บทที่ 270 ภรรยาตกจากสวรรค์
ตามกฎแคว้นเย่ วันที่สองของการแต่งงานเย่จิ่งหานและกู้ชูหน่วนควรเข้าวังถวายบังคมฮ่องเต้และไทเฮา แต่ฮ่องเต้หวาดกลัวเทพสงครามมาตลอด กอปรกับกู้ชูหน่วนไม่เพียงไม่ใช่นางอัปลักษณ์ไก่อ่อน ทั้งยังเป็นหญิงเก่งงามเมือง ฮ่องเต้กริ้วจัด ด้วยเหตุนี้จึงมีราชโองการลงมาทันที ให้พวกเขาไม่ต้องเข้าวังถวายบังคม
กู้ชูหน่วนดีใจที่ไม่ต้องไปถวายบังคมในวัง
ในร้านจิ่วเฟิงพระนคร
กู้ชูหน่วนสวมชุดกระโปรงจีบสีเหลืองอ่อนตัดสีขาว ดวงตาพราวฟันขาว กลิ่นดุจกล้วยไม้ ไม่โฉมหน้างามล้ำที่ทำให้คนหยุดหายใจได้ เวลานี้กำลังนั่งชิดหน้าต่างอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่
ในร้านจิ่วเฟิงมีคนจำนวนไม่น้อยต่างทอดสายตาสะดุดตามา วิพากษ์วิจารณ์ว่าคนผู้นี้คือใคร
ข้างกายกู้ชูหน่วน ยังมีชายหนุ่มสวมหน้ากากผีนั่งรถเข็น
หน้ากากของชายหนุ่มบดบังใบหน้าส่วนใหญ่ มองรูปโฉมไม่ออก เพียงแต่เขาสวมชุดหรูหราผ้าแพร ภูมิฐาน เพียงแวบตาเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นคนไม่ธรรมดาแน่
ข้างกายชายหนุ่ม ยังมีชายหนุ่มท่วงท่างามตายืนอยู่คนหนึ่ง
“พวกเจ้าได้ยินมาแล้วหรือยัง? เซียวหยู่เซวียนบุตรชายคนเล็กของแม่ทัพใหญ่จะแต่งงานกับกู้ชูหยุนคุณหนูรองจวนเฉิงเซี่ยงแล้ว”
“อะไรนะ…ไม่กระมัง บุตรชายคนเล็กของแม่ทัพใหญ่มิใช่พวกเสเพลหรือ? ได้ยินว่าเขาไม่เอาไหนทั้งบุ๋นและบู๊ ไม่รู้หนังสือ ทั้งยังหว่านเสน่ห์ข้างนอกอยู่เป็นประจำ หอโคมเขียวใหญ่น้อยทั้งพระนครเราเขาก็ไปสำเริงมาหมด คุณหนูรองจวนเฉิงเซี่ยงแต่งกับเขามิใช่บุปผาปักอาจมวัวหรือ?”
“ก็นั่นนะสิ ใต้หล้านี้ใครก็รู้ว่ากู้ชูหยุนคุณหนูรองจวนเฉิงเซี่ยงมีพรสวรรค์เพลงกลอน รอบรู้พิณหมากพู่กันวาด แล้วยังได้ยินว่านางเป็นสาวงามอ่อนโยนดีงามอีก”
“คุณหนูรองกู้จะแต่งกับเศษสวะไก่อ่อนได้อย่างไร?”
“นี่ก็ไม่รู้ชัด แต่วันแต่งงานก็กำหนดแล้ว วันที่หนึ่งเดือนหน้านี่เอง เหลือเวลาอีกแค่สิบกว่าวันเท่านั้น”
มือที่หมุนจอกของกู้ชูหน่วนหยุดชะงัก มองเย่จิ่งหานอย่างอัตโนมัติ “เซียวหยู่เซวียนจะแต่งกับกู้ชูหยุนได้อย่างไร? เย่จิ่งหาน เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับเจ้ากระมัง?”
นัยน์ตาคู่หนึ่งเย่จิ่งหานเสมือนแอ่งลึกที่มองไม่เห็นก้น เขาดื่มน้ำชาอย่างสง่างาม ไม่แปลกใจกับการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในร้านสักนิด เหมือนรู้อยู่ก่อนแล้ว
ครั้นเห็นอารมณ์ของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนก็ตึกตัก
เจ้านี่ คงมิใช่เพราะนางกับเซียวหยู่เซวียนสนิทกันหน่อย ดังนั้นเขาจึงเล่นตุกติกจากในนั้น ให้เซียวหยู่เซวียนอยู่ๆ มีภรรยาตกจากสวรรค์กระมัง?
จะเป็นภรรยาไหนตกมาจากสวรรค์ก็ได้ แต่คุณลักษณะของกู้ชูหยุน นางชมเชยไม่ขึ้นโดยแท้
บอกว่าเป็นบุปผาปักอาจมวัว ไม่เกินไปสักนิด แต่บุปผาดอกนั้นมิใช่กู้ชูหยุน แต่เป็นเซียวหยู่เซวียนต่างหาก
“เย่จิ่งหาน เจ้าคิดจะทำอะไร?”
เย่จิ่งหานมองพ่อค้าพาณิชย์ที่สัญจรนอกหน้าต่าง น้ำเสียงราบเรียบ
“คุณหนูรองกู้จวนเฉิงเซี่ยงมากสามารถเหนือผู้คน แม่ทัพใหญ่พอใจกับสะใภ้คนนี้มาก จวนเฉิงเซี่ยงได้จวนแม่ทัพเป็นที่พึ่ง พึงพอใจยิ่งกว่า ในเมื่อต่างพอใจ เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วจะทำไม?”
“แต่เซียวหยู่เซวียนไม่พอใจ” กู้ชูหน่วนวางจอกหยกขาวในมือ ไร้ความสนใจต่ออาหารเต็มโต๊ะ ลุกขึ้นแล้วไปจากตรงนี้
อยู่ในจวนจนเบื่อหน่าย นางอยากออกมาเดินเล่น
แต่เย่จิ่งหานกลับออกมาเป็นเพื่อนนาง แม้พาชิงเฟิงมาด้วย แต่นางทำอะไรก็ถูกจับตามองหมด ความรู้สึกนี้ขุ่นอารมณ์นัก โดยเฉพาะเกิดเรื่องของเซียวหยู่เซวียน
ชิงเฟิงขวางนาง “ฮูหยิน ท่านเป็นฮูหยินของนายท่าน เรื่องของคุณชายเซียวมิได้เกี่ยวข้องกับท่านโดยตรง”
“อย่างไร? พวกเจ้าคิดจะกักบริเวณข้าหรือ?” กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น มองชิงเฟิงกับเย่จิ่งหานอย่างยโส
ครั้น ‘กักบริเวณ’ เปล่งออกมา คนที่เฝ้าสังเกตพวกเขามาตลอดต่างทอดสายตาตกใจมา