บทที่309 เย่จิ่งหานถูกดูดกำลังภายใน
“ถ้าเจ้ากล้าเอาสมุนไพรของข้าไปเผาทิ้ง ข้ารับประกันได้เลยว่าข้าจะเผาเจ้าไหม้จนยมทูตจำไม่ได้เลยคอยดู พวกเจ้า เอายาเข้าไปในเก็บในห้องทางตะวันตก”
ชิงเฟิงหนังหัวชาไปทั้งแถบ
ถึงจวนจะใหญ่แค่ไหน ก็ไม่ควรเอามาย่ำยีแบบนี้ไหม เอาห้องดีๆของจวนมาเก็บวัชพืช ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปคงได้เป็นที่หัวเราะของทุกคนแน่
“ชิงเฟิง ไปฆ่าวัวสองตัว หมูสิบตัว แล้วสั่งให้คนมาส่งในห้องข้า”
“อ่า……พระชายา ท่านจะขายเนื้อวัวเนื้อหมูเหรอ?”
กู้ชูหน่วนอดไม่ได้ตบเขาไปทีหนึ่ง
นางเหมือนคนขายเนื้อที่ไหนกัน?
“ข้าจะกินเองไม่ได้หรือไง?”
“กิน……เอง?”
ชิงเฟิงเกาหัวแกรกๆ จะกินคนเดียวหมดได้ยังไง?
“พระชายา กระหม่อมจะสั่งให้คนทำอาหารอร่อยๆมาให้ขอรับ จะต้องต้อนรับเพื่อนของท่านอย่างดีเลย”
“ฟ่อๆ……”
งูเล็กสีเขียวมรกตรัดอยู่บนข้อมือของกู้ชูหน่วนแล้วทำเสียงฟ่ออย่างอารมณ์ดี พอได้ยินคำว่ากินก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที
ชิงเฟิงก็ถึงเห็นงูเล็กที่รัดอยู่บนข้อมือนาง
งูเล็กขนาดนี้ ร่างกายสีเขียวมรกต รัดอยู่บนข้อมือนางเหมือนกับกำไลเลย ถ้าไม่สังเกตดูดีๆ ไม่มีทางดูออกเลยว่าเป็นงูตัวหนึ่ง
ชิงเฟิงรีบพูดว่า “พระชายาจะต้มงูเล็กตัวนี้เหรอขอรับ? จวนจ้างพ่อครัวคนใหม่มา ฝีมือทำอาหารดีมาก ไม่ว่าจะต้ม นิ่ง ผัด ทอดก็……”
“ฟ่อๆๆ……”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์โมโห ทำเสียงขู่อย่างไม่พอใจ ความรู้สึกดีที่มีต่อเขาเมื่อกี้ได้หายไปในพริบตา เอาเขาเข้าไปในบัญชีดำของตัวเองทันที
กู้ชูหน่วนหัวเราะ “ถ้าเจ้าจับมันได้ งั้นก็ต้มเถอะ”
“เอ่อ……”
งั้นต้มหรือไม่ต้มกันนะ?
“เย่จิ่งหานล่ะ?” กู้ชูหน่วนถาม
“ท่านอ๋องเพิ่งกลับมาจากเรือนพักร้อนชิวเฟิงขอรับ ตอนนี้กำลังรอท่านอยู่ กระหม่อมพาท่านไป นายท่านสั่งมาว่า……”
“ไม่ต้องแล้ว ข้าเหนื่อยมาก อยากกลับไปนอนในห้องเล็ก นอกจากส่งเนื้อแล้ว ไม่มีธุระอะไรไม่ต้องมารบกวนข้า”
พอพูดจบ กู้ชูหน่วนที่อยู่ตรงหน้าก็หายไปทันที
คำพูดของชิงเฟิงติดอยู่ในคอ มองดูแผ่นหลังที่หายไปของนางอย่างตะลึง
นายท่านเคยสั่งว่า กลับจวนแล้วไปหาเขาก่อน……
ชิงเฟิงอยากตามไป แต่ประตูห้องกลับปิดลงแล้ว เขาเป็นแค่ลูกน้องจะเข้าไปได้ยังไง
ชิงเฟิงกลับหลังหันกำลังจะไปรายงาน เย่จิ่งหานกลับปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้ว
“ท่านอ๋องขอรับ”
“ถอยออกไปเถอะ”
“ขอรับ”
สีหน้าเย่จิ่งหานซีดเซียวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบาดเจ็บหรือเปล่า
ดวงตาเรียวยาวของเขามองดูประตูห้อง เหมือนกำลังสำรวจอะไรอยู่
ชีพจรยุทธ์ขั้นที่สอง……
ในระยะเวลาสั้นๆไม่เพียงแต่เปิดชีพจรยุทธ์ได้ แถมยังโดดไปถึงขั้นสองอีก มีพรสวรรค์ไม่เบาเลยนะ
งูเล็กในมือนาง ถ้าเขาดูไม่ผิดล่ะก็ น่าจะเป็นราชางูเก้าหัวมรกต
ราชงูเก้าหัวมรกตเป็นราชาของงูเชียวนะ ไม่เพียงแต่สามารถเรียกรวมงูจากทั่วทุกที่ได้ ขนาดสัตว์ร้ายระดับสูงมากมายยังต้องกลัวมันเลย
ราชางูเก้าหัวมรกตตามหาตัวยากมาก แทบจะสูญพันธุ์แล้วด้วยซ้ำ นางไปเอามาจากไหนล่ะ?
แถมยังมีความสามารถให้ราชางูเคารพนางเป็นเจ้านายอีก?
ไม่รู้ว่าเขาคิดจนเพลินหรือเปล่า ชิงเฟิงพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “นายท่าน งูเล็กสีเขียวตัวนั้น เกรงว่าจะไม่พอให้พระชายากิน กระหม่อมไปจับงูเล็กที่มีประโยชน์ มาต้มให้พระชายากินนะขอรับ”
เย่จิ่งหาน “……”
เขาให้คนโง่ติดตามอยู่ข้างหายได้ยังไงกันนะ
นี่เป็นราชางูเก้าหัวมรกตในตอนเด็ก ถึงแม้จะยังเด็กก็ถึงขั้นสูงสุดระดับสี่แล้ว ถ้าโตเต็มวัย อาจจะถึงระดับเจ็ดก็ได้ และอาจจะเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ
เขาจะฆ่าได้งั้นเหรอ?
ใครกินใครยังไม่รู้เลย
เย่จิ่งหานครุ่นคิด ความสงสัยในสายตาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กู้ชูหน่วนมีชี่ทิพย์ล้อมรอบร่างกาย น่าจะมีสมบัติอะไรอีก
เป็นสมบัติอะไรกันนะ ถึงทำให้ร่างกายนางห้อมล้อมไปด้วยชี่ทิพย์ นานมากก็ยังไม่หายไปสักที?
เจี่ยงเสวียพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “นายท่าน ชี่ทิพย์บนร่างกายพระชายาแรงมาก ยอดฝีมือธรรมดาก็ไม่มีอะไร แต่ยอดฝีมือระดับสามขึ้นไป จะต้องสังเกตเห็นแน่ๆ พระชายาคงจะถูกจับตามองแล้วขอรับ”
นึกถึงแสงที่พุ่งขึ้นฟ้า เจี่ยงเสวียก็สงสัยมาก สมบัติล้ำค่าระดับห้าอยู่ในมือพระชายาหรือเปล่า
แต่สมบัติล้ำค่ามีจิตใจ พวกมันเลือกเจ้านาย จะเลือกแต่คนที่แข็งแกร่งกว่าพวกมัน ไม่มีทางเลือกคนที่อ่อนแอกว่าแน่นอน
พระชายายังไม่เข้าระดับหนึ่งเลยด้วยซ้ำ ทำไมสมบัติล้ำค่าถึงเลือกนางนะ
กลับเห็นภายในห้องมีแสงสีม่วงสาดส่องออกมา โอบล้อมสามวงใหญ่
ชิงเฟิงตะลึง “พระชายาทะลุถึงขั้นที่สามแล้ว พระชายาเปิดชีพจรยุทธ์ได้เมื่อไหร่กัน? เหมือนจะไม่มีคนช่วยนางนะ”
สีหน้าเจี่ยงเสวียตกใจ “ไม่สิ พระชายากำลังจะทะลุชีพจรยุทธ์ขั้นที่สี่”
ว่าไงนะ……
เพิ่งทะลุขั้นที่สาม จะทะลุขั้นที่สี่แล้วเหรอ?
นี่มันผิดธรรมดาเกินไปแล้ว
วงล้อมสีม่วงสามชั้น เพิ่มขึ้นอีกวงอย่างเห็นได้ชัด
คนในจวนต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด แต่ละคนมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ในตอนที่พวกเขานับถือพระชายาอยู่นั้น กลับได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดด้านในห้องดังขึ้น
เย่จิ่งหานสีหน้ามืดมน ตบมือขวาเบาๆ คนพร้อมรถเข็นก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าประตูห้อง
“ปัง……”
เขาเปิดประตูใหญ่ของห้อง มาถึงตรงหน้ากู้ชูหน่วน
กลับเห็นกู้ชูหน่วนนอนขดตัวอยู่บนเตียงอย่างทรมาน สองมือกุมหน้าท้องเอาไว้ ใบหน้าสวยของนางเจ็บจนยู่ยี่ไปหมด เหมือนกำลังอดทนกับความเจ็บปวดนี่อยู่
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินอาหารอยู่บนโต๊ะ เห็นเขาเข้ามาก็ส่ายหน้าด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ใจ กำลังบอกว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของเขา
มองดูบนหัวเตียง กลับมีผลึกหลากสีหมื่นปีหลายเม็ด หนึ่งในนั้นยังถูกกัดไปแล้วครึ่งเม็ด
ชี่ทิพย์นั้นเข้มข้นมาก เป็นชี่ทิพย์ที่ผลึกเกล็ดหิมะปล่อยออกมา
ให้ตายสิ ยัยผู้หญิงโง่ คงไม่ได้กินผลึกเกล็ดหิมะเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังของตัวเองหรอกนะ
เย่จิ่งหานกอดนางเอาไว้ ส่งกำลังภายในของตัวเองเข้าสู่ร่างกายของนางไม่หยุด ช่วยให้ความร้อนรนในร่างกายของนางหายไป
ลมปราณในร่างกายกู้ชูหน่วนกระทบไปมา รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เย่จิ่งหานจึงต้องกระตุ้นลมปราณ ใช้ความแข็งแกร่งกดทับมันไว้
กว่าจะกดเอาไว้ได้ แต่ทว่า……
ลมปราณในร่างกายกู้ชูหน่วนเหมือนมีแรงดึงดูด ดูดลมปราณของเขาไปอย่างหิวโหย อยากจะดูดลมปราณในร่างกายของเขาไปทั้งหมด
เขาอยากเอาลมปราณออกมา แต่กลับติดหนึบจนเอาออกไม่ได้
ถ้าหยุดกะทันหัน ก็จะทำให้นางบาดเจ็บได้
เย่จิ่งหานจึงต้องมองดูกำลังภายในของตัวเองถูกดูดออกไปเรื่อยๆ
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียที่อยู่นอกประตูก็ตกตะลึง “นายท่าน……”
“ออกไป ปิดประตูด้วย ไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด”
“แต่ว่า……”
“ออกไปไง”
คำพูดของเย่จิ่งหานเป็นคำสั่งที่ห้ามต่อรอง ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียจำใจต้องออกมา แต่พวกเขาก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี
ครั้งก่อนหลังจากต่อสู้กับเผ่าเทียนเฟิ่น เพราะพิษในร่างกายของนายท่านกำเริบขึ้น ถูกเผ่าเทียนเฟิ่นลอบโจมตี ตอนนี้ยังไม่หายเลย
ตอนนี้ยังถูกพระชายาดูดกำลังภายในไปอีก
ไม่มีกำลังภายใน นายท่านจะกดพิษในร่างกายไว้ได้ยังไง?
จะต่อกรกับเผ่าเทียนเฟิ่นได้ยังไง?
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียร้อนรนใจ
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลับกะพริบตาปริบๆ ส่ายหัวไปมา เหมือนกำลังงุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมกู้ชูหน่วนถึงอ่อนแอขนาดนี้ ต้องดึงดูดกำลังภายในของคนอื่น ถึงจะกดพลังของผลึกเกล็ดหิมะหมื่นปีได้