อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม – บทที่ 261 ปัญญาอ่อนสองคนอยู่ด้วยกัน

บทที่ 261 ปัญญาอ่อนสองคนอยู่ด้วยกัน

บทที่ 261 ปัญญาอ่อนสองคนอยู่ด้วยกัน
‘อีกไม่นานก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว’ คำพูดนั้นของกู้ชูหน่วนทำให้แววตาของเซียวหยู่เซวียนและจอมมารเป็นประการ แอบในใจยินดีปรีดาเป็นไม่ได้

ดูท่ากู้ชูหน่วนชอบเขาจริงๆ

“เสี่ยวเซวียนเซวียน ยากนักที่พบเจ้าดั่งคนคุ้นเคย เมื่อครู่ได้ยินว่าจะไปดื่มสุราที่ร้านจุ้ยชุนเฟิเมืองหยู มิเช่นนั้นวันนี้ก็ให้ข้าเป็นเจ้าภาพเถอะ ข้าจะเลี้ยงสุราเอง”

ท่าทีจอมมารถ้อยอาศัย ดวงตาต่างสีเจือรอยยิ้ม

ตัดสินใจในใจว่าจะเอาใจเซียวหยู่เซวียน อนาคตจะได้สู่ขอกู้ชูหน่วนมาได้โดยง่าย

นอกจากกู้ชูหน่วนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาสนทนากับผู้อื่นอย่างอ่อนโยนเช่นนี้

เซียวหยู่เซวียนถูกกู้ชูหน่วนเรียกเสี่ยวเซวียนเซวียนเป็นอาจิณยังแล้วไป

แต่จอมมารกลับเรียกเสี่ยวเซวียนเซวียนด้วย ทำให้เขารู้สึกผิดแผกจริง

แต่เขาจะล่วงเกินท่านน้าชายในอนาคตก็มิได้ ได้แต่เอ่ยอ้อมค้อม “เออ…มิเช่นนั้น ท่านก็เรียกชื่อข้าก็พอ เสี่ยวเซวียนเซวียนสามคำนี้ มัน…นิดหน่อย…จริงๆ…”

“ข้าเข้าใจๆ เรียกน้องชาย น้องชาย ไม่รู้ว่าจะได้เกียรติเชิญไปดื่มสักสองสามจอกที่ร้านจุ้ยชุนเฟิงหรือไม่?”

เซียวหยู่เซวียนไม่ทันความคิดของจอมมาร

เรียกเขาว่าน้องชาย?

หรือไม่ควรเรียกเขาว่าท่านน้าชายหรือ?

หรือว่าพวกเขายังไม่แต่งงาน จอมมารจึงขวยใจเรียกเขาว่าน้องชาย?

ก็จริง อย่างไรฐานะของยัยขี้เหร่ในเวลานี้ยังเป็นพระชายาหานของเทพสงคราม

ดูท่าเขาต้องพยายามคิดหาวิธี ให้นางหลุดจากฐานะพระชายาหานนี้แล้ว

เซียวหยู่เซวียนหัวเราะเอ่ย “น้องชายเกรงใจแล้ว สุราจอกนี้อย่างไรก็ควรให้ข้าเลี้ยง หากเจ้าไม่รังเกียจ เราดื่มกันสามวันสามคืนเป็นอย่างไร?”

คราวนี้เปลี่ยนเป็นจอมมารที่งงงัน

เหตุใดเสี่ยวเซวียนเซวียนไม่เรียกเขาว่าท่านน้าชาย?

เรียกท่านน้าชายดูมีบารมีน่าเกรงขามเพียงใด

หรือเพราะเขายังไม่ได้สู่ของพี่สาวอย่างเป็นทางการ? ดังนั้นเวลานี้เสี่ยวเซวียนเซวียนจึงขวยใจเรียกเขาว่าท่านน้าชาย?

จอมมารยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นไปได้ ในใจก็เข้าใจว่าทำไมเซียวหยู่เซวียนจึงเรียกเขาแค่น้องชาย

จอมมารยิ้มลึกลับ “ไม่รังเกียจอยู่แล้ว สุราที่เจ้าเลี้ยง ข้ายินดีนัก แต่พบกันครั้งแรก ต้องให้น้องชายเลี้ยง”

“น้องชายเลี้ยงเถอะ”

“น้องชายเลี้ยง”

“…”

สองคนนี้ต่างคนต่างเรียกน้องชาย กู้ชูหน่วนถูกทำจนงงงวยโดยสมบูรณ์

“พวกเจ้าสองคน ใครเป็นน้องชาย ใครเป็นพี่ชายกันแน่?”

จอมมาร “ข้าเป็นน้องชาย”

เซียวหยู่เซวียน “ข้าเป็นน้องชาย”

“ไม่ๆๆ ข้าสิถึงเป็นน้องชาย”

“ท่านอ่อนน้อมไปแล้ว ข้าสิถึงเป็นน้องชาย”

“…”

สองคนนี้ สมองถูกลาหนีบไปแล้วหรือ?

ยังมีคนแย่งกันเป็นน้องชายอีก?

กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจสถานการณ์ ได้แต่แถหัวข้อสนทนา ถามทางจอมมาร “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่?”

“บนตัวท่านมีเกสรดอกลำโพงของท่าน ข้าจึงตามเกสรมาเจอพี่สาว”

พูดถึงเรื่องนี้ จอมมารก็จำแลงกายเป็นลูกสุนัขตัวน้อยที่น้อยใจตัวหนึ่ง “พี่สาว ท่านไปทั้งอย่างนั้น ทิ้งให้อาโม่อยู่ในจวนอ๋องหานคนเดียว อาโม่ตกใจจะตายอยู่แล้ว ท่านดูสิ อาโม่ถูกซ้อมจนเป็นแบบนี้ไปแล้ว”

หา…

ถ้าไม่ใช่รู้ว่าเขาคือจอมมาร นางก็เกือบจะเชื่อแล้ว

ตาคนนี้จริตจะก้านไม่ธรรมดา

เขาเห็นนางตาบอดหรือ? ไม่รู้ว่าเขาต่อสู้กับเทพสงครามทรงอำนาจน่าเกรงขามขนาดไหน ทั่วนภาเปลี่ยนสีเพราะพวกเขาไปหมดแล้วกระมัง

กู้ชูหน่วนสูดกลิ่นดอกลำโพงไม่ได้กลิ่น กลับมีเพียงกลิ่นเยือนเครื่องแป้งนิดๆ

นางโกรธานิดหน่อย “เจ้าจับตาดูข้า?”

“ที่ไหนกัน อาโม่กลัวหลงทาง หาพี่สาวไม่เจอ ถึงได้ทิ้งกลิ่นไว้บนตัวท่านเล็กน้อย”

“กำจัดกลิ่นของเจ้าเดี๋ยวนี้เลยนะ เร็ว!”

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

Status: Ongoing

กู้ชูหน่วน เดิมทีเป็นอัจริยะแพทย์สาวยุคปัจจุบัน การข้ามภพหนึ่ง พาเธอย้อนเวลาไปที่ยุคโบราณที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เพิ่งจะมาถึงสถานที่แปลกหูแปลกตานี้แท้ๆ เธอก็ต้องเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากมีการพัวพันซึ่งกันและกัน เดิมทีกู้ชูหน่วนคิดว่าแต่นี้ต่อไป ต่างคนต่างไป จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สุดท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เย่จิ่งหานกลับคอยตอแยเธอไม่เลิก โชคชะตาฟ้าลิขิต เธอค่อยๆครอบครองใจของเย่จิ่งหานไปเรื่อยๆ จนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก อย่างโงหัวไม่ขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท