บทที่ 272 ที่จัดประมูลเฟิงเซียง
“แม่นาง ไยเจ้าจึงตบข้า?”
“เขาไม่ใช่ไอ้พิการ!” กู้ชูหน่วนกล่าวจริงจัง
ประการแรก นางรังแกเย่จิ่งหานได้ ด่าว่าเขาเป็นพิการได้ แต่กลับไม่ชอบให้คนอื่นรังแก ด่าทอลบหลู่เขา
ประการที่สอง นางกำลังช่วยเขาอยู่ ไอ้พิการสมควรตายคำเดียวของเขา เท่ากับก้าวเข้าประตูผีแล้วข้างหนึ่ง เย่จิ่งหานโบกมือก็ทำให้พวกเขาหายไปจากพระนครทั้งตระกูล กระทั่งหายไปจากโลกนี้ได้แล้ว
“จะ…เจ้าเป็นอะไรกับเขากันแน่?” เสิ่นหยุนลี่เขลาอย่างไรก็รู้ว่าความสัมพันธ์พวกเขาไม่ธรรมดา
เขาเป็นเด็กที่ได้รับการเอาใจมากที่สุดในบ้าน ขอเพียงเขาต้องการ พ่อแม่ย่อมขบคิดประเคนมาอยู่ตรงหน้าเขา
แต่เล็กจนโตเขาถูกตีเมื่อไร? เวลานี้กลับถูกหญิงแปลกหน้าตบ
เสิ่นหยุนลี่ถุยเลือดในปาก เปลี่ยนอารมณ์เอาใจเมื่อครู่ เอ่ยเตือนด้วยใบหน้าเย็น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่ที่ไหน?”
“รู้สิ ร้านอาหาร”
“นี่เป็นถิ่นของข้า ท้องถนนทั้งพระนครล้วนเป็นถิ่นของข้า ขอเพียงข้าต้องการให้เจ้าตาย แม้เทพสงครามอยู่ที่นี่ก็ต้องไว้หน้าข้าหลายส่วน”
ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็หัวเราะ ครั้นนางแย้มยิ้ม อบอุ่นดุจตะวันฉาย หลอมละลายทุกสิ่งในบัดดล กอปรกับโฉมหน้าเป็นหนึ่งของนาง คนจำนวนมากในที่นี้คงถูกนางทำให้ลุ่มหลง
กู้ชูหน่วนหันไปโบ้ยปากกับเย่จิ่งหาน ดวงตานำพากระเซ้าเย้าแหย่
ราวกับกำลังถามเย่จิ่งหาน เขาไว้หน้าเขาจริงหรือ?
นาทีที่เย่จิ่งหานสบตากับความกระเซ้าในดวงตานาง ก็ราวกับผู้คนรอบข้างอยู่คนละโลก ไม่เกี่ยวกับเขา
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ขอเพียงเข้าคุกเขาโขกหัวให้ข้าสามครั้ง ยินยอมเป็นอนุข้า ข้าก็จะละเว้นเจ้าครั้งนี้”
“อนุ?” เฮอะ…พระชายานางยังไม่เป็น แต่จะไปเป็นอนุ?
“ถูกต้อง ถ้าเจ้าปรนนิบัติข้าได้ดี บางทีข้าอาจพิจารณายกฐานะเจ้าขึ้นมา”
“เจ้าปากมากไปแล้ว!”
ว่าแล้วกู้ชูหน่วนก็จับพาดหลังทุ่ม ทุ่มเขาออกไปนอกหน้าต่าง
“โอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว เจ้ามันผู้หญิงแพศยา ข้าถูกใจเจ้า เป็นบุญของเจ้า เจ้ากลับยังกล้าทำร้ายข้า ข้า…”
“เพียะ…”
วาจาเสิ่นหยุนลี่ยังไม่สิ้น ใบหน้าก็รับเข้าอีกฉาด ฝ่ามือนี้แรงนัก ตบจนเขาลอยปลิวออกไป พลิกตัวหมุนหลายตลบกลางอากาศ สุดท้ายก็ตกอยู่บนพื้นแรง หนึ่งชีวิตหายไปครึ่งในพริบตา
“บังอาจ! พวกเจ้ากล้าตบคุณชายเสิ่น เด็กๆ ซ้อมพวกมันให้หนัก!”
“ปังๆๆๆ…”
ลูกท่านหลานเธอเหล่านั้นรวมไปถึงองครักษ์ต่างถูกโยนออกนอกหน้าต่าง แต่ละคนกอดแขนขาร้องโอดโอย
กู้ชูหน่วนส่ายหน้า
ผู้ชายปัญญาน้อย นางให้โอกาสแล้วนะ
แต่เขากลับรนหาที่ตาย แล้วยังหาเรื่องเย่จิ่งหานอีก
กู้ชูหน่วนนึกว่า ด้วยอารมณ์ของเย่จิ่งหานต้องเอาชีวิตเขาแน่
คิดไม่ถึงว่าเย่จิ่งหานเพียงให้พวกเขาไสหัวไปเท่านั้น มิได้ชักดาบกับเขา
นางตะลึงงันอยู่บ้าง เป็นเมื่อไรที่เย่จิ่งหานว่าง่ายขนาดนั้น?
ไม่นาน ประโยคหนึ่งของเย่จิ่งหานก็มาแบบเย็นยะเยือก “ดูเหมือนเจ้ากรมพิธีการจะอยู่ตำแหน่งนี้มาหลายปีแล้ว ในเมื่อหลายปีกลับไร้ผลงาน หรือควรกลับบ้านใช้ชีวิตบั้นปลายแล้ว?”
“ขอรับ ชิงเฟิงจะไปจัดการบัดเดี๋ยวนี้”
กู้ชูหน่วนส่ายหน้าอีกครั้ง
จริงสินะ นางไร้เดียงสามากเกินไป จิตใจเย่จิ่งหานคับแคบเหมือนที่แล้วมา
ไม่ชักดาบกับเขา เพียงเพราะเขาไม่ควรค่าพอเท่านั้น
นอกหน้าต่าง ผู้คนจับกลุ่มกันเดินไปทางที่จัดการประมูลเฟิงเซียง อีกทั้งที่เข้าไปหากมิใช่เศรษฐีก็เป็นผู้สูงศักดิ์ กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างงุนงง
“ทำไมคนมากมายถึงไปที่จัดประมูลเฟิงเซีย? หรือว่ามีประมูลของล้ำค่าอะไร”
ชิงเฟิงตอบตามจริง “ที่จัดประมูลเฟิงเซียงเป็นที่จัดประมูลของพระนคร ของที่ประมูลจากในนั้น แต่ละอย่างล้วนเป็นของชั้นเลิศของโลก การค้าพวกเขาดีมากมาตลอด แต่ได้ยินว่าวันนี้จะมีของสำคัญสิ่งหนึ่งจะประมูล ดังนั้นคนที่ไปจึงยิ่งมาก”