อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 338 เจ้าสำนักชิงมาถึง
“ปัง……”
กู้ชูหน่วนและเวินเส้าหยีร่วงตกไปแล้ว เพียงแต่สถานที่ตกลงไปไม่ใช่ทะเลโลหิตแต่กระแทกเข้าบนแผ่นหินอันหนึ่งที่ยื่นออกมาอย่างหนัก
“อื้ม…….”
กู้ชูหน่วนเปล่งเสียงด้วยความอัดอั้น เอวของนาง……
แทบจะหักแล้วสินะ?
“ฟุบ……”
เวินเส้าหยีเหวี่ยงกู้ชูหน่วนขึ้นไปตอนอยู่กลางอากาศ เพื่อลดแรงที่นางตกลงมา ตัวเองกลับล้มลงบนแผ่นหินอย่างหนักหน่วง น้ำหนักของแรงนั่น ทำให้เขาทนไม่ได้กระอักเลือดออกออกมาคำหนึ่ง ราวกับว่ากระดูกทั้งร่างแหลกไปแล้วเช่นนั้น แม้แต่อวัยวะภายในก็ปั่นป่วนอย่างรุนแรง
ทั้งคู่หมดสติไป เสียงคำรามของสัตว์อสูรยอดหุบเหวยังคงดังต่อเนื่องพร้อมกับเสียงร้องอันน่าเวทนา
ที่ราบระหว่างภูเขาทางด้านตะวันตก ดูเหมือนว่าเย่จิ่งหานและเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ จะรับรู้ได้ว่ากู้ชูหน่วนเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
เย่จิ่งหานพยายามดิ้นรนลุกขึ้น คิดจะไปเสาะหากู้ชูหน่วนโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่ทำอะไรไม่ได้ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนทำอะไรบนร่างกายของเขาบ้าง ไม่เพียงทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัว สูญสิ้นกำลังภายในทั้งหมด แม้กระทั่งกระดิกตัว ก็กระดิกไม่ได้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงเป็นกังวลอยู่ในใจ
“หลีโล่ ให้ทุกคนออกตามหา จำเป็นต้องต้องพาพระชายากลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้”
“นายท่าน แต่หากเป็นเช่นนี้ ตัวตนของพวกเราก็จะเปิดโปง ถึงเวลา……”
ตื้ด……..
แววตาอันกระหายเลือดยิงมาอย่างรุนแรง หลีโล่รู้สึกเย็นยะเยือกตั้งแต่หัวถึงหาง ติดตามอยู่ข้างกายนายท่านหลายปีขนาดนี้ นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นนายท่านร้อนใจเพียงนี้
เขาไม่กล้ารีรอ รับคำสั่งแล้วออกไปทันที “นายท่านวางใจได้ขอรับ ข้าน้อยจะพาพระชายากลับมาอย่างปลอดภัยเป็นแน่ขอรับ”
ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว……
องครักษ์ลับที่หลบซ่อนอยู่ในที่ลับน้อยลงไปกว่าครึ่ง
เย่จิ่งหานเหลือบมองไปทางคอขวดปากปล่องภูเขาน้ำเต้าด้วยความกังวลใจ
เสียงคำรามของสัตว์อสูรในนั้นมีอยู่ตลอดต่อเนื่อง
เหมือนว่ายังมีสัตว์อสูรระดับหก จนกระทั่ง…..เป็นไปได้สุดๆว่าจะถึงระดับเจ็ดอยู่รางๆ
สัตว์อสูรระดับเจ็ด?
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่เขาอยู่ขั้นสูงสุดก็ไม่แน่ว่าจะสู้ได้ นับประสาอะไรกับผู้หญิงตัวเล็กคนนั้น
สมควรตาย
ทำไมถึงไร้กำลังภายในทั้งหมดในเวลานี้ด้วย?
ดวงตาของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ กะพริบแล้วกะพริบอีก ฟ่อวฟ่อวฟ่อวแลบลิ้นออกมา
หัวของมันโยกไปมา ทันใดนั้นก็ละทิ้งภาระหนักอึ้งไม่ทำแล้ว แม้แต่หัวหมูห้าสิบหัวก็ไม่เอาแล้ว ร่างกายเหมือนปลาไหลเช่นนั้น ชึบเสียงหนึ่งก็ไปทางคอขวดปากปล่องภูเขาน้ำเต้าค้นหากู้ชูหน่วนนายหญิงของมัน ไม่สนใจเย่จิ่งหานที่ถอนพิษได้เพียงครึ่งหนึ่งโดยสิ้นเชิง
ที่ราบระหว่างภูเขาทางทิศตะวันออก ฝูกวงและคนอื่นๆได้ยินเสียงคำรามนั่นของสัตว์อสูร ขาทั้งคู่ไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อย บนใบหน้าอันเยาว์วัยงดงามนั่นซีดเผือดไร้เลือด
นายหญิง……
นายหญิงคงไม่ได้อยู่ในนั้นหรอกนะ?
“ฮูหยินฉู่ องครักษ์ลับของเย่จิ่งหานก็อยู่ด้านหน้า ตรงนี้น่าจะปลอดภัย รบกวนพวกท่านรออยู่ตรงนี้ ข้า……ต้องไปรับนายหญิงของข้า”
ฝูกวงไม่กล้าคิดจริงๆ หากว่านายหญิงของตัวเองเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตัวเองจะอธิบายกับสำนักอสุราอย่างไร จะชี้แจงกับคนทั้งเผ่าอย่างไร แล้วจะคู่ควรกับบุญคุณที่นายหญิงมีต่อเขาได้อย่างไร
“เจ้าไม่ต้องสนใจพวกเรา รีบไปดูแม่นางกู้เถอะ”
ฮูหยินฉู่ที่ลมหายใจอ่อนแอได้ยินแล้วจิตใจก็หวาดผวาเช่นกัน เป็นสัตว์อสูรอะไรถึงได้เปล่งเสียงคำรามที่สะเทือนแก้วหูจนหูจะหนวกเช่นนั้นได้ แม้แต่ฟากฟ้าทั้งผืนก็แทบจะถูกสะเทือนจนแตกแล้ว
“ฝูกวง อาหน่วนล่ะ”
ในเวลาฉับพลันนั้น เสียงอันอ่อนโยนและร้อนใจเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน หันกลับไปเห็นเจ้าสำนักชิงสวมชุดเขียวทั้งตัวที่ปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
เจ้าสำนักชิงที่ดูเหนื่อยล้า บนใบหน้าที่ดูมีความรู้สง่างามในเดิมทีเป็นความวิตกกังวลที่ยากจะปกปิดได้
“เพื่อคุ้มกันพวกเรา นายหญิงเข้าไปเผชิญหน้ากับนายน้อยหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่น ตอนนี้ยังไม่ทราบสถานการณ์ขอรับ”
“อยู่ที่ไหน”
“ด้านล่างปากปล่องของภูเขาน้ำเต้าเบื้องหน้าขอรับ”
คำพูดยังไม่สิ้นสุด เห็นเพียงเงาร่างสีเขียวของเขาแฉลบผ่านไป เบื้องหน้ายังจะมีเงาของเจ้าสำนักชิงอยู่ที่ไหนกัน