บทที่ 253 ปรากฏโฉมหน้าแท้จริง ตะลึงทั้งงาน (1)
เย่จิ่งหานคิดไม่ถึง ศรีภรรยาเขาจะ…ห้าวเช่นนี้…
ที่ห้าวยิ่งกว่าคืออะไร? นางจามอีกสองสามครั้ง บ่นพึมพำ “ใครน่ะ โปะเยียนจือ(*ชาดจากสีดอกคำฝอยอัดแข็ง)กลิ่นแรงขนาดนั้น ฉุนจะตายชัก ในเมื่อไหว้ฟ้าดินเสร็จแล้วก็เข้าห้องหอเถอะ!”
ครั้นนางเอ่ยจบ ราวกับรู้สึกไม่ค่อยเป็นทางการ จึงตะโกนอีกประโยค “ส่งเข้าห้องหอ”
เงียบ
ทั้งงานยังคงเงียบดังเดิม แต่ละคนอ้าปากค้าง มองกู้ชูหน่วนที่สวมผ้าปิดหน้าอย่างเหลือเชื่อ
มุมปากกู้ชูหยุนเจือรอยยิ้มที่ดูแคลนและเยาะเย้ย
วันมงคล จามทีเดียวก็ทำผ้าแดงคลุมศีรษะหลุด เท่ากับตบหน้าเทพสงครามโดยแท้
นางกลับอยากรู้ เทพสงครามจะฆ่านางทิ้งด้วยความโกรธหรือไม่
ไม่เพียงนาง ผู้คนจำนวนมากในงานต่างรอดูเรื่องสนุก แต่ละคนคิดว่ากู้ชูหน่วนต้องจบเห่แล้วแน่
แต่…
ที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงพรึงเพริดก็คือ เย่จิ่งหานเดือดดาลแล้ว
แต่ที่เขาเดือดด้วยมิใช่กู้ชูหน่วน
แต่เป็นผู้หญิงที่ผัดเยียนจือแป้งน้ำในงาน
“เด็กๆ! เอาตัวนางที่ผัดเยียนจือแป้งน้ำกลิ่นฉุนตะเพิดออกไปให้หมด ชายาข้ารับกลิ่นเสียดจมูกไม่ได้”
เออ…
นี่มันอะไรกัน?
กู้ชูหน่วนเช่นนี้แล้ว เทพสงครามยังปกป้องนางอีก?
นี่ยังใช่เทพสงครามโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนเหมือนมดไหม?
ความคิดยังไม่ทันชัดเจน คนจำนวนมากก็ถูกตะเพิดออกไปแล้ว
เป็นการกลบทัศนคติทุกคนโดยสมบูรณ์
ชิวเอ๋อร์ตกใจหนัก นางเก็บผ้าคลุมศีรษะขึ้นมา จะคลุมให้กู้ชูหน่วนก็ไม่ใช่ จะไม่คลุมก็ไม่ใช่ จึงได้แต่ถือเอาไว้ แข็งทื่ออยู่กลางอากาศ
กู้ชูหน่วนจามอีกที ไม่รู้ตัวเลยว่านางทำให้ผู้อื่นตกใจกันจนเป็นอย่างไรแล้ว
“เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว กวานหงส์อันนี้ทับคอข้าหนักจะแย่”
“เด็กๆ! ถอดกวานหงส์ของพระชายาออก”
ไม่รอให้ผู้อื่นลงมือ กู้ชูหน่วนก็ถอดออกเองแล้ว เพียงแต่นางไม่ได้ยื่นให้คนรับใช้ แต่อุ้มอยู่ในอก เกรงว่าคนอื่นจะแย่งกวานหงส์ของนาง
นางยิ้ม เลิศเลอหาใดเทียมแห่งยุค “เราก็ผ่านพิธีการเป็นผัวเมียกันแล้ว ก็ถือว่าเป็นผัวเมียกันแล้ว พวกเรื่องยุ่งยากซับซ้อนพวกนั้นก็ช่างมันเถอะ”
เย่จิ่งหานยกยิ้ม กระทั่งฉับไว “ได้สิ”
กู้ชูหน่วนกวาดตามองทุกคนที่ปากอ้าตาค้าง เดิมอยากเข้าห้องหอทันที จนใจที่ยุ่งทั้งวัน ปากคอแห้งผาก นางจึงนั่งที่ตำแหน่งประธานแล้วหยิบชากาหนึ่ง ดื่มอึกๆๆ ลงไป
กู้ชูหยุนส่งสายตาหนึ่งให้องค์หญิงตังตัง
องค์หญิงตังตังลังเลอยู่บ้าง และกลัวเย่จิ่งหานบ้างเหมือนกัน
แต่กู้ชูหยุนส่งสายตาให้อีกหลายครั้งติดกัน ทั้งนึกถึงความเหิมเกริมบาดใหญ่เช่นนี้ของกู้ชูหน่วน ทำให้นางเสียหน้าไปหลายครั้ง แม้แต่หน้าเสด็จแม่และเงินก็ถูกนางหลอกไปด้วย
นางเจ็บใจ
ยิ่งเจ็บใจ ความกล้าของนางก็ยิ่งมากขึ้น
ขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงค้าง นางก็ค่อยๆ ก้าวออกมา ยิ้มหวาน “เสด็จอาสะใภ้ สมัยก่อนตังตังไม่รู้ความ มีเรื่องกับท่านร่ำไป ตังตังรู้ผิดแล้ว ต่อไปเราครอบครัวเดียวกัน หวังว่าท่านจะไม่ถือสาตังตัง”
กู้ชูหน่วนเกือบสำลัก
องค์หญิงตังตังเป็นใคร ทำไมนางถึงทำดีกับนางอย่างไรเหตุผลได้ คงมีแผนร้ายอะไรกระมัง
เย่จิ่งหานก็ไม่เชื่อว่าองค์หญิงตังตังจะเปลี่ยนนิสัยอย่างกะทันหันได้ เขาเอ่ยเย็น “งานแต่งจบแล้ว เจ้ากลับวังไปเถอะ”
“เสด็จอา กว่าตังตังจะออกวังได้หนหนึ่ง อีกอย่างตังตังก็อวยพรให้พวกท่านจากใจจริง สำนึกผิดอย่างซื่อตรง ท่านขับไสตังตังเช่นนี้ ตังตังน้อยใจนักเพคะ”
ริมฝีปากกู้ชูหน่วนแฝงรอยยิ้มเย็นหนึ่ง “ท่านอ๋อง ข้าว่าองค์หญิงตังตังจริงใจโดยแท้ บางทีนางอาจอยากผันสมรภูมิเป็นสันติจริงๆ ก็ได้ มิเช่นนั้นก็ให้นางอยู่ที่นี่เถอะ”
นางก็อยากจะดู ว่านางคิดมาไม้ไหนกันแน่