บทที่ 275 นางจงใจเหยียบหัวข้า
ในห้องส่วนตัวชั้นสอง อ๋องเจ๋อทำหน้าท้องผูก
วรยุทธ์เขาไม่ถือว่าดี แต่ก็ใกล้เข้าขั้นหนึ่งแล้ว ที่ขาดก็คือยาชะไขกระดูกที่สามารถเพิ่มตบะได้ เขาต้องได้หญ้าจื่อเยียนมาให้ได้ เพราะเขาต้องการอยู่เหนือเทพสงคราม
แต่เวลานี้…
มีคนชิงหญ้าจื่อเยียนกับเขา ทั้งอีกฝ่ายยังเป็นกู้ชูหน่วน
ดวงตาริษยาทั้งคู่ของอ๋องเจ๋อ จับจ้องอยู่แต่ตัวเย่จิ่งหานที่อยู่ข้างกายกู้ชูหน่วน เต็มไปด้วยความโกรธา
ในห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่งของชั้นสอง องค์หญิงตังตังเดือดพลุกพล่าน
กู้ชูหน่วนอีกแล้ว! นางคนนี้มีวิชาแยกร่างหรือ? ไปที่ไหนเป็นต้องได้เจอนาง
เพราะกระชากผ้าคลุมหน้าของนาง นางจึงถูกเสด็จอาตำหนิอย่างหนัก แม้แต่ราชวิทยาลัยก็ถูกขับออก
นางเป็นถึงองค์หญิง แต่กลับถูกขับออกจากราชวิทยาลัย นี่ไม่มีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ศักดิ์ศรีทั้งหมดสูญสิ้นหมดแล้ว!
เสี่ยวลวี่สาวใช้องค์หญิงตังตังเอ่ย “องค์หญิง กู้ชูหน่วนไก่อ่อนนั่นไม่มีวรยุทธ์สักหน่อยเพคะ นางยื่นมือชิงหญ้าจื่อเยียน ต้องรู้ว่าทรงหมายเพิ่มตบะเป็นแน่แท้ เราจะให้นางสมหวังไม่ได้นะเพคะ”
“นั่นยังต้องพูดอีกหรือ? นางรู้ว่าวรยุทธ์สู้ข้าไม่ได้ จึงอยากเหยียบอยู่บนหัวข้า!”
ขณะที่องค์หญิงตังตังกล่างวาจานี้ ในใจมีความละอายเล็กน้อย
กู้ชูหน่วนไร้วรยุทธ์ นางก็ไม่มีวรยุทธ์ แต่ครั้นทั้งสองที่ไร้วรยุทธ์อยู่ด้วยกัน นางมักเป็นคนที่ถูกอัด
ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไร นางต้องประมูลหญ้าจื่อเยียนมาให้จงได้ หลอมยาชะไขกระดูก เปิดชีพจรยุทธ์ ร่ำเรียนวรยุทธ์ให้ดี ต่อไปจะได้ซ้อมกู้ชูหน่วน เอาให้สาสมแก่ใจอย่างหนัก
กู้เฉิงเซี่ยงชูป้ายบอกราคา “หนึ่งหมื่นหกพันตำลึง”
อ๋องเจ๋อเอ่ยเสียงเย็น “สองหมื่นตำลึง”
องค์หญิงตังตังสะดุ้ง
เสด็จพี่เจ๋อมาได้อย่างไร? แล้วยังหมายตาหญ้าจื่อเยียนอีก?
หรือว่าเขาก็อยากบรรลุขั้น?
ขณะที่องค์หญิงตังตังคิดจะชูป้าย คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนจะเอ่ยเย็นมาประโยคอย่าง “แสนตำลึง”
ตึง…
เรือนร่างองค์หญิงตังตังเกือบเอียงกระเท่เร่
แสนตำลึง?!
กู้ชูหน่วนบ้าไปแล้วหรือ?
หญ้าจื่อเยียนต้นเดียวเปิดราคาที่แสนตำลึง นี่ราคาสูงเทียมฟ้าแล้วไหม?
ไม่เพียงองค์หญิงตังตังที่ตะลึงงัน ทุกคนก็มองกู้ชูหน่วนตรงที่นั่งธรรมดาอย่างตกตะลึงเช่นกัน
“นางผู้นี้มาจากไหนกัน ไยจึงมือเติบเช่นนี้?”
“ใครจะรู้ หากไม่ใช่เพราะครอบครัวมีเงินมากเกินไป สมองก็ต้องมีปัญหา หญ้าจื่อเยียนต้นเดียวให้ราคาแสนตำลึง ถุยๆๆ ยังไม่รู้ว่าจะหลอมยายาชะไขกระดูกได้หรือไม่เลย แต่ถึงจะหลอมยาได้ ก็ไม่ต้องใช้ถึงแสนตำลึงกระมัง”
“ก็นั่นนะสิ ช่างเถอะ หญ้าจื่อเยียนแพงเกินไป ข้าไม่มีเงินฟุ่มเฟือยเช่นนี้”
เย่จิ่งหานดื่มชาอย่างสง่า สีหน้าไม่ยินดีไม่ทุกข์ ดูอารมณ์ไม่ออก
ทว่าชิงเฟิงกลับเตือน “พระชายา เราเสนอราคา มิต้องเสนอมากเช่นนี้ในคราวเดียวพ่ะย่ะค่ะ”
“ของล้ำค่าหายาก ข้าพอใจ”
กู้ชูหน่วนผิวปาก กวาดตามองกู้เฉิงเซี่ยงพ่อลูก รวมถึงห้องส่วนตัวชั้นบนหลายห้อง มุมปากแสยะยิ้ม
“…”
ชิงเฟิงปิดปากอย่างรู้ความ
กู้ชูหยุนสีหน้าแย่ เอ่ยอย่างน้อยใจ “ท่านพ่อ…”
สีหน้ากู้เฉิงเซี่ยงแย่ยิ่งกว่า
เขาหรือไม่อยากประมูลหญ้าจื่อเยียน แต่แสนตำลึงซื้อยาชะไขกระดูกได้ไม่เพียงเม็ดเดียว ไม่คุ้มจริงๆ
เขาเอ่ยเรียบ “นี่เพิ่งเริ่ม ของดียังมีอีก ประเดี๋ยวมีที่เจ้าหมายตา ข้าค่อยประมูลให้เจ้า”
แม้กู้ชูหยุนจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่สะดวกกล่าวอะไรอีก เพราะนางไม่มีเงินเก็บมากนัก อยากประมูลอะไรยังต้องให้บิดานางประมูลให้
อ๋องเจ๋อชูป้าย ยังอยากเพิ่มราคา ทว่าบ่าวรับใช้รีบเอ่ย “ท่านอ๋อง แสนตำลึงแพงเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ งานชุมนุมแข่งขันบุ๋นช่วงก่อน เราก็เสียให้พระชายาหานไปมาก เวลานี้ยังอยู่ในช่วงติดหนี้ มิเช่นนั้นเราอย่าเอาหญ้าจื่อเยียนเลย ยาที่เพิ่มตบะ อีกประเดี๋ยวยังต้องมีพ่ะย่ะค่ะ”
ไม่กล่าวถึงเรื่องนี้ยังดี ครั้นกล่าวถึง ความเดือดดาลของอ๋องเจ๋อก็ทะลักออกมา
จวนอ๋องเจ๋อเสียไปแล้ว
บ้านพักหลายหลังก็เสียไปแล้ว เวลานี้แม้แต่ที่พักเขาก็ยังไม่มี ยังเป็นเสด็จแม่แลกสมบัติ ฝืนซื้อบ้านหลังน้อยให้อยู่อาศัยชั่วคราว
ทั้งยังเสียเงินจำนวนมากอีก เขายังต้องยืมคนอื่นมามาก จนบัดนี้ยังติดหนี้อยู่
อ๋องเจ๋อมองกู้ชูหน่วนที่ยิ้มบางคาดหวัง กับเย่จิ่งหานที่ไม่ยินดีไม่ทุกข์ กัดฟัน วางป้ายลง
ช่างเถอะ
ถึงจะซื้อหญ้าจื่อเยียน ก็ไม่แน่ว่าจะหลอมยาชะไขกระดูกได้ รอต่อไปเถอะ
พวกเขาทั้งสองอดใจได้ แต่องค์หญิงตังตังอดไม่ได้ นางสู้ราคาสืบต่อ “หนึ่งแสนหนึ่งพันตำลึง”
“หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง” กู้ชูหน่วนเอ่ย
“หนึ่งแสนห้าหมื่นหนึ่งพันตำลึง” อารมณ์โกรธองค์หญิงตังตังแล่นขึ้นศีรษะ
เสี่ยวลวี่รีบกล่าวเตือน “องค์หญิง หนึ่งแสนห้าหมื่นหนึ่งพันตำลึงแพงไปแล้วนะเพคะ ไม่คุ้ม”
“ไม่ได้! ข้าจะให้นางได้สมใจไม่ได้ นางอยากได้สิ่งใด ข้าก็จะแย่งสิ่งนั้น!”
“สองแสนตำลึง”
“อึก…”
องค์หญิงตังตังแทบกระอักเลือด
หญ้าจื่อเยียนหนึ่งต้นให้ราคาสองแสนตำลึง นางจงใจต่อกรกับนางแน่
นี่มิใช่เรื่องเงินแล้ว แต่เป็นเรื่องหน้าตา
ไม่ว่าเสี่ยวลวี่จะห้ามปรามอย่างไร องค์หญิงตังตังก็ยังกัดฟัน “สองแสนหนึ่งพันตำลึง”
“สามแสนตำลึง” กู้ชูหน่วนกล่าวเย็น เสมือนหนึ่งสามแสนตำลึงไม่คิดเป็นอะไรต่อนางมิปาน
“กู้ชูหน่วน! นังสารเลว!” องค์หญิงตังตังเลิกแขนเสื้อ แทบอยากไปบีบคอนางเสียเดี๋ยวนี้
เสี่ยวลวี่กอดต้นขานางไว้ รีบเอ่ย “องค์หญิงพระทัยเย็นหน่อยเพคะ เทพสงครามยังอยู่ข้างนาง หากเวลานี้ท่านดาหน้าเข้าไป ต้องถูกเทพสงครามตำหนิมาอีกแน่เพคะ”
“แต่…”
“องค์หญิง งานประมูลเพิ่งเริ่มขึ้น ยังมีของดีอีกมากเพคะ เราไม่จำเป็นคิดเล็กคิดน้อยหญ้าจื่อเยียนต้นเดียวกับนาง”
องค์หญิงตังตังสะบัดแขนเสื้อแล้วนั่งลง โมโหจนใช้มือพัดไม่หยุด
เสี่ยวลวี่เบาใจลงหน่อย
แต่นาทีที่เงยหน้า กลับเห็นแววตาได้ใจของกู้ชูหน่วนที่กะพริบมาทางพวกเขา
ใจนางตึกตักทีหนึ่ง
ตายแล้ว ผ้าม่านห้องส่วนตัวก็ลืมปิด ที่นั่งธรรมดาเห็นทุกสิ่งในห้องส่วนตัว
องค์หญิงตังตังเดือดพลุขึ้นอีกจริงๆ หากไม่ใช่เพราะนางกอดต้นขานางไว้แน่น เกรงแต่องค์หญิงตังตังต้องมุ่งหน้าเข้าไปแล้ว
ที่จัดประมูลเงียบกริบ ทุกคนต่างใช้สายตาโง่งั่งมองกู้ชูหน่วน
เสี่ยวลู่ผู้ดำเนินรายการของที่จัดประมูลกลับยิ้มกริ่ม สายตาที่มองกู้ชูหน่วนมีความสืบเสาะบางส่วนก่อน จากนั้นก็เป็นความอบอุ่นมากขึ้นอีกหลายส่วน
“ยังมีผู้ใดต้องการแข่งประมูลอีกหรือไม่? หากไม่มีแล้ว หญ้าจื่อเยียนต้นนี้ ก็จะเป็นของแขกผู้ทรงเกียรติหมายเลขยี่สิบแปด”
“สามแสนตำลึง ใครประมูลก็โง่แล้ว รีบๆ ผ่านไปเถอะ” ไม่รู้ว่าผู้ใดในที่นั่งธรรมดาตะโกนขึ้น ทุกคนต่างตอบสนอง
ผู้ดำเนินรายการเสี่ยวลู่หัวเราะเอ่ย “สามแสนตำลึงครั้งที่หนึ่ง สามแสนตำลึงครั้งที่สอง สามแสนตำลึงครั้งที่สาม ตกลง ยินดีกับแขกผู้ทรงเกียรติหมายเลขยี่สิบแปดได้รับหญ้าจื่อเยียน”
เสียงกลองดังขึ้น ประกาศการประมูลชิ้นแรกเสร็จสิ้น
สีหน้ากู้เฉิงเซี่ยงพ่อลูกแย่
สีหน้าอ๋องเจ๋อแย่
สีหน้าองค์หญิงตังตังแย่
สีหน้าชิงเฟิงก็แย่
มีเพียงสีหน้ากู้ชูหน่วนที่มีรอยยิ้ม
“สินค้าประมูลชิ้นที่สองคือไข่มุกอุ่นจิต ประสิทธิภาพของมันข้าคิดว่าคงไม่ต้องพูดมากแล้วกระมัง ราคาเริ่มต้น สามล้านตำลึง”