บทที่ 240 แพ้ย่อยยับ
กู้ชูหน่วนค่อยๆรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล หันหน้ากลับไปก็พบกับใบหน้าเคร่งขรึมจนน่ากลัวของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ นางตกใจ จนร่างสะดุ้งโหยง
“คนหลอกคน ตกใจแทบตาย”
ผู้พิทักษ์วชิระสามทุบค้อนลงไป เอ่ยอย่างโมโหว่า “ผู้หญิงสมควรตาย ไม่เพียงแต่จะปั่นหัวให้เทพสงครามมาโจมตีเขาสูบวิญญาณ ยังกล้ายุยงให้แตกคอกันอีก เจ้าสมควรตาย”
สีหน้าขององครักษ์ลับเปลี่ยนไป ผลิกกระบี่ที่อยู่ในมือ สกัดกั้นค้อนเหล็กเอาไว้
“ปังปังปัง……”
ผ่านไม่ชั่วครู่ ก็สู้กันไปหลายสิบกระบวนท่าแล้ว
“โครม……”
เสียงหนึ่งดังขึ้น องครักษ์ลับกระอักเลือด แต่ผู้พิทักษ์วชิระสามกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ผลแพ้ชนะอยู่ตรงหน้าแล้ว
กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น “ทำไม ถูกข้าพูดจี้ใจดำ จึงพาลโกรธอย่างนั้นหรือ หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ ใช่ว่าข้าอยากจะว่าท่าน ท่านมันไร้ยางอายจริงๆ เจ็ดผีแห่งภูเขาหยินนับถือท่านเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนที่ดี แม้แต่พวกเขาท่านก็หลอกลวง”
พลังภายในในฝ่ามือของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้รวมตัวกันเป็นลูกไฟ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ามันขยายตัวใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกนั้นจ้องมองอยู่ที่กู้ชูหน่วน ราวกับกู้ชูหน่วนเป็นคนที่ตายไปแล้ว
เย่เฟิงพยายามลุกขึ้นมาอย่างลำบาก เอ่ยเตือนด้วยเสียงสั่นว่า “ระวัง ลูกไฟของเขามีพิษ ถ้าสัมผัส แม้แต่เหล็กนิลยังหลอมละลาย”
กู้ชูหน่วนกวาดตามองไปยังลูกไฟที่รวมตัวในมือเขา ลูกไฟยิ่งโตเท่าไหร่ แสดงว่าความโมโหในใจเขายิ่งมีมากเท่านั้น
กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า”อยากจะฆ่าคนเพื่อปิดปากหรือ เฮ้อ พี่ใหญ่หยิน ดูเพื่อนรักที่เจ้าคบหา จุ๊ๆๆ แค่กระดิ่งทลายวิญญาณเล็กๆอันเดียวก็สามารถหักหลังพวกเจ้าได้ ”
หยินต้ากุ่ยลูบหนวดที่อยู่ข้างแก้ม หัวเราะอย่างมีเลศนัย “เด็กน้อย เจ้าอย่ามายุแยงตะแคงรั่วเลย ลืมบอกเจ้าไป พวกเราสองคนเป็นพี่น้องคนละแม่กัน เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา อีกอย่างเขาแย่งกระดิ่งทลายวิญญาณไป ก็เพราะอยากจะมอบให้ข้า”
“……”
กู้ชูหน่วนอยากจะก่นด่า ว่าตัวเองใจร้อนเกินไปแล้ว
อะไรกัน ให้นางแสดงละครอยู่ได้เป็นครึ่งวัน
เจ้าหยินต้ากุ่ยคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไร ไม่เพียงแต่จะไม่เปิดโปงนาง ยังให้ความร่วมมือแสดงละครกับนางอีกตั้งนาน
“นังตัวดี ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย เอากระดิ่งทลายวิญญาณมา ไม่เช่นนั้นวันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า”
“ข้าก็อยากจะมอบให้ แต่กระดิ่งทลายวิญญาณถูกชิงไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าถูกใครชิงไป ข้าก็ไม่รู้ ไม่เชื่อเจ้าสามารถถามเย่เฟิงก็ได้ นิสัยของเย่เฟิงเป็นอย่างไร คิดว่าคงไม่มีใครรู้ดีไปมากกว่าพวกเจ้าแล้ว”
สายตาของทุกคนต่างก็จ้องมองไปทางเย่เฟิงอย่างพร้อมเพรียงกัน
เย่เฟิงพยักหน้า “แม่นางกู้มอบกระดิ่งทลายวิญญาณให้ข้า ระหว่างทางที่ข้าเอากลับมาเขาสูบวิญญาณ ถูกคนสวมชุดขาวปกปิดใบหน้าแย่งชิงไป อีกฝ่ายวรยุทธสูงส่งมาก ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้”
เจ็ดผีแห่งภูเขาหยินยังอยากจะถามต่อ แต่หัวหน้ากองธงกล้วยไม้กับเอ่ยขึ้นเรียบๆว่า “ในเมื่อเย่เฟิงบอกว่าถูกชิงไปแล้ว เช่นนั้นก็ไม่อยู่บนตัวเขา”
“ชายคนนี้เป็นพวกเดียวกับนาง ยากจะรับประกันว่าพวกเขาไม่ได้สมคบคิดกัน”
“เย่เฟิงเป็นคนที่ข้าเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต เขาไม่มีทางพูดโกหก”
“แม้สิ่งที่พวกเขาพูดจะเป็นความจริง วันนี้จำเป็นต้องตาย ความแค้นของเหล่าเจี้ยนต้องชำระ ดวงตาของสวีเจิ้น ก็จำเป็นต้องเอาคืน”สวีซานเหนียงยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เลียมือโลหิตของตนเองอย่างยั่วยวน
พี่ใหญ่หยินกับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ต่างก็กำลังลังเลว่าจะฆ่านางหรือไม่
ฆ่านาง จะเป็นการล่วงเกินเทพสงครามกับท่านจอมมาร
เทพสงครามก็แล้วไปเถอะ ในเมื่อต่างก็ไม่ไว้หน้ากันแล้ว
แต่ท่านจอมมาร
ไม่รู้ว่าหัวหน้ากองธงกล้วยไม้นึกอะไรขึ้นมา ทันใดนั้นก็ถามขึ้นว่า” เจ้าเกี่ยวข้องอย่างไรกับสำนักอสุรา ทำไมคนของสำนักอสุราจึงได้ปกป้องเจ้า”
เจ็ดผีแห่งภูเขาหยินต่างก็ตกตะลึง ไอสังหารพุ่งขึ้นมาทันที “อะไรนะ คนของสำนักอสุราปกป้องนางหรือ ”
“เด็กน้อย เจ้าเป็นคนของสำนักอสุราหรือ”
“ไม่ใช่ สำนักอสุราอะไรกัน ข้าไม่คุ้นเลย”สัญชาตญาณของกู้ชูหน่วนรู้ว่าเหตุการณ์ไม่ดีแล้ว
“ไม่ว่าจะคุ้นไม่คุ้น พัวพันถึงสำนักอสุรา เจ้าก็สมควรตาย”
หยินต้ากุ่ยกับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ประสานสายตากัน ต่างก็เห็นไอสังหารในสายตาของอีกฝ่าย
เป็นไปได้ว่ากู้ชูหน่วนอาศัยสำนักอสุรา และยังฆ่าเจี่ยนแคระ ยุยงให้เทพสงครามโจมตีเขาสูบวิญญาณ ทำให้พวกเขาต้องบาดเจ็บล้มตายไปนับไม่ถ้วน แม้แต่เขาสูบวิญญาณก็ถูกทำลายไปเกือบครึ่ง
ไม่ฆ่านาง คงยากจะลบความแค้นที่อยู่ในใจได้
ขอเพียงคนที่อยู่ที่นี่ล้วนตายกันหมด ถึงเวลาคนที่เกี่ยวข้องตายไปหมดแล้วก็ไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ ท่านจอมมารอาจไม่รู้ว่าเป็นฝีมือพวกเขา
ที่หัวหน้ากองธงกล้วยไม้เกลียดที่สุดคือ นางกับเย่เฟิงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน
เย่เฟิงเป็นคนของเขา ชาตินี้ มีเพียงเขาที่แตะต้องได้ แม้จะตาย ก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่ฆ่าได้
กู้ชูหน่วนถอยหลังไปหลายก้าว เอ่ยเสียงขรึม “พวกเจ้ารีบหนีไป ไปหาเย่จิ่งหาน”
“หนี นอกจากนรก พวกเจ้าก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
พวกเจ็ดผีแห่งภูเขาหยินและหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ต่างก็ยืนอยู่คนละทิศ ล้อมรอบเป็นวงกลม สกัดกั้นทางหนีของพวกเขาเอาไว้จนหมด
พวกเขาหกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร ล้วนเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในใต้หล้า โดยเฉพาะหัวหน้ากองธงกล้วยไม้กับหยินต้ากุ่ย เป็นคู่ต่อสู้ที่ยากพบเจอได้บนโลกนี้
แต่ฝั่งของพวกเขา ล้วนเป็นคนอ่อนแอได้รับบาดเจ็บ ไม่มีพลังในการต่อสู้
กู้ชูหน่วนใช้สมองทั้งหมดคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ แต่ก็คิดหาวิธีการอะไรดีๆไม่ได้เลย
อีกฝ่ายมีพลังแข็งแกร่งมากจริงๆ
นางได้แต่หาตำแหน่งที่แม่นยำ พูดขึ้นว่า “ทลายวงล้อมจากทางด้านเจ้าบอดคนนั้น หนีได้คนหนึ่งก็ยังดี”
หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ยิ้มเย็น ลูกไฟที่ก่อตัวขึ้นในมือถูกกระแทกออกไปดังปัง
ลูกไฟขนาดใหญ่แยกกระจายร่าง กลายเป็นลูกไฟขนาดเล็กนับไม่ถ้วน ไล่ตามพวกเขาด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด
สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไป ดึงตัวท่านยายเย่ ก้าวไปด้านข้างหลบหลีกอันตราย
เหล่าองครักษ์ที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ทันหลบพ้น ถูกลูกไฟประกบ ละลายกลายเป็นเลือดในพริบตา
องครักษ์ลับสิบกว่าคน แค่ชั่วพริบตาเหลือเพียงห้าคนเท่านั้น และลูกไฟยังคงหมุนวนไม่หยุด
เย่เฟิงสีหน้าขาวซีด
มียอดฝีมืออยู่มากมายขนาดนี้ เกรงว่าวันนี้พวกเขาคงไม่มีทางหนีออกไปได้
แววตาที่เย็นชากวาดมองกู้ชูหน่วน ที่พาท่านยายเย่หลบหลีกซ้ายขวาแวบหนึ่ง เย่เฟิงตัดสินใจ
เขากำลังเดิมพัน เดิมพันว่าหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ยังไม่สิ้นความสนใจที่มีต่อเขา
เย่เฟิงรวบรวมพลังภายในที่หลงเหลืออยู่ กระแทกไปยังลูกไฟ
ลูกไฟเพียงแค่ไหววูบไปเท่านั้น แต่ไม่ได้สลายไป
แต่เขากลับฉวยโอกาสท่ามกลางลูกไฟมากมายหาเจ้าแห่งลูกไฟจนพบ ใช้ร่างของตนเองกระโจนเข้าไปราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
อยู่ข้างกายหัวหน้ากองธงกล้วยไม้มาตั้งหลายปี เขาเข้าใจดี อยากจะทำลายกระบวนท่าของเขา นอกจากจะหาเจ้าแห่งลูกไฟพบแล้ว ใช้เลือดที่ร้อนระอุของตนเองราดรด ไม่เช่นนั้นลูกไฟไม่มีทางหยุดลงแน่
ในขณะที่ร่างของเขากำลังจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแห่งลูกไฟ มือขวาของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็ยกขึ้น สลายลูกไฟ จึงทำให้เขารอดพ้นจากอันตรายได้
เย่เฟิงยิ้มเยาะ
เขาเดิมพันถูกต้อง
เขาควรจะดีใจที่หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ยังไม่เบื่อหน่ายต่อร่างกายของเขา
“กร๊อบ”เสียงหนึ่งดังขึ้น
ลำคอของเย่เฟิงถูกหัวหน้ากองธงกล้วยไม้บีบเอาไว้ ร่างกายก็ถูกเขาทับไว้เช่นกัน
อาการเหมือนจะขาดลมหายใจกรูขึ้นมา
ข้างหูเป็นเสียงพูดที่โหดเหี้ยมอำมหิตของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ “เสี่ยวเฟิงเอ๋อ เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าหรือ ในสายตาของข้า แม้แต่มดตัวหนึ่งเจ้าก็เทียบไม่ได้”
เย่เฟิงหัวเราะเสียงเย็น บนใบหน้าหล่อเหลาแต่ซีดขาว มีแววแห่งความเกลียดชัง เป็นความเกลียดชังที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูกดำ
เห็นความเกลียดชังในนัยน์ตาของเขา บรรยากาศรอบตัวของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็เย็นลงอีกหลายส่วน
“เจ้ากล้าใช้สายตาเช่นนี้จ้องข้าหรือ อย่าลืมฐานะของเจ้า เจ้าก็แค่ทาสบำเรอคนหนึ่งเท่านั้น เป็นทาสบำเรอที่ให้ข้าเล่นได้ตามอำเภอใจ”
” กรรมดีกรรมชั่วย่อมตามทัน ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวัน ต้องมีคนจัดการกับท่าน”
“เพียะ……”
หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ฟาดฝ่ามือลงไปอย่างแรง พลังรุนแรงมาก ทำให้ร่างของเย่เฟิงปลิวออกไป กระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง