บทที่ 277 มีคนบอกว่าชายาเจ้าไม่มีเงินดีแต่คุยโต
อุ๊บ…
ทุกคนพากันอยากกระอักเลือด
สิบเจ็ดล้านตำลึงเพิ่มราคาเป็นยี่สิบห้าล้านตำลึงในคราวเดียว นี่นางคิดเลขเป็นหรือไม่?
กู้เฉิงเซี่ยงแทบกระอักเลือดชราออกมา
องค์หญิงตังตังและอ๋องเจ๋อใบหน้าเขียวปั๊ด
กู้ชูหน่วนอีกแล้ว จงใจหาเรื่องพวกเขาใช่ไหม?!
พวกเขาประมูลอะไร นางก็มาแย่ง
ใบหน้ายิ้มแย้มเสี่ยวลู่คลี่บาน บิดเอวคอด เอ่ยเสียงหวานทางกู้ชูหน่วน “แขกผู้ทรงเกียรติหมายเลขยี่สิบแปดให้ราคาถึงยี่สิบห้าล้านตำลึง มีท่านไหนให้ราคาอีกไหม?”
กู้เฉิงเซี่ยงถือป้าย ค่อนวันก็ไม่ยกขึ้น ในใจมีความโกรธแค้นเหลือคณา
แม้กู้ชูหน่วนเป็นบุตรีของเขา แต่พวกเขาสะบั้นสัมพันธ์พ่อลูกไปนานแล้ว กู้ขูหน่วนจะมอบไข่มุกอุ่นจิตให้เขาได้อย่างไร?
เสี่ยวลวี่เอ่ย “องค์หญิง ยี่สิบห้าล้านตำลึงแพงเกินไปแล้วเพคะ ไทเฮา…เกรงว่าชั่วเวลาสั้นๆ ก็รวบรวมเงินมากขนาดนั้นไม่ได้ มิเช่นนั้น…”
“ไม่ได้! ข้าระบายโทสะนี้ไม่ได้ ยี่สิบหกล้านตำลึง”
“สามสิบล้านตำลึง” กู้ชูหน่วนกล่าวเนิบ
“สามสิบเอ็ดล้านตำลึง”
“สี่สิบล้านตำลึง”
องค์หญิงตังตังแทบเป็นลมจับ
สี่สิบล้านตำลึงซื้อไข่มุกอุ่นจิตหนึ่งเม็ด สมองนางพิการหรือ?
“ปัง…”
ป้ายถูกนางโยนทิ้ง องค์หญิงตังตังจ้องกู้ชูหน่วนอย่างโมโหโกรธา
อ๋องเจ๋อหมดถ้อยคำในบัดดล
สี่สิบล้านตำลึงประมูลไข่มุกอุ่นจิตหนึ่งเม็ด เกรงว่าฮ่องเต้ต้องปวดใจกระมัง
อ๋องเจ๋อถาม “ฝ่าบาทตอบจดหมายแล้วหรือ?”
“ทูลท่านอ๋อง คนที่ส่งจดหมายยังไม่กลับมาพ่ะย่ะค่ะ”
“ไยไปนานเช่นนี้แล้วยังไม่กลับมา การประมูลใกล้เสร็จสิ้นแล้ว”
“เออ…ข้าน้อยจะไปดูอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
“สี่สิบล้านตำลึงครั้งที่หนึ่ง สี่สิบล้านตำลึงครั้งที่สอง ยังมีผู้ใดให้ราคาอีกหรือไม่? หากไม่มีผู้ใดเพิ่มราคาแล้ว ไข่มุกอุ่นจิตก็จะตกเป็นของแขกผู้ทรงเกียรติหมายเลขยี่สิบแปดแล้ว”
อ๋องเจ๋อร้อนใจดั่งมดแมลงในกระทะร้อน เขาอยากเพิ่มราคา แต่เขาไม่มีเงิน ฮ่องเต้ก็ไม่ตอบกลับสักที
หากเขาไม่เพิ่มราคา ก็ต้องเสียไข่มุกอุ่นจิตไปแล้ว
ครั้นเห็นกู้ชูหน่วนใกล้จะประมูลได้แล้ว อ๋องเจ๋อก็ชูป้ายขึ้น “สี่สิบเอ็ดล้านตำลึง”
“สี่สิบห้าล้านตำลึง”
กู้ชูหน่วนแทบไม่ลังเลที่จะขาน
เหงื่อกาฬอ๋องเจ๋อที่ใหญ่ดั่งเม็ดถั่วไหลลงมา กัดฟัน “สี่สิบหกล้าน”
“ห้าสิบล้าน”
“ท่านอ๋อง องครักษ์ที่เราส่งไปขอยืมเงินจากฝ่าบาท คนหนึ่งขาหัก คนหนึ่งหลงทาง ยังมีอีกคนไม่ระวังถูกรถม้าชน ดังนั้น…จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้เข้าวัง…”
“อะไรนะ?! เหตุใดทั้งสามจึงเกิดเรื่องขึ้นพอดี? หรือมีคนจงใจขัดขวางพวกเขาเข้าวังเข้าเฝ้าฝ่าบาท?”
“ข้าน้อยก็สงสัยเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ หาคนไปสืบแล้ว แต่…แต่ผลลัพธ์ที่สืบได้ พวกเขาต่างประสบอุบัติเหตุหกล้มและถูกรถชนพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วอีกคนเล่า หรือว่าเป็นคนใหม่? แม้แต่วังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้หรือ?”
“คนผู้นั้น…ก็รู้หนทางวังอยู่ แต่อ้อมซอยจนงุนงง หาทางออกไม่พบพ่ะย่ะค่ะ”
“บัดซบ! แล้วยังไม่รีบส่งคนไปยืมเงินฝ่าบาทอีก!”
“ข้าน้อยส่งคนไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่วังหลวงห่างจากที่นี่มากเกินไป เกรงว่าจะไม่ทัน…”
“ห้าสิบล้านครั้งที่สาม ยินดีกับแขกผู้ทรงเกียรติหมายเลขยี่สิบแปดด้วย ได้รับไข่มุกอุ่นจิตไปอีกแล้ว”
“…”
อ๋องเจ๋อไร้เรี่ยวแรงล้มแผละอยู่บนเก้าอี้
เบนความสนใจไปนิดเดียว ไข่มุกอุ่นจิตก็ถูกประมูลไปแล้ว
ยามนี้ถึงยืมเงินจากฝ่าบาทได้ ก็ไม่มีอุบัติเหตุแล้ว
ครั้นก้มหน้ากลับเห็นกู้ชูหน่วนแย้มยิ้มแห่งชัยชนะมาทางเขา ทำให้จิตใจเขาทรมานยิ่งกว่าเดิม เสมือนกลุ่มเพลิงที่ออกไม่ได้ คับอกจนกระสับกระส่าย
“ท่านอ๋อง มิเช่นนั้นเราไม่เอาไข่มุกอุ่นจิตแล้ว ประมูลของชิ้นต่อไป หากเหมาะสมเราค่อยประมูลก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องเจ๋อยิ้มขม
ถึงเขาอยากได้ ก็ไม่ทันแล้ว
เงินของกู้ชูหน่วน ไม่รู้ว่าเป็นของนาง หรือว่าเทพสงครามให้นาง
ห้าสิบล้านตำลึงเชียวนะ แม้แต่ตานางก็ไม่กะพริบ
ในห้องส่วนตัวหมายเลขสาม ซ่างกวนฉู่ในชุดราวหิมะก็มิปาน เขานั่งหน้าหน้าต่าง ดื่มชาพลางดื่มด่ำอรรถรส มุมปากอมยิ้มบางที่นุ่มนวล มองด้านล่างเรียบ
ประมูลสินค้าสองชิ้นติดกัน เขาไม่ได้ให้ราคา
ตรงที่นั่งธรรมดา ชิงเฟิงกระซิบ “ท่านอ๋อง ราคาที่พระชายาให้สูงเกินไปแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ เราเสียหายมาก”
กู้ชูหน่วนหูดีมาก ยกนิ้วหัวแม่มือให้ทันที “ชิงเฟิง ครั้งนี้เจ้าฉลาดแล้วนี่ เด็กมีอนาคตสอนได้”
หัวใจชิงเฟิงตึกตักทีหนึ่ง มักรู้สึกว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
เป็นจริงดังนั้น กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างเป็นเรื่องปกติ “ไปจ่ายเงินเถอะ”
“อะ…อะไรพ่ะย่ะค่ะ? จ่ายเงินอะไร?”
“ยังจะจ่ายอะไรได้อีก ก็ต้องจ่ายเงินที่ประมูลไข่มุกอุ่นจิตอย่างไรเล่า!”
“นี่…ท่านอ๋องไม่ได้ร่วมแข่งประมูล ทำไมข้าน้อยต้องจ่ายเงินด้วยพ่ะย่ะค่ะ?”
กู้ชูหน่วนกะพริบดวงตาเล็กๆ ที่บริสุทธิ์ อธิบายกับชิงเฟิงแบบทีละคำ “เขาเป็นนายของเจ้า ข้าเป็นชายานายเจ้า เช่นนั้นข้าถือว่าเป็นนายเจ้าครึ่งหนึ่งหรือไม่?”
“เออ…พ่ะย่ะค่ะ…”
“ในเมื่อข้าเป็นนายของเจ้าครึ่งหนึ่ง เช่นนั้นเจ้าควรฟังข้าหรือไม่?”
ชิงเฟิงเข้าใจบางอย่างขึ้นมาแบบความรู้สึกช้า เขารีบถอยหลังก้าวหนึ่ง แล้วทำความสัมพันธ์ให้ชัดเจน “ข้าน้อยเป็นองครักษ์ข้างกายของนายท่าน ฟังคำสั่งนายท่านเพียงผู้เดียวขอรับ” อยู่ข้างนอก เขาจะเรียกฮูหยิน ไม่เรียกพระชายา
“ผัวเมียหนึ่งเดียว สมบัติก็ใช้ร่วมกัน ของของนายเจ้า ก็คือของข้า เข้าใจไหม?”
“ข้าน้อยไม่ข้าใจขอรับ!”
ชิงเฟิงยืนอยู่ด้านหลังเย่จิ่งหาน พยายามปกปิดการมีตัวตนของตัวเองอย่างมิดชิด
วาทศิลป์เขาไม่ดี เอาชนะพระชายาไม่ได้ จึงอยากพยายามรักษาระยะห่างกับนางให้มากที่สุด
เย่จิ่งหานเอ่ยเสียงเย็น “ประมูลเอง ก็จ่ายเอง”
กู้ชูหน่วนชักสีหน้า กล่าวอย่างจริงจัง “ท่านอ๋อง ท่านกล่าวเช่นนี้จะไร้ไมตรีไร้คุณธรรมไปหน่อยกระมัง? เหตุใดข้าต้องประมูลไข่มุกอุ่นจิต ยังมิใช่เพื่อรักษาสองขากับพิษเย็นของท่านหรือ? ท่านก็รู้ ไข่มุกอุ่นจิตรักษาโรคพิษทั้งมวลได้ แทบกล่าวได้ว่าฟื้นชีพจากความตาย”
มุมปากเย่จิ่งหานกระตุก
นางผู้นี้ เริ่มไร้สาระอีกแล้ว
นางตีฝีปากเสมอ ตายก็กล่าวว่าเป็นได้
“ท่านดูข้าสิ ปีนี้ยังไม่ยี่สิบ ไม่มีโรคไม่มีภัย ยังมีท่านปกป้องข้า ใครก็ทำร้ายข้าไม่ได้ ข้าจะเอาไข่มุกอุ่นจิตไปทำอะไร? หากข้ามีเงิน ข้าก็อยากประมูลเองแล้วมอบให้ท่าน แต่ห้าสิบล้านตำลึงมากเกินไป ข้าไม่มีนี่นา”
กู้ชูหน่วนกล่าวพลางกะพริบดวงตาโตน้ำระยับปริบๆ มือน้อยๆ ยังฉุดแขนเสื้อเขา กล่าวได้น่าสงสารเพียงไรก็เพียงนั้น
เย่จิ่งหานชักแขนเสื้อตัวเองกลับ นิ่งเฉย
ผู้ดำเนินรายการเอ่ย “ขอเชิญขอผู้ทรงเกียรติหมายเลขยี่สิบแปดไปจ่ายเงินรับของด้วย”
ทุกคนต่างมองทางกู้ชูหน่วนเป็นตาเดียว เสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่
“ทำไมหมายเลขยี่สิบแปดนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ? นางคงมิใช่ไม่มีเงินห้าสิบล้านตำลึงกระมัง?”
“ยังต้องพูดอีก? ต้องไม่มีอยู่แล้ว! ห้าสิบล้านตำลึงเชียวนะ ถึงจะเป็นลูกหลานเชื้อพระวงศ์ ชั่วเวลาสั้นๆ ก็หาเงินมากมายเพียงนั้นไม่ได้กระมัง?”
“เฮอะ ไม่มีเงินยังคุยโต ในเมื่อแม้แต่ห้าสิบล้านตำลึงยังกล้าขานได้ ควักเงินไม่ได้สมน้ำหน้า!”
กู้ชูหน่วนกะพริบดวงตาโตน่าสงสารต่อ ปากจู๋เอ่ย “ดูสิ มีคนว่าชายาท่านไม่มีเงินยังคุยโต ดูสิจะเอาหน้านี้จะกอบกู้กลับมาอย่างไร?”