บทที่ 263 มุกมังกรมีเจ็ดเม็ด
กู้ชูหน่วนเอ่ยเย็น “พวกเจ้าผู้ใดกล้าหาเรื่องเย่จิ่งหาน อย่าหาว่าข้าไม่นับพวกเจ้าเป็นน้องชายนะ”
“ยัยขี้เหร่! เย่จิ่งหานเช่นนี้กับเจ้า ไยเจ้ายังพูดแทนเขาอีก? หรือว่าเขาข่มขู่อะไรเจ้าใช่ไหม?”
“เขากล้า?!” ชั่วแวบเดียวจอมมารก็ใช้อำนาจขึ้นมา ทั้งเนื้อทั้งตัวเป็นท่าทีกวาดล้างทั้งแผ่นดิน ยกย่องข้าเพียงหนึ่ง
“เขาไม่ได้ข่มขู่อะไรข้าทั้งนั้น ขอทีเถอะ สมองพวกเจ้าปกติกันหน่อยได้ไหม? อยู่กับพวกเจ้า ขายหน้าจริงๆ”
ตั้งแต่รู้จักจนถึงตอนนี้ แม้เย่จิ่งหานข่มขู่นางเป็นครั้งคราว แต่ทุกครั้งกลับเสียงอสนีคำรามหนัก พิรุณแผ่ว เขาไม่ได้ทำอะไรนางทั้งนั้น
ครั้นเห็นพวกเขายังอยากกล่าวอะไรอีก กู้ชูหน่วนก็คิ้วเข้มยืนตรง จ้องจอมมารด้วยความโมโห “โดยเฉพาะเจ้า ห้ามหาเรื่องเย่จิ่งหานอีก!”
“เย่จิ่งหานมันไม่ใช่คน”
“ข้าว่าเจ้าไม่ใช่คนยิ่งกว่า ดูหัวหน้ากองธงทั้งสิบสองลูกน้องเจ้าสิ แต่ละคนล้วนเป็นคนโฉดชั่ว โดยเฉพาะหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ ว่าเขาโฉดชั่วยังยกย่องเขาด้วยซ้ำเถอะ!”
จอมมารแก้ใหม่ “ตอนนี้เหลือเพียงเจ็ดหัวหน้ากองธงแล้ว และข้าก็ไม่คิดจะเสริมห้าหัวหน้ากองธงที่ถูกข้าลบล้างไปหรอก”
กู้ชูหน่วนเกร็งคิ้ว เรื่องเผ่าปีศาจของพวกเขา นางไม่แน่ชัด แต่นางไม่รู้สึกดีกับหัวหน้ากองธงลูกน้องเขาสักนิด
หากไม่ใช่เพราะคนของเขากับเผ่าเทียนเฟิ่นพบกะทันหัน หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็ถูกเย่จิ่งหานฆ่าไปนานแล้ว
ทันใดนั้นนางจึงเอ่ยจริงจัง “แล้วข้าอยากถามเจ้า หัวหน้ากองธงกล้วยไม้โหดเหี้ยมอำมหิต ฉุดคร่าทาสบำเรอ เป็นเจตนาเจ้าใช่หรือไม่?”
จอมมารลูบเส้นผมดำนุ่มสลวยดุจน้ำตก เปิดปากอย่างเอื่อยเฉื่อย “คนของเผ่าปีศาจ หากไม่โหดเหี้ยมอำมหิต จะยืนอยู่ได้อย่างไร?”
“ฉะนั้น คือเจตนาของเจ้า?” น้ำเสียงกู้ชูหน่วนเย็นอีกหลายส่วน
หากจอมมารตอบว่าใช่ นางต้องตัดสัมพันธ์กับเขาเด็ดขาดแน่
“ข้าก็ไม่ชอบการรบราฆ่าฟัน ไม่ชอบให้พวกเขาเป็นเทพชั่วร้ายเลวทราม ดังนั้นข้ายังลังเล จะจัดระเบียบกระแสสังคมหน่อยดีหรือไม่”
วจีพจน์นี้ออกมา สีหน้ากู้ชูหน่วนดีขึ้นกว่าเดิมมาก นางเอ่ยอย่างยังขุ่นเคือง “น่าจะจัดระเบียบตั้งนานแล้ว”
“มิเช่นนั้นพี่สาวก็ตามข้ากลับเผ่าปีศาจ ท่านช่วยข้าจัดระเบียบ”
“เช่นนั้นข้าต้องเชือดหัวหน้ากองธงลูกน้องเจ้าทั้งหมดแน่ โดยเฉพาะหัวหน้ากองธงกล้วยไม้”
“หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ฆ่าไม่ได้ แม้เขาโหดเหี้ยมไปบ้าง แต่กลับภักดีกับข้า”
ภักดี?
เฮอะ…
ภักดีจริงสิ?
นางยังไม่ลืม หัวหน้ากองธงกล้วยไม้เคยกล่าวไว้ เขาบ่มเพาะฉีโส่วจำนวนหนึ่ง ฉีโส่วกลุ่มหนึ่งที่แม้แต่จอมมารก็ไม่รู้
ตามความคิดของนาง ทั้งเผ่าปีศาจก็มีเพียงเขาที่เป็นคนโง่งม ไม่รู้ว่าจริงๆ ว่าเขาปีนป่ายขึ้นตำแหน่งจอมมารได้อย่างไร
“พี่สาว กระดิ่งทลายวิญญาณบนตัวท่านไม่สมประกอบ” จอมมารเหลือบเห็นกระดิ่งทลายวิญญาณที่โผล่ออกมาครึ่งหนึ่งของกู้ชูหน่วน เสียงชืดๆ จางๆ แววตายิ่งเกียจคร้านไร้ความสนใจ คล้ายไม่มีความสนใจในกระดิ่งทลายวิญญาณสักนิด
กู้ชูหน่วนหยิบกระดิ่งทลายวิญญาณออกจากตรงอก ชูตรงหน้าเขา “เช่นนั้นเจ้ารู้ว่าอย่างไรถึงหาเสี้ยวหยกอีกสองชิ้น แล้วรวมมันเข้าด้วยกันได้ใช่ไหม?”
“พี่สาวสนใจหรือ?”
“เจ้ามีวิธีจริง?” ลมหายใจกู้ชูหน่วนกระชั้นอีกนิด
“นี่อย่างไร นี่คือเสี้ยวหยกชิ้นหนึ่ง ยังมีอีกชิ้น น่าจะอยู่ที่เขาสืบมังกร” มือขาวเนียนของจอมมารผายออกมาตามอารมณ์ โยนหยกจันทร์เสี้ยวชิ้นหนึ่งให้กู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนคิดไม่ถึง ว่าจอมมารจะมอบให้นางฉับไวเช่นนี้
ข้างใบหูเป็นน้ำเสียงเกียจคร้านและทุ้มต่ำของจอมมาร
“สมัยก่อนก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง รวบรวมมุกมังกรมาตลอด”
“ผู้หญิงคนไหน?”
“เจ้าสำนักอสุรา”
กู้ชูหน่วนคลับคล้ายคลับคลาเหมือนจับจุดอะไรได้ ตามถามต่อ “นางเก็บรวบรวมมุกมังกรทำอะไร มุกมังกรถูกนางเอาไปแล้วหรือ?”
“ใครจะรู้ว่านางคิดทำอะไรกันแน่ เห็นว่าเกี่ยวพันกับคนในตระกูลนาง บนโลกนี้มีมุกมังกรเจ็ดเม็ด อย่างมากนางก็เก็บรวบรวมได้แล้วสี่เม็ดเท่านั้น”