ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่
นี่เขากำลังข่มขู่กันหรือ
“ไม่มีใครรู้ว่าฮองเฮาของแคว้นฉู่อยู่ที่นี่ และจะไม่มีใครรู้ว่านางตายที่นี่ แม้ฮ่องเต้ของแคว้นฉู่จะโกรธถึงขีดสุด ส่งทหารไปกำจัดเผ่าปีศาจ ก็เป็นการทำสงครามกับจอมมาร ไม่ใช่ข้า”
ดวงตาของเย่เฟิงมีแววเจ็บปวดเกิดขึ้นอีกครั้ง
แล้วมองฮองเฮาฉู่ที่ไออย่างอ่อนแรง สีหน้าขาวซีดจนน่ากลัว ริมฝีปากแห้งกร้านจนแตกร้าว มีเลือดไหลซิบออกมา
นางทนไม่ไหวแล้วแท้ๆ แต่นางก็ยังฝืนทน ดวงตาที่พร่าเลือนนั้นยังคงมองเขาอยู่ตลอดเวลา
หัวใจของเย่เฟิงมีความรู้สึกหมดหนทางกรูขึ้นมาอย่างหนักหน่วง
เขาบาดเจ็บสาหัส ลมหายใจไม่คงที่ กระดูกบนร่างกายหลายส่วนถูกหักเป็นท่อน
อาศัยเขาคนเดียว อย่าว่าแต่หัวหน้ากองธงโบตั๋นกับยอดฝีมืออีกมากมายของเผ่าปีศาจเลย แม้แต่หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ เขาก็ไม่ยากจะต้านทานได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ อยากจะช่วยฮองเฮาฉู่ เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ
“ทำไม เป็นห่วงหรือ เสี่ยวเฟิงเอ๋อ ข้าจำได้ เจ้าติดตามอยู่ข้างกายข้ามาตั้งหลายปี ไม่เคยเห็นเจ้าเป็นห่วงข้ามาก่อนเลย นี่มันทำให้ข้ารู้สึกหึงจริงๆ”
“ท่านหัวหน้ากองธง ข้าผิดไปแล้ว ขอร้องให้โอกาสข้าอีกครั้ง ข้าจะติดตามท่านกลับไปอย่างเชื่อฟัง ข้ารับรองว่าภายหน้าจะปรนนิบัติท่านเป็นอย่างดี จะไม่หักหลังท่านอีก ขอเพียงท่านเมตตาสักครั้ง”
เย่เฟิงพยายามคุกเข่าลง โขกหัวคำนับลงกับพื้นอย่างแรง
ทั้งๆที่รู้ว่าต้องเหมือนกับก่อนหน้านี้ ไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนอย่างไร หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็ไม่มีทางปรานี แต่เขาก็ได้แต่ตั้งความหวังเล็กๆ ความหวังเล็กๆที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
เขาอยากจะมีศักดิ์ศรีเพียงน้อยนิดต่อหน้าฮองเฮาฉู่มาตลอด
แต่ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ก็ไม่เคยมีศักดิ์ศรีหลงเหลือเลย
หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ยิ้มเย็น “สายไปแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะรู้สึกกลับใจจริงๆหรือไม่ ในสายตาข้าล้วนไม่สำคัญ เพราะในสายตาข้าเจ้าก็แค่หมาตัวหนึ่ง หมาที่ข้าอยากจะฆ่าก็ฆ่า อยากจะเล่นก็เล่น”
เย่เฟิงที่โขกหัวคำนับอยู่ชะงักลง
มือขวาที่ไม่ได้ถูกหักกำหมัดไว้แน่น
เขายังคงใช้หัวดันไว้บนพื้น ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่มีใครเห็นสีหน้าของเขา แต่จากการที่เห็นเขากำหมัดไว้แน่นไม่ปล่อย ราวกับว่าเขากำลังอดทนกับอะไรบางอย่างอยู่
ทันใดนั้นหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็มองไปทางฮองเฮาฉู่ พูดยิ้มๆว่า “เจ้าอยากจะรู้ประวัติความเป็นมาของเย่เฟิงมาตลอดมิใช่หรือ วันนี้ข้าอารมณ์ดี ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังทั้งหมดเอง”
“ไม่ อย่า……”
เย่เฟิงเคลื่อนตัวไปข้างหน้า แต่กลับถูกฉีโส่วของเผ่าปีศาจทำร้าย
“เขาก็เป็นแค่ทาสบำเรอของข้าคนหนึ่ง ทาสบำเรอที่มีไว้ให้ข้าเล่นได้ตามใจ”
“ทาส……ทาสบำเรอ……”ฮองเฮาฉู่พึมพำกับตัวเอง
“ก็คือ ชายหนุ่ม ที่โปรดปราน ไม่ให้ใคร แตะต้อง”
ได้ยินประโยคนี้ ร่างกายของฮองเฮาฉู่ก็สะท้านขึ้นมา สติก็กลับคืนมาหลายส่วน
“ตั้งแต่เขาห้าขวบ ข้าก็รับเลี้ยงเขาเป็นทาสบำเรอ สิบกว่าปีมานี้ เขาก็เป็นแค่ของเล่นของข้ามาตลอด เขาเหมาะสมที่จะเป็นแค่ผู้รับความสุขอยู่ใต้ร่างข้าเท่านั้น”
“พอแล้ว”
ไม่รู้ว่าเย่เฟิงไปเอาแรงมาจากไหน ทันใดนั้นก็พุ่งตัวขึ้นมา อยากจะจบชีวิตไปพร้อมกับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้
ลูกน้องที่มีฝีมือของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ตาเร็วมือไว ควบคุมเย่เฟิงไว้ทันที บีบจนเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย
“เมื่อครู่ยังบอกว่าจะเชื่อฟังอย่างดี จะไม่หักหลังอีก นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน เสี่ยวเฟิงเอ๋อก็ลืมเสียแล้ว”
เย่เฟิงจ้องมองเขาอย่างขุ่นเคือง
เขาไม่กล้าจะมองแววตาของฮองเฮาฉู่แล้ว
เพราะอะไร……
ทำไมด้านที่เขาทนไม่ได้อย่างที่สุด จึงถูกเปิดเผยต่อหน้าคนที่เขาใส่ใจมากที่สุดเสมอ
“ทำไม……ทำไมต้องทำกับข้าเช่นนี้”
“ฮึ เพราะว่าเจ้าคือคนของข้า ชาตินี้ชีวิตนี้ของเจ้าเป็นของข้า นอกจากข้า ข้าไม่อนุญาตให้เจ้ามีใครในใจเด็ดขาด เจ้าใส่ใจฮองเฮาฉู่ เช่นนั้นนางก็ควรตาย ”
ทันใดนั้นเย่เฟิงก็หลับตาลง
ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฮองเฮาฉู่
เขารับรอง
เขาจะทวงคืนทุกสิ่งก่อนหน้านี้ที่อัดอั้นอยู่ในใจทั้งหมด คืนมาเป็นพันเท่าหมื่นเท่า