับ!”
กู้ชูหน่วนตะคอก “ใครกล้าหันกลับ ข้าจะฆ่ามัน!”
ตอนจากมาเซียวหยู่เซวียนยังอยู่ในหมู่บ้าน
หากหมู่บ้านสายธารเกิดเรื่อง แล้วเซียวหยู่เซวียนล่ะ?
เขาจะเกิดเรื่องด้วยหรือไม่?
กลิ่นคาวเลือดเข้าจมูกมาเป็นระลอก อบอวลห้อมล้อมพวกเขา ไม่รู้ว่าเบื้องหน้ามีคนตายเท่าไรกันแน่
ในที่สุดรถม้าก็หยุดที่หมู่บ้านสายธาร
กู้ชูหน่วนกับเย่เฟิงลงจากรถม้า
เมื่อเห็นสภาพการณ์ของหมู่บ้านแล้ว เรี่ยวแรงในตัวเย่เฟิงก็ราวกับถูกสูบไปหมด เดินไปข้างหน้าแบบโซซัดโซเซ โฉมหน้าหล่อเหลาที่ซีดเซียวไม่อยากจะเชื่อ
นัยน์ตากู้ชูหน่วนหดเล็ก ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
หมู่บ้านสายธาร…
ถูกกวาดล้างไปแล้ว…