อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 331 เวินเส้าหยีไล่ตามมา
สติของเย่เฟิงเลือนราง
แต่เสียงของกู้ชูหน่วน เขาจำได้ไม่มากก็น้อย
“ ถ้าหากเจ้ากล้าตายละก็ ไม่ว่าสวรรค์หรือนรก ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าแน่ ” ทำให้ร่างกายของเขาสั่นเทานิดหน่อย คนก็มีกำลังมากขึ้นเล็กน้อย
เขาพยายามเปิดตา กลับเห็นกู้ชูหน่วนยัดผลึกไว้บนตัวของเขา แล้วป้อนยาให้เขากินอีกสามเม็ด
มีผลึกและยาสามเม็ด ร่างกายของเขาดีขึ้นมาก แต่เสียเลือดมากเกินไป บาดแผลนับไม่ถ้วน ก็ยังทำให้เขาเวียนหัวตาลาย
“ติดแน่นเกินไป ข้าทำได้เพียงฝืนดึงเจ้าออกมา เจ้าก็อดทนหน่อย”
ไม่รอให้เย่เฟิงเอ่ย กู้ชูหน่วนก็ฝืนลากเขาขึ้นมาแล้ว
ร่างของเย่เฟิงออกมาจากหนามที่ติดอยู่ เลือดสดหลั่งไหลลงมาเป็นสายน้ำเหมือนเขื่อนแตกเช่นนั้น ดูน่ากลัวเป็นที่สุด
ความเดือดดาลอย่างรุนแรงของกู้ชูหน่วนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คนเผ่าปีศาจที่น่ารังเกียจพวกนี้ สักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว นางจะต้องสังหารพวกเขาด้วยมือของตัวเองแน่นอน
อาการบาดเจ็บของเย่เฟิงสาหัสเกินไป กู้ชูหน่วนจึงแบกเขาจากไปโดยตรง
นางรูปร่างผอมเพรียว แต่แบกเย่เฟิงขึ้นมากลับเหมือนเหาะจากไปเช่นนั้น
ตอนแรกคนของเผ่าเทียนเฟิ่นตะลึงกับคนของเผ่าปีศาจ คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ทรมานคนเป็นๆผู้หนึ่งจนกลายเป็นคนตาย
แต่หลังจากนั้นกลับตกตะลึงกับคนของเผ่าเทียนเฟิ่น ว่ามีลูกศิษย์ตัวเล็กผอมเพรียวขนาดนี้ตามเข้ามาเมื่อไหร่?
ดูความง่ายดายนั่น ต้องไม่ใช่สิ่งลูกศิษย์ทั่วไปสามารถทำได้แน่
หัวหน้ากองธงกล้วยไม้และหัวหน้ากองธงโบตั๋นเห็นต่อตาว่าของส่วนตัวของตัวเองถูกแย่งชิงไป ท่าทางการโจมตีท่าหนึ่งรุนแรงกว่าอีกท่าหนึ่ง กระบวนท่าหนึ่งรวดเร็วขึ้นกว่าอีกกระบวนท่าหนึ่ง ต่อสู้จนเผ่าเทียนเฟิ่นปรากฏความพ่ายแพ้ของรางๆ
สงครามใหญ่ที่นี่ยังเกิดขึ้นต่อไป
อีกด้านหนึ่ง กู้ชูหน่วนแบกเย่เฟิงวิ่งมาไกลได้ระยะหนึ่งจึงหยุดลง
“ไม่ได้ เลือดบนตัวเจ้าออกมากเกินไป หากยังไม่ห้ามเลือดอีก เจ้าจะเลือดไหลหมดจนตาย”
กู้ชูหน่วนวางเขาลงมา ช่วยเขาห้ามเลือดไปพลาง กล่าวไปพลาง
ในแหวนมิตินางใส่สมุนไพรห้ามเลือดไว้ไม่น้อย และใส่ผ้าก๊อซไว้จำนวนมาก แต่คิดจะพันแผลของเขาทั้งหมดให้ดีในระยะเวลาอันสั้น เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง
“เชี้ยเอ๊ย…..คิดไม่ถึงว่ายังจะมีหนามตะขอเล็กๆแทงเข้าไปในร่างกายของเจ้าทั้งอันด้วย ทำได้เพียงใช้แม่เหล็กดูดออกมาแล้ว”
สถานที่แย่ๆนี่ จะไปหาแม่เหล็กได้ที่ไหน?
กู้ชูหน่วนอดกลั้นความปวดใจ พันแผลของเขาขึ้นมาทีละแผล
ฝูกวงผ่อนฝีเท้าลง รอพวกเขาอยู่ไม่ไกลนัก
เขาขมวดคิ้ว
เลือดของเย่เฟิงไหลมากเกินไป ตลอดทางที่ผ่านมา ล้วนเป็นเลือดของเขา คนของเผ่าปีศาจและเผ่าเทียนเฟิ่นก็จะตามมาเจอได้จากเลือด
หากไม่ทำความสะอาดเลือดทิ้งไป พวกเขาไม่ว่าใครก็ไม่สามารถออกจากที่นี่ไปได้
ฝูกวงไปจัดการรอยเลือดแล้ว
ฮองเฮาฉู่ที่อ่อนแอวิ่งเข้ามาอย่างโซซัดโซเซ
นางไม่กล้าไปแตะต้องเย่เฟิง ก็กลัวว่าหลังจากที่สัมผัสแล้ว เขาจะเป็นเหมือนเครื่องกระเบื้องเช่นนั้น แตกไปโดยตรง
ชำเลืองมองใบหน้าน้อยๆอันซีดขาวที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยนั่นของเขา ฮองเฮาฉู่ยื่นมือออกไปอย่างสั่นเทา คิดจะดึงเสื้อด้านหลังของเขาลง
ไม่รู้ว่าเย่เฟิงลุกขึ้นนั่งอย่างฉับพลันด้วยเหตุใด หลบเลี่ยงมือของฮองเฮาฉู่ ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด ดวงตาก็กระวนกระวายขึ้นมา
กู้ชูหน่วนคิดว่านางลงมือหนักเกินไป กล่าวปลอบโยนอย่างอดไม่ได้ “ข้าเบามากแล้ว เจ้าอดทนอีกสักหน่อย”
“ข้า…….ไม่……ไม่เป็นไร”
เย่เฟิงดึงเสื้อผ้าแล้ว ไม่ยอมให้กู้ชูหน่วนจัดการบาดแผลอีกต่อไป
เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดยับเยินมาก เย่เฟิงทำได้เพียงพิงต้นไม้ใหญ่ไว้ พยายามที่สุดเพื่อปิดบังปานด้านหลังไว้
เขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ร่างกายสั่นเทาอยู่ตลอดอย่างควบคุมไม่ได้
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
หรือเพราะเขาเคยเป็นทาสบำเรอ จึงไม่ชอบให้คนอื่นถอดเสื้อเขาของและใส่ยาให้งั้นหรือ?
ฮองเฮาฉู่ร้อนใจ อยากดูว่าด้านหลังของเขามีปานหรือไม่
แต่ดวงตาที่หวาดกลัวของเย่เฟิง ทำให้นางฝืนใจดูต่อไปไม่ได้
คำพูดแต่ละคำของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้วนเวียนอยู่ข้างหู นางไม่ลืม ที่ผ่านมาเย่เฟิงเป็นเพียงแค่ทาสบำเรอผู้หนึ่ง
สิ่งที่ทาสบำเรอกลัวที่สุดก็คือคนอื่นจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาสินะ
“นายหญิง คนของเผ่าเทียนเฟิ่นไล่ตามมาแล้วขอรับ”
“เจ้าพาพวกเขาไป ข้าจะไปล่อพวกเขาออกไป”
“คนที่มาไม่ใช่ผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฟิ่น แต่เป็นเวินเส้าหยีนายน้อยหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่นขอรับ”